ค่ายอาสา "สร้างคนให้เป็นคน"

ในส่วนตัวของผมบอกตรงๆผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ทำอะไรแบบนี้ในตอนเรียนในชั้นระดับมัธยมศึกษา คือตอนแรกผมวางแผนไว้ว่าถ้าขึ้นในระดับอุดมศึกษาคงได้ทำ คงได้ออกค่ายอาสากับทางมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่คิดว่าความฝันที่เคยฝันไว้จะได้ทำรวดเร็วขนาดนี้




     เริ่มเรื่องจากในตอนแรกซึ่งเป็นช่วงกลางเดือนตุลาคมเป็นช่วงที่พวกผมเรียน รด. กัน พอพักเที่ยงพวกผมก็จะไปช่วยงานอาจารย์ที่ปรึกษาเก็บห้องบ้าง ทำงานอื่นๆบ้าง จนวันหนึ่งผมพูดกับอาจารย์เล่นๆว่า “อาจารย์ไปค่ายอาสากันมั้ย” คำตอบที่ได้กลับมาคือ “ไปสิ! ไปเตรียมการเลย ไปสักวันศุกร์กลับวันเสาร์เอาของไปแจกน้อง นี่ครูมีโรงเรียนหนึ่งจะแนะนำเนี่ย เดี๋ยวครูติดต่อไว้ให้”

     หลังจากนั้นพวกผมก็ไปทำการเตรียมการกันไม่ว่าจะเป็นการหาของบริจาค การเปิดหมวกเพื่อนำเงินมาซื้อของบริจาค อาทิเช่น ผ้าห่ม ขนม อุปกรณ์กีฬา ตุ๊กตา อุปกรณ์การเรียน เป็นต้น  ซึ่งตอนเตรียมการก็เกิดปัญหาขึ้นว่าต้องเลื่อนค่ายไปเป็นวันเสาร์และวันอาทิตย์แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่หนักหนาสาหัสเกินไป จึงสรุปใจความกับเพื่อนๆได้ว่าเราจะเดินทางกันในที่ 23-24 มกราคม 2559 แต่จะมีชุดสแตนด์บายเดินทางไปก่อนในตอนเย็นของวันที่ 22 มกราคม เพื่อเดินทางไปเคลียร์พื้นที่รวมทั้งติดตั้งเครื่องเสียงต่างๆให้พร้อม



     จนพวกผมซึ่งอยู่ในชุด stand by เดินทางถึงจุดหมายปลายทาง ณ โรงเรียนบ้านห้วยหินดำ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ตอน 4 ทุ่มของวันที่ 22 มกราคมเส้นทางถือว่าสมบูรณ์แบบครับเพราะเป็นถนนลาดยางขึ้นเขามาตลอดจนถึงหน้าโรงเรียน เราก็เริ่มต้นขนเครื่องเสียง ขนของลงจากรถเอาไปเก็บไว้ในห้อง แล้วก็มานั่งประชุมและวางแผนกันในวันรุ่งขึ้น


     ในวันที่ 23 มกราคม ซึ่งเป็นวันแรกของค่ายอาสา และเป็นวันที่เพื่อนๆชุดที่ 2 จะเดินทางมาถึง เราตื่นกันตั้งแต่ ตี 4 ถือว่าอากาศเย็นสบายจนถึงหนาวครับ เพราะโรงเรียนตั้งอยู่บนเขา รวมทั้งช่วงนั้นเป็นช่วงหน้าหนาวด้วย 55555 พอตื่นเราก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ออกมาเตรียมการกัน ไม่ว่าจะตั้งลำโพง เตรียมสถานที่ จน 8 โมงเช้า น้องๆกลุ่มแรกเดินทางมาถึงตอนนั้นพวกผมยังกวาดลานที่จะใช้จัดกิจกรรมกันไม่เสร็จเลย พอน้องๆมาถึงผมก็เดินไปบอกว่าให้น้องๆไปหาอะไรเล่นรอก่อนแล้วก็เอาอมยิ้มไปแจก แต่แทนที่น้องๆจะทำตามที่ผมบอกน้องๆกลับวิ่งไป “คว้าไม้กวาดกันคนละด้าม แล้ววิ่งมาช่วยพวกผมกวาดบริเวณถนน และลานที่จะจัดกิจกรรม” นั่นคือภาพความประทับใจอีกภาพหนึ่งที่เด็กชาวเขาเหล่านั้นทำและยังตราตรึงอยู่ในใจผมมาจนทุกวันนี้ ต้องบอกไว้ก่อนว่าบริเวณโรงเรียนไม่มีสัญญาณโทรศัพท์นะครับที่พอจะใช้ก็มีของ True move ที่พอจะใช้ได้เป็นบางครั้งจึงทำให้สามารถโทรติดต่อกับเพื่อนๆชุดที่กำลังเดินทางมาได้
พอน้องๆช่วยพวกผมกวาดแถบลานกันเสร็จ ผมก็เห็นน้อิงกลุ่มหนึ่งเดินไปทางห้องน้ำผมเลยถามน้องว่า “น้องจะไปไหน” น้องบอกว่า “จะไปล้างห้องน้ำ !!” ผมเลยถามว่าใครให้ไปล้าง น้องบอกว่า “ครูชาติสั่งว่าถ้ามีแขกมา ให้ล้างทุกวัน ! “

     จนเวลาประมาน 8 โมงครึ่ง เพื่อนๆที่เป็นชุดที่ 2 เดินทางมาถึง เราจึงเริ่มจัดกิจกรรมกันได้ จนเริ่มมาได้สักพักมีเพื่อนวิ่งมาบอกผมว่า “ๆ !! น้องปวดท้อง น้องยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย “ ผมเลยต้องวิ่งไปดูที่โรงครัวที่เพื่อนส่วนหนึ่งกำลังทำอาหารกัน เพื่อเตรียมที่จะเลี้ยงน้องตอนกลางวัน และพาน้องคนนั้นไปกินข้าวและให้กินยาแก้ปวดท้องตารมเข้าไปด้วย หลังจากนั้นกิจกรรมในช่วงเช้าก็ผ่านไปด้วยดีครับ


     จนเพื่อนผมทำกับข้าวกันเสร็จ จึงได้เวลาพาน้องไปกินข้าวกลางวันกัน โดยอาหารที่พวกผมเตรียมก็มี ผัดกะเพรา ไก่ทอด ไส้กรอกทอด โบโลน่าทอด มีต้มจืดลูกชิ้น โดยนอกจากน้องๆแล้วยังมีผู้ปกครองที่ตามมาดู และครูของโรงเรียนบ้านห้วยหินดำที่กรุณามาดูแลความเรียบร้อยเข้าไปทานด้วย
ในตอนพักผมได้มีโอกาสเดินเข้าไปคุยกับน้องผู้หญิงคนนึงว่า ทำไมเพื่อนถึงไม่ได้กินข้าวเช้ามา น้องเขาบอกว่า “เพื่อนพวกนี้บ้านอยู่ตามบนเขา ต้องตื่นตั้งแต่ ตี 4 เพื่อที่จะมาอาบน้ำแต่งตัวรอรถสองแถวขึ้นไปรับ วันไหนถ้าตื่นเช้าก็จะได้กินข้าวแต่ถ้าวันไหนตื่นสายก็ไม่ได้กิน.”


ไก่ทอดสูตรเด็ดจากพวกพี่ๆ อมยิ้ม05





อาหารกลางวันของพวกน้องๆครับ



     มาถึงกิจกรรมในช่วงบ่าย เราเล่นกิจกรรมเก้าอี้ดนตรี และแจกของรางวัลกันอย่างสนุกสนาน จนน้องไปเอาไม้โถกเถกซึ่งเป็นการละเล่นของคนไทยสมัยก่อนมาเล่นให้เราดู ซึ่งความยาวของไม้โถกเถกนั้นก็จะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความสามารถของน้องแต่ละคน และน้องแต่ละคนยังมีไม้โถกเถกเป็นของตัวเองอีกด้วย พอบ่าย 3 เราก็จัดกิจกรรมส่งน้อง และปล่อยน้องกลับบ้านเนื่องจากว่าบ้านน้องบางคนอยู่ไกลมากจึงต้องรีบปล่อยน้องกลับบ้าน






กิจกรรมส่งน้องกลับบ้าน



     พอตกกลางคืนพวกเราก็สนุกสนานเฮฮากันตามภาษาวัยรุ่น จนตื่นมาเช้าวันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม ก็ทำภารกิจส่วนตัว เก็บของ อาบน้ำ กินข้าว แล้วเราได้ทราบว่าวันนั้นจะมีคนขึ้นมาเลี้ยงอาหารน้องตอนเที่ยงเราเลยได้มีโอกาสได้พบกับน้องๆอีก จึงมีโอกาสนั่งคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน  จนพวกเราเดินทางกลับน้องๆก็เดินมาส่งเราที่รถ จนเราเดินทางออกจากโรงเรียนบ้านห้วยหินดำ

     ระหว่างเดินทางกลับเราได้แวะเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและขึ้นชื่อแห่งหนึ่งใน จ.สุพรรณบุรี นั่นก็คือ อ่างเก็บน้ำเขาวง หรือ ปางอุ๋ง สุพรรณบุรี ซึ่งการเดินทางเรียกได้ว่าทรหดมากเพราะตลอด 7 กิโลเมตรที่จะเดินทางเข้าไปเป็นทางลูกลังทั้งหมด เรียกได้ว่า ลงรถมานี่ไส้เคลื่อนกันพอดี 555555 แต่บรรยากาศบริเวณอ่างเก็บน้ำคุ้มค่าต่อการเดินทางอันทรหดมากๆเนื่องจากเป็นช่วงอากาศหนาวทำให้มีหมอกลงและมีลมพัดบรรยากาศเย็นสบาย แทบหลับกันเลยทีเดียว 55555

ปางอุ๋งสุพรรณบ้านเรา




     สุดท้ายเราก็เดินทางกลับถึงจุดหมายปลายทางกันอย่างปลอดภัยในช่วงบ่ายของวันนั้น

     ซึ่งค่ายจิตอาสา มอบความสุขสู่มือน้องครั้งนี้ มันทำให้พวกผมได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง “จากเด็กในเมืองในตัวจังหวัดที่วันๆอยู่หน้าคอม อยู่หน้าจอโทรศัพท์ กินข้าวห้าง เดินห้าง ซื้อของในห้าง สู่การต้องดูแลน้องๆกว่า 80 กว่าคน สู่การต้องดูแลชีวิตตัวเอง ดูแลตัวเอง ต้องทำอาหารเองและไม่ได้ทำเพื่อกินคนเดียว แต่ทำให้คนอื่นกิน สู่กลางแดดร้อนๆ สู่ฝุ่นที่ตลบอบอวล สู่เสียงร้องไห้ เสียงงอแงของน้องๆต่างๆ สิ่งเหล่านี้มันคือ ‘ประสบการณ์ ’ และมันเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ หลายคนนักที่จะได้พบเจอ มันคือสิ่งที่ทำให้เราโตขึ้น มันคือสิ่งที่ทำให้เราได้รู้จักโลกกว้างว่ามีผู้คนอีกมากมายบนโลกนี้ที่ไม่โอกาส ไม่มีคนเอาใจใส่ ถึงแม้เราจะเป็นคนกลุ่มเล็กๆจะเปลี่ยนอะไรโลกนี้ได้ไม่มาก แต่เราสัญญาว่าตราบเท่าที่เรามีชีวิตอยู่ เราจะทำเท่าที่เราทำได้”

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ...

“ความทรงจำที่ไม่มีวันลืมไม่ได้เกิดจากการจำ แต่เกิดขึ้นจากความประทับใจ.”





[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้









ของบริจาคต่างๆที่เรานำมาบริจาคให้กับน้อง





พวกเราทั้งหมด




[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่