ผมดู DOTS ไปแล้วก็ทึ่งกับการใส่ใจในรายละเอียด ทำให้ตัวเรื่องมีความหมายที่ลึกซึ้งมากขึ้น
นั่นก็คือการใส่"สัญลักษณ์"เข้าไป แล้วผมแน่ใจได้ยังไงว่าสัญลักษณ์อะไรที่ว่านี่ทีมงานจงใจใส่มาจริงๆ?
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมมั่นใจว่าทีมงานตั้งใจใช้สัญลักษณ์มาสื่อความหมายต่างๆในเรื่องคือฉาก"นาฬิกาตาย"
เป็นฉากที่เกิดหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว หมอวิ่งวุ่นและทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะยื้อชีวิตคนไข้
เยฮวาสังเกตเห็นและเก็บนาฬิกาที่กระจกแตกและหยุดเดินขึ้นมาจากพื้น ดาเนียลเห็นเลยเอามาเคาะๆๆ
จนนาฬิกาเดินได้อีกครั้ง ตัดภาพไปที่ทีมแพทย์ที่สามารถยื้อชีวิตของคนไข้ที่มีความสำคัญต่อฉากทั้งสองคนไว้ได้
เป็นการใช้สัญลักษณ์ที่เห็นได้ชัดเจน และมีความหมายที่สามารถใช้หลักเหตุผลคิดตามได้
เลยจุดประกายการตั้งกระทู้นี้ของผมขึ้นมา...
ต่อกันที่ก่อนการเกิดแผ่นดินไหว...เยฮวากำลังเก็บดอกไม้อยู่ในสวน มีผีเสื้อบินมาหาเยฮวา ชีวิตดีย์เนาะ
ราวกับอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ 555+ เพลงที่เปิดก็เหมือนในหนังแฟนตาซีทั้งหลายของฮอลลีวู้ด
แต่...ผีเสื้อก็บินหนีไปหาฝูงกาที่ส่งเสียงร้องกันระงม ราวกับเป็นลางร้ายอะไรซักอย่าง
และเราก็ทราบกันดีว่าจากนั้นเกิดอะไรที่อุรุค
จากเรื่องร้ายๆ มาเรื่องดีๆมั่งดีกว่า คู่ยูชีจินกับคังโมยอนของเรานั่นเอง ละครฮิตมักจะมีสัญลักษณ์
แทนความเป็นคู่ของพระนางอยู่ แล้วเรื่องนี้ก็ไม่พลาดเช่นกัน ทุกคนคงจำหินนำโชคได้ ที่ว่าจะนำคนที่เก็บ
ก้อนหินนี้ไว้กลับมาอุรุคอีกครั้ง แต่นั่นยังไม่หมด สิ่งที่แทนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ตลอดทั้งเรื่องดูเหมือนจะเป็น
แสงไฟ/แสงเทียน จำได้มั้ยว่าเดทครั้งแรกของยูชีจินกับคุณหมอ คุณหมอทำอะไรก่อน ใช่แล้ว สระผมด้วยน้ำในตู้เย็น
แล้วหลังจากนั้นล่ะ ก่อนที่จะเริ่มเดทอย่างเป็นทางการ? คุณหมอจุดเทียนหอมสร้างบรรยากาศ
พร้อมกับบอกยูชีจินว่า "อย่าย้ายเทียนนะ ผู้หญิงจะสวยต้องมีไฟส่อง ฉันอุตส่าห์กะระดับสายตาของคุณยูชีจินแล้ว"
ตอนที่ทั้งคู่กลับมาเจอกันที่อุรุคหลังจากแยกทางกันไปหลายเดือน คังโมยอนนอนครุ่นคิดอยู่ ภาพซูมไปที่เทียน
ที่จุดอยู่ บางทีอาจจะสื่อว่าหมอคังยังมีใจให้ชีจินอยู่ในตลอดเวลาที่ห่างกัน?
ตอนที่ทั้งคู่มาเคลียร์ปัญหาหัวใจเรื่อง"จูบ" ที่ชีจินถามว่าจะให้ขอโทษหรือสารภาพรักไปเลยดี
(ประโยคนี้เป็นเกาหลีเพราะเนาะ) แล้วหมอคังปฏิเสธแล้วขอเวลาหน่อย ตัดภาพไปที่หมอคังจุดเทียนในห้องตัวเอง
แล้วตัดภาพไปที่ห้องของชีจินที่กำลังนอนครุ่นคิดอยู่ ภาพจับไปที่ยากันยุง
ที่เปลวดับไปพอดี วันรุ่งขึ้นชีจินก็กลับไปแล้ว...
อีกสิ่งที่ทำให้ผมแน่ใจว่าทีมงานจงใจใส่สัญลักษณ์ลงไป และทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าแสงไฟเป็นสื่อแทน
ความรักของทั้งคู่ ก็นี่เลย ตอนที่ทั้งจูบแล้วคู่ลงไปเกลือกกลิ้งกับกองฟางเสร็จ 555 ภาพก็ตัดมาที่แสงไฟที่เป็นรูปหัวใจ
หลายๆคนอาจจะจำได้ เป็นแสงที่มาจากโคมไฟแบบห้อย
ตัดมาเรื่องเศร้าบ้าง เราสามารถตีความแสงไฟได้หลายอย่างมาก แล้วแต่ตำรา ของคู่นี้ก็อาจเป็นความรักกับความหวัง
แต่สำหรับผู้ล่วงลับแล้ว การจุดไฟหมายถึง การไปส่งให้สู่สุขคติ เพราะการเผาตัวเองของขี้ผึ้งก็เหมือนร่างกายที่
ดับสูญไป กับความรักก็เช่นกัน การเผาตัวเองของเทียนก็เปรียบถึงอุปสรรค ความเสี่ยง และความเจ็บปวด
ที่อาจจะต้องเจอในการใช้ชีวิตร่วมกัน ความรักก็มีทั้งด้านดีด้านลบล่ะเนาะ....
มาถึงสัญลักษณ์ความรักอีกอย่างที่ได้พูดไปแล้ว หินนำโชคของอุรุค ก่อนที่ชีจินจะไปเคลียร์ความในใจ
กับโมยอนเรื่องจูบ ชีจินก็คงกำลังคิดว่าจะกลับหรือไม่กลับดี ภาพฉายให้เห็นชีจินหยิบหินมาจากเก๊ะ แล้วใช้นิ้วขยับ
หินไปมาในมือ ด้วยใบหน้าครุ่นคิด เวลาเราขยับปากกาเล่นเราก็กำลังใช้ความคิดใช่มั้ย อันนี้ผมเดาว่าก็เหมือนๆกัน
ถ้าหินคือการสัญลักษณ์ของการจะได้กลับมาอุรุคอีกครั้ง การที่ชีจินครุ่นคิดถึงการจะไปจากอุรุคหรือไม่ไปดี แล้วจะได้กลับมา
ที่นี่อีกรึเปล่า ก็เป็นการใช้สัญลักษณ์ที่เก๋ดี แถมมีการจับภาพกับแสงไฟด้วยนะ บังเอิญม้างงงงง
เรื่องราวตอนที่ชีจินไปถามหมอเรื่องจูบยังไม่จบนะครับ อิอิ หลังจากนั้นนอกจากหมอจะจุดเทียนและยากันยุงให้ห้องของ
ชีจินดับแล้ว จำได้กันมั้ยว่าเทียนของหมอคังอยู่ใกล้อะไร? ติ๊กต็อก ติ๊กต็อก
รูปการปฏิญาณตนของหมอคังนั่นเอง (แม้จะไม่ได้ฉายให้เห็นในซีนนี้แต่เราก็รู้ว่าเป็นรูปอะไร) แล้วฉากตัดไปที่อะไรรู้มั้ยครับ?
สายสะพายปืนของชีจินนั่นเอง จับภาพสายสะพายประมาณ 3 วิได้ (เบลอจุงกี) แล้วจับภาพไปที่ชีจิน
แล้วค่อยเบลอสายสะพาย ถ้าจำกันได้ เรื่อง"จูบ" ที่หมอคังยังไม่รับคำสารภาพของชีจินก็เพราะเธอน่ะหลง
เสน่ห์ของชีจิน แต่ด้วยหน้าที่การงานเลยทำให้ชีจินเป็นคน"อันตราย" ไม่รู้ว่าเวลานัดกันจะโดนเรียกตัวเมื่อไหร่
แล้วอาจจะหายไปอย่างไม่มีวันกลับเลยก็ได้ T T ด้วยอาชีพด้วยหน้าที่ ทำให้ชีจินบอกอะไรที่เป็นความลับ
กับหมอคังไม่ได้ แล้วไม่รู้จะเอาตัวไปเสี่ยงอันตรายเมื่อไหร่ การใช้สัญลักษณ์นี้เปรียบเหมือนความแตกต่างกันของ
อุดมการณ์และภาระหน้าที่ ที่เป็น central conflict ของเรื่อง DOTS นี้
การใช้สัญลักษณ์ที่แทนความแตกต่างของหน้าที่นี้ไม่ได้มีครั้งเดียวแค่นี้ (อันนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจ)
แต่ EP แรกที่ชีจินเริ่มหลงเสน่ห์หมอคังจากภายใน คือตอนที่หมอคังเข็นเตียงคนไข้เพื่อเข้าห้องผ่าตัด
ชีจินเห็นเลยมาช่วยเข็น แล้วภาพแทนที่จะจับหน้าของจุงกี กลับค้างไว้ที่หมวกที่มีตราทหารของชีจิน
อยู่ 3 วินาทีอย่างไม่ทราบสาเหตุ 555 จะสื่อถึงอะไรหนอ? การตีความของผมคือเหมือนเป็น foreshadowing
ว่าชีจินจะได้ใช้ความเป็นทหารของตัวเองมาร่วมมือกับหมอคังในการ"ช่วยชีวิตคน"
มาเรื่องหวานๆมั่งดีกว่า ฉาก wine kiss ของทั้งคู่ ไวน์แดงมักจะหมายถึงความรักทางจิตวิญญาณ
เอาความหมายไว้ก่อนดีกว่า แต่จะลำดับเหตุการณ์ด้วยคอมมอนเซนส์ล้วนๆ
ชีจินแอบมาดื่มไวน์คนเดียว แต่หมอคังจับได้ โมยอนเลยชวนดื่ม แล้วหยิบไปดื่มทั้งขวด ชีจินบอกว่าตนดื่มไม่ได้
แล้วเพราะโดนจับได้ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ "ดังนั้นทางเดียวที่จะลิ้มรสได้โดยไม่ต้องดื่มจากขวดคือ...คิสสึ!"
หมอคังก็เหมือนกับสารภาพรักกลายๆ แถมยังเชิญชวนให้ดื่มอีก (อันนี้คนดูอาจจะตีความหมายไปเองก็ได้)
ชีจินจึงไม่รอช้า รีบเข้าไปดื่มไวน์จากปากของหมอคัง แอร๊ยยย
เดี๋ยวๆๆ ดูแสงไฟด้วย ตายๆๆ มันคือรูปหัวใจกลับหัว! ทีมงานร้ายมาก แล้วทำไมต้องกลับหัว? ตีความกันเองเนาะ
ผมเหนื่อยละ 555+ ต่อๆ พอจูบเสร็จ ชีจินก็"หยิบ"ขวดไวน์จากมือของหมอคังมา ราวกับเป็นการขออนุญาตดื่มไวน์
ต่อนะครับ ชีจินวางขวดลงบนเคาน์เตอร์ กำลังเอื้อมตัวไปดื่มไวน์จากปากหมอคังต่อ แต่หมอคังเกิดเปลี่ยนใจ
ขยับมือไปโดนขวดไวน์ที่ทำให้บรรยากาศชะงักไป เพราะเหมือนหมอคังไม่เต็มใจ ไม่อนุญาตให้ชีจิน"ดื่มไวน์"ต่อแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอเสร็จแล้ว หมอคังก็ขอหยิบไวน์มาที่ห้องตัวเอง พร้อมกับเอามือวนรอบปากขวดไปมา
คงจะ"ครุ่นคิด"ถึงเรื่องดื่มไวน์ "จากปาก" อยู่สินะ ^ ^
ความแตกต่าง/เหมือนกันทางอาชีพและอุดมการณ์ของคู่รัก
ได้เกริ่นไปแล้วก่อนหน้านี้ว่ามีการใช้สัญลักษณ์ในประเด็นนี้ด้วย ตอนนี้มา
เจาะลึกให้มากกว่านั้นอีก ตอนที่ชีจินกับโมยอนนัดกันมาที่ร้านกาแฟ เพื่อที่โมยอนจะขอยุติ
ความสัมพันธ์(ของคนคบหาดูใจ) ทั้งคู่ก็พูดกันถึงความแตกต่างกันของอุดมการณ์และหน้าที่
ของอาชีพตน รายละเอียดไม่พูดถึงละกันเนาะ (ดูได้ในตอนที่ 2 ช่วงกลางๆ)
ทันทีที่ชีจินเอ่ยคำว่า"ยินดีที่ได้รู้จัก ลาก่อนครับ" หมอคังก็ออกจากร้านกาแฟ
แล้วเดินสวนมาทางที่ชีจินนั่งอยู่ คนนึงอยู่ในร้าน อีกคนอยู่นอกร้าน เป็นช่วงที่โมยอนเดินผ่าน
ชีจิน
โดยมีแค่ "กระจกใส" กั้นอยู่เท่านั้นระหว่างคนสองคน ทั้งคู่ไม่สนใจที่จะ"มองหน้า"กัน
สื่อถึงต่างคนต่างไม่เข้าใจกัน หรือไม่พยายามเข้าใจกัน โดยภาพได้พลิกให้เห็นทั้งด้านของชีจิน
และด้านของโมยอน น่าจะแทนในส่วนอุดมการณ์ของตัวเอง ในมุมมองของตัวเองที่ไม่มีใครผิดใครถูก
เพียงแต่ทั้งคู่อาจจะมองเห็นเพียงแค่ความเป็นขาวกับดำ ยังไม่สามารถหา"จุดสีเทา"ที่จะสามารถ
click กันได้ แล้วองค์ประกอบภาพเป็นขาวดำเทา 5555 บอกตัวเองว่าคิดมากไปแล้ว
คุณสมบัติสำคัญของกระจกใสคือ "เหมือนไม่มีอะไรกั้นอยู่แต่ก็มี แต่ถึงจะมีอะไรกั้นอยู่ก็มองเห็นกันได้"
หรือพูดให้งงๆก็ "มีก็เหมือนไม่มี ไม่มีก็เหมือนมี" สิ่งที่ทั้งคู่ขัดแย้งกันนั้นมีคนดูหลายคนไม่เข้าใจ ทำไมถึงรักกัน
ไม่ได้ เหตุผลอะไรเนี่ย? หนุ่มหล่อสาวสวยหน้าที่การงานดี และชอบพอกันทำไมถึงรักกันไม่ได้ ก็เพราะมีกระจกใสๆ
บางๆกั้นอยู่นี่แหละ เป็นเหตุผลส่วนตัว อุดมการณ์ส่วนตนที่สำคัญกับตัวเอง แม้จะไม่สำคัญกับคนอื่น
แล้วทั้งคู่อยู่ในช่วงที่ไม่สามารถหย่อนการยึดถืออุดมการณ์ของตัวเองได้เลย เลยไม่ใส่ใจจะมาทำความเข้าใจกัน
โดยเฉพาะโมยอน แต่ถ้าทุกคนได้ติดตามมาถึงปัจจุบันแล้ว จะเห็นได้เลยว่า จะมีเหตุการณ์คับขันที่
ต้องใช้การตัดสินใจร่วมกันระหว่างทั้งคู่ และสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหล่านี้จะช่วยให้ทั้งคู่
ได้เข้าใจมุมมองของอีกฝ่าย และจะทำให้ความแตกต่างทางเป้าหมายและอุดมการณ์แคบลง
ของอีกคู่ก็มีเหมือนกัน กระจกใสบางๆ (ฮัมเพลงขุ่นแม่ บี น้ำทิพย์) แต่อันนี้ผมไม่แน่ใจเลยแฮะ เพราะ
บรรยากาศมันอินเลิฟ และมีความสดใสมาก อาจจะสื่อว่า ทั้งคู่น่ะก็รักกันอยู่แล้ว แต่ก็มีเหตุผลเรื่องพ่อตา
Descendants of The Sun: มาตีความสัญลักษณ์/ความหมายต่างๆของเรื่องกันเถอะครับ
นั่นก็คือการใส่"สัญลักษณ์"เข้าไป แล้วผมแน่ใจได้ยังไงว่าสัญลักษณ์อะไรที่ว่านี่ทีมงานจงใจใส่มาจริงๆ?
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมมั่นใจว่าทีมงานตั้งใจใช้สัญลักษณ์มาสื่อความหมายต่างๆในเรื่องคือฉาก"นาฬิกาตาย"
เป็นฉากที่เกิดหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว หมอวิ่งวุ่นและทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะยื้อชีวิตคนไข้
เยฮวาสังเกตเห็นและเก็บนาฬิกาที่กระจกแตกและหยุดเดินขึ้นมาจากพื้น ดาเนียลเห็นเลยเอามาเคาะๆๆ
จนนาฬิกาเดินได้อีกครั้ง ตัดภาพไปที่ทีมแพทย์ที่สามารถยื้อชีวิตของคนไข้ที่มีความสำคัญต่อฉากทั้งสองคนไว้ได้
เป็นการใช้สัญลักษณ์ที่เห็นได้ชัดเจน และมีความหมายที่สามารถใช้หลักเหตุผลคิดตามได้
เลยจุดประกายการตั้งกระทู้นี้ของผมขึ้นมา...
ต่อกันที่ก่อนการเกิดแผ่นดินไหว...เยฮวากำลังเก็บดอกไม้อยู่ในสวน มีผีเสื้อบินมาหาเยฮวา ชีวิตดีย์เนาะ
ราวกับอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ 555+ เพลงที่เปิดก็เหมือนในหนังแฟนตาซีทั้งหลายของฮอลลีวู้ด
แต่...ผีเสื้อก็บินหนีไปหาฝูงกาที่ส่งเสียงร้องกันระงม ราวกับเป็นลางร้ายอะไรซักอย่าง
และเราก็ทราบกันดีว่าจากนั้นเกิดอะไรที่อุรุค
จากเรื่องร้ายๆ มาเรื่องดีๆมั่งดีกว่า คู่ยูชีจินกับคังโมยอนของเรานั่นเอง ละครฮิตมักจะมีสัญลักษณ์
แทนความเป็นคู่ของพระนางอยู่ แล้วเรื่องนี้ก็ไม่พลาดเช่นกัน ทุกคนคงจำหินนำโชคได้ ที่ว่าจะนำคนที่เก็บ
ก้อนหินนี้ไว้กลับมาอุรุคอีกครั้ง แต่นั่นยังไม่หมด สิ่งที่แทนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ตลอดทั้งเรื่องดูเหมือนจะเป็น
แสงไฟ/แสงเทียน จำได้มั้ยว่าเดทครั้งแรกของยูชีจินกับคุณหมอ คุณหมอทำอะไรก่อน ใช่แล้ว สระผมด้วยน้ำในตู้เย็น
แล้วหลังจากนั้นล่ะ ก่อนที่จะเริ่มเดทอย่างเป็นทางการ? คุณหมอจุดเทียนหอมสร้างบรรยากาศ
พร้อมกับบอกยูชีจินว่า "อย่าย้ายเทียนนะ ผู้หญิงจะสวยต้องมีไฟส่อง ฉันอุตส่าห์กะระดับสายตาของคุณยูชีจินแล้ว"
ตอนที่ทั้งคู่กลับมาเจอกันที่อุรุคหลังจากแยกทางกันไปหลายเดือน คังโมยอนนอนครุ่นคิดอยู่ ภาพซูมไปที่เทียน
ที่จุดอยู่ บางทีอาจจะสื่อว่าหมอคังยังมีใจให้ชีจินอยู่ในตลอดเวลาที่ห่างกัน?
ตอนที่ทั้งคู่มาเคลียร์ปัญหาหัวใจเรื่อง"จูบ" ที่ชีจินถามว่าจะให้ขอโทษหรือสารภาพรักไปเลยดี
(ประโยคนี้เป็นเกาหลีเพราะเนาะ) แล้วหมอคังปฏิเสธแล้วขอเวลาหน่อย ตัดภาพไปที่หมอคังจุดเทียนในห้องตัวเอง
แล้วตัดภาพไปที่ห้องของชีจินที่กำลังนอนครุ่นคิดอยู่ ภาพจับไปที่ยากันยุง
ที่เปลวดับไปพอดี วันรุ่งขึ้นชีจินก็กลับไปแล้ว...
อีกสิ่งที่ทำให้ผมแน่ใจว่าทีมงานจงใจใส่สัญลักษณ์ลงไป และทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าแสงไฟเป็นสื่อแทน
ความรักของทั้งคู่ ก็นี่เลย ตอนที่ทั้งจูบแล้วคู่ลงไปเกลือกกลิ้งกับกองฟางเสร็จ 555 ภาพก็ตัดมาที่แสงไฟที่เป็นรูปหัวใจ
หลายๆคนอาจจะจำได้ เป็นแสงที่มาจากโคมไฟแบบห้อย
ตัดมาเรื่องเศร้าบ้าง เราสามารถตีความแสงไฟได้หลายอย่างมาก แล้วแต่ตำรา ของคู่นี้ก็อาจเป็นความรักกับความหวัง
แต่สำหรับผู้ล่วงลับแล้ว การจุดไฟหมายถึง การไปส่งให้สู่สุขคติ เพราะการเผาตัวเองของขี้ผึ้งก็เหมือนร่างกายที่
ดับสูญไป กับความรักก็เช่นกัน การเผาตัวเองของเทียนก็เปรียบถึงอุปสรรค ความเสี่ยง และความเจ็บปวด
ที่อาจจะต้องเจอในการใช้ชีวิตร่วมกัน ความรักก็มีทั้งด้านดีด้านลบล่ะเนาะ....
มาถึงสัญลักษณ์ความรักอีกอย่างที่ได้พูดไปแล้ว หินนำโชคของอุรุค ก่อนที่ชีจินจะไปเคลียร์ความในใจ
กับโมยอนเรื่องจูบ ชีจินก็คงกำลังคิดว่าจะกลับหรือไม่กลับดี ภาพฉายให้เห็นชีจินหยิบหินมาจากเก๊ะ แล้วใช้นิ้วขยับ
หินไปมาในมือ ด้วยใบหน้าครุ่นคิด เวลาเราขยับปากกาเล่นเราก็กำลังใช้ความคิดใช่มั้ย อันนี้ผมเดาว่าก็เหมือนๆกัน
ถ้าหินคือการสัญลักษณ์ของการจะได้กลับมาอุรุคอีกครั้ง การที่ชีจินครุ่นคิดถึงการจะไปจากอุรุคหรือไม่ไปดี แล้วจะได้กลับมา
ที่นี่อีกรึเปล่า ก็เป็นการใช้สัญลักษณ์ที่เก๋ดี แถมมีการจับภาพกับแสงไฟด้วยนะ บังเอิญม้างงงงง
เรื่องราวตอนที่ชีจินไปถามหมอเรื่องจูบยังไม่จบนะครับ อิอิ หลังจากนั้นนอกจากหมอจะจุดเทียนและยากันยุงให้ห้องของ
ชีจินดับแล้ว จำได้กันมั้ยว่าเทียนของหมอคังอยู่ใกล้อะไร? ติ๊กต็อก ติ๊กต็อก
รูปการปฏิญาณตนของหมอคังนั่นเอง (แม้จะไม่ได้ฉายให้เห็นในซีนนี้แต่เราก็รู้ว่าเป็นรูปอะไร) แล้วฉากตัดไปที่อะไรรู้มั้ยครับ?
สายสะพายปืนของชีจินนั่นเอง จับภาพสายสะพายประมาณ 3 วิได้ (เบลอจุงกี) แล้วจับภาพไปที่ชีจิน
แล้วค่อยเบลอสายสะพาย ถ้าจำกันได้ เรื่อง"จูบ" ที่หมอคังยังไม่รับคำสารภาพของชีจินก็เพราะเธอน่ะหลง
เสน่ห์ของชีจิน แต่ด้วยหน้าที่การงานเลยทำให้ชีจินเป็นคน"อันตราย" ไม่รู้ว่าเวลานัดกันจะโดนเรียกตัวเมื่อไหร่
แล้วอาจจะหายไปอย่างไม่มีวันกลับเลยก็ได้ T T ด้วยอาชีพด้วยหน้าที่ ทำให้ชีจินบอกอะไรที่เป็นความลับ
กับหมอคังไม่ได้ แล้วไม่รู้จะเอาตัวไปเสี่ยงอันตรายเมื่อไหร่ การใช้สัญลักษณ์นี้เปรียบเหมือนความแตกต่างกันของ
อุดมการณ์และภาระหน้าที่ ที่เป็น central conflict ของเรื่อง DOTS นี้
การใช้สัญลักษณ์ที่แทนความแตกต่างของหน้าที่นี้ไม่ได้มีครั้งเดียวแค่นี้ (อันนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจ)
แต่ EP แรกที่ชีจินเริ่มหลงเสน่ห์หมอคังจากภายใน คือตอนที่หมอคังเข็นเตียงคนไข้เพื่อเข้าห้องผ่าตัด
ชีจินเห็นเลยมาช่วยเข็น แล้วภาพแทนที่จะจับหน้าของจุงกี กลับค้างไว้ที่หมวกที่มีตราทหารของชีจิน
อยู่ 3 วินาทีอย่างไม่ทราบสาเหตุ 555 จะสื่อถึงอะไรหนอ? การตีความของผมคือเหมือนเป็น foreshadowing
ว่าชีจินจะได้ใช้ความเป็นทหารของตัวเองมาร่วมมือกับหมอคังในการ"ช่วยชีวิตคน"
มาเรื่องหวานๆมั่งดีกว่า ฉาก wine kiss ของทั้งคู่ ไวน์แดงมักจะหมายถึงความรักทางจิตวิญญาณ
เอาความหมายไว้ก่อนดีกว่า แต่จะลำดับเหตุการณ์ด้วยคอมมอนเซนส์ล้วนๆ
ชีจินแอบมาดื่มไวน์คนเดียว แต่หมอคังจับได้ โมยอนเลยชวนดื่ม แล้วหยิบไปดื่มทั้งขวด ชีจินบอกว่าตนดื่มไม่ได้
แล้วเพราะโดนจับได้ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ "ดังนั้นทางเดียวที่จะลิ้มรสได้โดยไม่ต้องดื่มจากขวดคือ...คิสสึ!"
หมอคังก็เหมือนกับสารภาพรักกลายๆ แถมยังเชิญชวนให้ดื่มอีก (อันนี้คนดูอาจจะตีความหมายไปเองก็ได้)
ชีจินจึงไม่รอช้า รีบเข้าไปดื่มไวน์จากปากของหมอคัง แอร๊ยยย
เดี๋ยวๆๆ ดูแสงไฟด้วย ตายๆๆ มันคือรูปหัวใจกลับหัว! ทีมงานร้ายมาก แล้วทำไมต้องกลับหัว? ตีความกันเองเนาะ
ผมเหนื่อยละ 555+ ต่อๆ พอจูบเสร็จ ชีจินก็"หยิบ"ขวดไวน์จากมือของหมอคังมา ราวกับเป็นการขออนุญาตดื่มไวน์
ต่อนะครับ ชีจินวางขวดลงบนเคาน์เตอร์ กำลังเอื้อมตัวไปดื่มไวน์จากปากหมอคังต่อ แต่หมอคังเกิดเปลี่ยนใจ
ขยับมือไปโดนขวดไวน์ที่ทำให้บรรยากาศชะงักไป เพราะเหมือนหมอคังไม่เต็มใจ ไม่อนุญาตให้ชีจิน"ดื่มไวน์"ต่อแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอเสร็จแล้ว หมอคังก็ขอหยิบไวน์มาที่ห้องตัวเอง พร้อมกับเอามือวนรอบปากขวดไปมา
คงจะ"ครุ่นคิด"ถึงเรื่องดื่มไวน์ "จากปาก" อยู่สินะ ^ ^
ความแตกต่าง/เหมือนกันทางอาชีพและอุดมการณ์ของคู่รัก
ได้เกริ่นไปแล้วก่อนหน้านี้ว่ามีการใช้สัญลักษณ์ในประเด็นนี้ด้วย ตอนนี้มา
เจาะลึกให้มากกว่านั้นอีก ตอนที่ชีจินกับโมยอนนัดกันมาที่ร้านกาแฟ เพื่อที่โมยอนจะขอยุติ
ความสัมพันธ์(ของคนคบหาดูใจ) ทั้งคู่ก็พูดกันถึงความแตกต่างกันของอุดมการณ์และหน้าที่
ของอาชีพตน รายละเอียดไม่พูดถึงละกันเนาะ (ดูได้ในตอนที่ 2 ช่วงกลางๆ)
ทันทีที่ชีจินเอ่ยคำว่า"ยินดีที่ได้รู้จัก ลาก่อนครับ" หมอคังก็ออกจากร้านกาแฟ
แล้วเดินสวนมาทางที่ชีจินนั่งอยู่ คนนึงอยู่ในร้าน อีกคนอยู่นอกร้าน เป็นช่วงที่โมยอนเดินผ่าน
ชีจิน
โดยมีแค่ "กระจกใส" กั้นอยู่เท่านั้นระหว่างคนสองคน ทั้งคู่ไม่สนใจที่จะ"มองหน้า"กัน
สื่อถึงต่างคนต่างไม่เข้าใจกัน หรือไม่พยายามเข้าใจกัน โดยภาพได้พลิกให้เห็นทั้งด้านของชีจิน
และด้านของโมยอน น่าจะแทนในส่วนอุดมการณ์ของตัวเอง ในมุมมองของตัวเองที่ไม่มีใครผิดใครถูก
เพียงแต่ทั้งคู่อาจจะมองเห็นเพียงแค่ความเป็นขาวกับดำ ยังไม่สามารถหา"จุดสีเทา"ที่จะสามารถ
click กันได้ แล้วองค์ประกอบภาพเป็นขาวดำเทา 5555 บอกตัวเองว่าคิดมากไปแล้ว
คุณสมบัติสำคัญของกระจกใสคือ "เหมือนไม่มีอะไรกั้นอยู่แต่ก็มี แต่ถึงจะมีอะไรกั้นอยู่ก็มองเห็นกันได้"
หรือพูดให้งงๆก็ "มีก็เหมือนไม่มี ไม่มีก็เหมือนมี" สิ่งที่ทั้งคู่ขัดแย้งกันนั้นมีคนดูหลายคนไม่เข้าใจ ทำไมถึงรักกัน
ไม่ได้ เหตุผลอะไรเนี่ย? หนุ่มหล่อสาวสวยหน้าที่การงานดี และชอบพอกันทำไมถึงรักกันไม่ได้ ก็เพราะมีกระจกใสๆ
บางๆกั้นอยู่นี่แหละ เป็นเหตุผลส่วนตัว อุดมการณ์ส่วนตนที่สำคัญกับตัวเอง แม้จะไม่สำคัญกับคนอื่น
แล้วทั้งคู่อยู่ในช่วงที่ไม่สามารถหย่อนการยึดถืออุดมการณ์ของตัวเองได้เลย เลยไม่ใส่ใจจะมาทำความเข้าใจกัน
โดยเฉพาะโมยอน แต่ถ้าทุกคนได้ติดตามมาถึงปัจจุบันแล้ว จะเห็นได้เลยว่า จะมีเหตุการณ์คับขันที่
ต้องใช้การตัดสินใจร่วมกันระหว่างทั้งคู่ และสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหล่านี้จะช่วยให้ทั้งคู่
ได้เข้าใจมุมมองของอีกฝ่าย และจะทำให้ความแตกต่างทางเป้าหมายและอุดมการณ์แคบลง
ของอีกคู่ก็มีเหมือนกัน กระจกใสบางๆ (ฮัมเพลงขุ่นแม่ บี น้ำทิพย์) แต่อันนี้ผมไม่แน่ใจเลยแฮะ เพราะ
บรรยากาศมันอินเลิฟ และมีความสดใสมาก อาจจะสื่อว่า ทั้งคู่น่ะก็รักกันอยู่แล้ว แต่ก็มีเหตุผลเรื่องพ่อตา