สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 26 มี.ค. โดยอ้างข้อมูลจากสำนักข่าวซานาของรัฐบาลดามัสกัส ว่ากองทัพซีเรียสามารถรุกคืบยึดพื้นที่ในเมืองพัลไมรา ซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางตอนกลางของประเทศ คืนจากการยึดครองของกลุ่มไอเอสได้แล้วอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง รวมถึงป้อมปราการที่มีความเก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 ซึ่งยังเหลือรอดจากการระเบิดทำลายของกลุ่มไอเอส ที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างให้แก่โบราณสถาน นับตั้งแต่เข้ายึดครองเมืองเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว โดยปฏิบัตการครั้งนี้ได้รับความสนับสนุนจากกองทัพรัสเซียซึ่งคอยโจมตีทางอากาศเพื่อคุ้มกัน
ทั้งนี้ หากกองทัพซีเรียสามารถยึดเมืองพัลไมรากลับคืนได้สำเร็จ จะถือเป็นอีกหนึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่ของกลุ่มไอเอส โดยนอกเหนือกจากความสำคัญในฐานะเมืองมรดกโลกแล้ว เมืองพัลไมรายังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญจากการเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างเมืองรักกา ที่ตั้งอยู่ทางเหนือและกลุ่มไอเอสอุปโลกน์ให้เป็นเมืองหลวง กับเมืองเดอีร์-เอส-ซอร์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในภาคตะวันออก ขณะที่องค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย ( เอสโอเอชอาร์ ) รายงานเพิ่มเติมว่า การสู้รบที่เมืองพัลไมราเมื่อวันศุกร์ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 42 ศพ แบ่งเป็นทหาร 18 ศพ และสมาชิกไอเอส 24 ศพ
ในเวลาเดียวกัน กองทัพอิรักสามารถยกพลรุกคืบเข้าสู่เมืองโมซุลได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อแย่งชิงเมืองสำคัญทางเหนือของประเทศคืนจากกลุ่มไอเอส ที่ยึดพื้นที่มายาวนานตั้งแต่กลางปี 2557 โดยรัฐบาลแบกแดดรายงานว่า ทหารสามารถฝ่าดงกับดักระเบิดบนทางหลวงสายสำคัญเข้าสู่เมืองโมซุลได้ ซึ่งถือเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญ
กองทัพซีเรียยึดเมืองพัลไมราได้แล้วครึ่งหนึ่ง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 26 มี.ค. โดยอ้างข้อมูลจากสำนักข่าวซานาของรัฐบาลดามัสกัส ว่ากองทัพซีเรียสามารถรุกคืบยึดพื้นที่ในเมืองพัลไมรา ซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางตอนกลางของประเทศ คืนจากการยึดครองของกลุ่มไอเอสได้แล้วอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง รวมถึงป้อมปราการที่มีความเก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 ซึ่งยังเหลือรอดจากการระเบิดทำลายของกลุ่มไอเอส ที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างให้แก่โบราณสถาน นับตั้งแต่เข้ายึดครองเมืองเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว โดยปฏิบัตการครั้งนี้ได้รับความสนับสนุนจากกองทัพรัสเซียซึ่งคอยโจมตีทางอากาศเพื่อคุ้มกัน
ทั้งนี้ หากกองทัพซีเรียสามารถยึดเมืองพัลไมรากลับคืนได้สำเร็จ จะถือเป็นอีกหนึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่ของกลุ่มไอเอส โดยนอกเหนือกจากความสำคัญในฐานะเมืองมรดกโลกแล้ว เมืองพัลไมรายังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญจากการเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างเมืองรักกา ที่ตั้งอยู่ทางเหนือและกลุ่มไอเอสอุปโลกน์ให้เป็นเมืองหลวง กับเมืองเดอีร์-เอส-ซอร์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในภาคตะวันออก ขณะที่องค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย ( เอสโอเอชอาร์ ) รายงานเพิ่มเติมว่า การสู้รบที่เมืองพัลไมราเมื่อวันศุกร์ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 42 ศพ แบ่งเป็นทหาร 18 ศพ และสมาชิกไอเอส 24 ศพ
ในเวลาเดียวกัน กองทัพอิรักสามารถยกพลรุกคืบเข้าสู่เมืองโมซุลได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อแย่งชิงเมืองสำคัญทางเหนือของประเทศคืนจากกลุ่มไอเอส ที่ยึดพื้นที่มายาวนานตั้งแต่กลางปี 2557 โดยรัฐบาลแบกแดดรายงานว่า ทหารสามารถฝ่าดงกับดักระเบิดบนทางหลวงสายสำคัญเข้าสู่เมืองโมซุลได้ ซึ่งถือเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญ