ศิลย์ทั้งเจ็ด
23-04-55
ขณะที่หลวงวนกำลังตีระฆังเรียกพระทั้งวัดก่อนเวลาทำวัตรเย็น พระสามองค์แห่งกุฏิเจ้าคุ่ย(ผม หลวงบิ๊ก หลวงเอียด)หุ้มจีวรเรียบร้อย เดินเข้าโบสถ์ด้วยกัน ซึ่งมีพระใหม่4รูปนั่งรออยุ่แล้ว หลวงวนก็เดินตามเข้ามาและแนะนำให้นั่งสมาธิในระหว่างการรอท่านเทน(พระครูอุทัย ธรรมธาดา)
ผ่านไปสักยี่สิบกว่านาทีท่านเทนก็เข้ามาในโบสถ์ทุกคนก็กราบท่านเทนและประธานพร้อมพร้อมกันการสวดมนต์ทำวัตรเป็นไปอย่างปกติ แต่วันนี้มีความพิเศษกว่าทุกวัน หลังจากทำวัตรเสร็จท่านเทนหลังหันมาคุยกับพวกเราพระใหม่ทั้งหมดและเริ่มเทศนาสอน
ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้รับโอกาศได้เห็นภาพแบบนี้ในสมัยนี้ แสงเทียนจากหน้าพระประธาน 2 แท่นสว่างสลัวไปทั้งโบสถ์ผสมสีกับแสงไฟนีออนอ่อนๆ 2 หลอด หน้างต่างประตูเปิดไว้ทั้งหมดทุกบานปล่อยความมืดที่เป็นมิตรเข้ามาด้านใน เสียงจักจั่นและเสียงลมพัดใบไม้เบาๆเข้าภายในโบสถ์ที่มีพระใหม่ 7 รูปนั่งอยู่ตรงหน้ากับพระประธานใหญ่และพระครูที่กำลังสอนเล่าเรื่องต่างๆ ผมดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้อยู่ร่วมในสถาณการณ์แบบนี้ และที่ดีไปกว่านั้นคือ พระครูท่านได้ยกตัวอย่าง”ผม”เข้าไปในการสอนคุณธรรมเหล่านั้นด้วย ท่านได้สอนให้เราเข้าใจในหลายเรื่องมาก บวชเพื่ออะไร บวชทำไม ควรดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข แกนของพุทธศาสนา ความสุขที่แท้จริง การเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงของญาติโยมในพุทธศาสนาในวัดว่าเป็นศาสนาแห่งการขอไม่ใช่การปฎิบัติ พระโสดาบัน วัฎจักรของกรรม การเวียนว่ายตายเกิดการใชัชีวิต การเจริญภาวนาสมาธิต่างๆ และอีกหลายเรื่องมาก
บรรยากาศสถานการณ์แบบนี้คงเหมือนสมัยก่อนโน้นผู้ชายต้องเข้าเรียนในวัด มันคงจะเป็นแบบนี้ ภาพบรรยายการที่แสนจะอบอุ่น และน่าจดจำมากที่สุด เหมือนพ่อที่สอนลูกชายทั้ง7ที่มีนิสัยต่างๆ ลูกๆทุกคนรับฟังอย่างเต็มใจเข้าใจ พวกเราทั้ง 7 ภูมิใจที่ได้อยู่ในวัดนี้และภูมิใจที่เป็นลูกศิษย์ของท่านเทน
หลังจากเทศนาของพระครูเสร็จนานเกือบ 2 ชั่วโมงพวกเราก็เดินกลับกุฏิของตัวเองท้องฟ้าคืนนี้สวยงามเต็มไปด้วยแสงประกายดวงดาวสว่างทั่วฟ้าอย่างชัดเจนสวยงามน่าประทับใจมาก
คืนนี้ทุกคนคงนอนหลับอย่างมีความปิติสุข
พระขุน ธีรปัญโญ
เก้าอี้ไม้ชั้นบน กุฏิเจ้าคุ่ย วัดม่วงค่อม
ศิลย์ทั้งเจ็ด
23-04-55
ขณะที่หลวงวนกำลังตีระฆังเรียกพระทั้งวัดก่อนเวลาทำวัตรเย็น พระสามองค์แห่งกุฏิเจ้าคุ่ย(ผม หลวงบิ๊ก หลวงเอียด)หุ้มจีวรเรียบร้อย เดินเข้าโบสถ์ด้วยกัน ซึ่งมีพระใหม่4รูปนั่งรออยุ่แล้ว หลวงวนก็เดินตามเข้ามาและแนะนำให้นั่งสมาธิในระหว่างการรอท่านเทน(พระครูอุทัย ธรรมธาดา)
ผ่านไปสักยี่สิบกว่านาทีท่านเทนก็เข้ามาในโบสถ์ทุกคนก็กราบท่านเทนและประธานพร้อมพร้อมกันการสวดมนต์ทำวัตรเป็นไปอย่างปกติ แต่วันนี้มีความพิเศษกว่าทุกวัน หลังจากทำวัตรเสร็จท่านเทนหลังหันมาคุยกับพวกเราพระใหม่ทั้งหมดและเริ่มเทศนาสอน
ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้รับโอกาศได้เห็นภาพแบบนี้ในสมัยนี้ แสงเทียนจากหน้าพระประธาน 2 แท่นสว่างสลัวไปทั้งโบสถ์ผสมสีกับแสงไฟนีออนอ่อนๆ 2 หลอด หน้างต่างประตูเปิดไว้ทั้งหมดทุกบานปล่อยความมืดที่เป็นมิตรเข้ามาด้านใน เสียงจักจั่นและเสียงลมพัดใบไม้เบาๆเข้าภายในโบสถ์ที่มีพระใหม่ 7 รูปนั่งอยู่ตรงหน้ากับพระประธานใหญ่และพระครูที่กำลังสอนเล่าเรื่องต่างๆ ผมดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้อยู่ร่วมในสถาณการณ์แบบนี้ และที่ดีไปกว่านั้นคือ พระครูท่านได้ยกตัวอย่าง”ผม”เข้าไปในการสอนคุณธรรมเหล่านั้นด้วย ท่านได้สอนให้เราเข้าใจในหลายเรื่องมาก บวชเพื่ออะไร บวชทำไม ควรดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข แกนของพุทธศาสนา ความสุขที่แท้จริง การเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงของญาติโยมในพุทธศาสนาในวัดว่าเป็นศาสนาแห่งการขอไม่ใช่การปฎิบัติ พระโสดาบัน วัฎจักรของกรรม การเวียนว่ายตายเกิดการใชัชีวิต การเจริญภาวนาสมาธิต่างๆ และอีกหลายเรื่องมาก
บรรยากาศสถานการณ์แบบนี้คงเหมือนสมัยก่อนโน้นผู้ชายต้องเข้าเรียนในวัด มันคงจะเป็นแบบนี้ ภาพบรรยายการที่แสนจะอบอุ่น และน่าจดจำมากที่สุด เหมือนพ่อที่สอนลูกชายทั้ง7ที่มีนิสัยต่างๆ ลูกๆทุกคนรับฟังอย่างเต็มใจเข้าใจ พวกเราทั้ง 7 ภูมิใจที่ได้อยู่ในวัดนี้และภูมิใจที่เป็นลูกศิษย์ของท่านเทน
หลังจากเทศนาของพระครูเสร็จนานเกือบ 2 ชั่วโมงพวกเราก็เดินกลับกุฏิของตัวเองท้องฟ้าคืนนี้สวยงามเต็มไปด้วยแสงประกายดวงดาวสว่างทั่วฟ้าอย่างชัดเจนสวยงามน่าประทับใจมาก
คืนนี้ทุกคนคงนอนหลับอย่างมีความปิติสุข
เก้าอี้ไม้ชั้นบน กุฏิเจ้าคุ่ย วัดม่วงค่อม