อย่างที่หลายๆคนทราบข้อมูลเบื้องต้นนะครับ อุทยานแห่งชาติลำคลองงู(เขาพระอินทร์) ตั้งอยู่ระหว่างทางไป อ.สังขละบุรี ทางหลวง 323 ซึ่งจะเปิดเฉพาะช่วงเวลา มีนาคม ถึง เมษายน ของทุกปีนะครับ
อุปกรณ์ที่ควรพกไปด้วยก็ ไฟฉายคาดหัว ถุงกันน้ำ รองเท้าคู่ใจที่ต้องลุยได้ทุกสถานการณ์ ฝุ่น หินแหลม หินลื่น น้ำ มาครบครับ เรื่องรองเท้านี่ควรให้ความใส่ใจเยอะๆเลยนะครับ ว่าต้องพร้อมลุยจริงๆ ส่วนเสื้อผ้าก็ใส่ได้ตามสบายครับเอาที่เดินกันถนัดเพราะทางเดินไกลและต้องปีนหิน
ทางอุทยานจะมีบ้านอุทยานให้เช่านะครับ ในบ้านจะมี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องโถงโล่งๆ และฟูก 3.5 ให้ 4 ฟูก เกิดนอนไม่พอสามารถที่จะเช่ายืมชุดแผ่นรองและถุงนอนของอุทยานได้ครับ ชุดละ 50 บาท หรือจะเช่าเต้นท์ก็ได้ตามสบายครับ แต่อยากบอกว่ากลางคืนถึงเช้านั้นหนาวจริงจังถึงจะเป็นช่วงเดือน มีนาคม ถึง เมษายน ก็ตามครับ คนที่ขี้หนาวก็ควรพกเสื้อกันหนาวไปด้วยนะครับ
คณะของพวกเราเลือกออกเดินทางตอนตี 3 ครับถึงอุทยานก็ประมาณ 10 โมงเช้านิดๆ ซึ่งจริงๆแล้ว เจ้าหน้าที่อุทยานจะนัดเวลา 9 โมงในการออกเดินทางไปถ้ำนะครับ แต่ถ้าเราไปกัน 7-10 คนซึ่งจะเหมารถเลย 1 คัน ทางเจ้าหน้าที่อุทยานก็สามารถอนุโลมให้ได้อย่างคณะพวกเราครับ มาถึงอุทยานก็เจอแต่เต้นท์อย่างในรูปแล้วครับ เพราะคณะอื่นได้ออกเดินทางกันไปหมดแล้ว
คณะพวกผมมาถึงก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่แล้วก็รอรถเพื่อจะทำการเดินทางไป ถ้ำเสาหิน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราจะไปกันในวันแรกครับ เราก็รอๆ จนรถมาถึง
คนพร้อมรถพร้อมเจ้าหน้าที่พร้อม แล้วจะรออะไร ลุยสิครับ วันแรกเราจะไปถ้ำเสาหินนะครับ ทางไปถ้ำเสาหินจากอุทยานก็ 16 กม.ครับระหว่างทางก็จะเป็นทางลูกถัง เอ้ยลูกรังล้วนๆไม่มีปูนประสม ฮาๆๆๆ แต่ผมไม่กลัวฝุ่นนะครับ ยืนเกาะกระบะท้าลมฝุ่นและแดดเปรี้ยงกันตลอดทาง แต่เวลามีรถเครื่องของชาวบ้านก็มีหลบบ้างครับ อันนั้นไม่ไหวฮาๆๆ ระหว่างทางก็จะผ่านไร่มันของชาวบ้านและอาจมีเกมส์ฮิวโก้ให้เล่นเป็นช่วงๆครับ หลบกิ่งไม้กันไปสนุกสนานกันตามประสาวัยเกือบหมดรุ่น
ยืนรับลมฝุ่นกันสักพักใหญ่ ก็จะมาถึงที่จอดรถของถ้ำเสาหินครับก็ได้เวลาเดินซึ่ง 1 คณะจะมีเจ้าหน้าที่ไปด้วย 2 ท่าน นำ 1 ท่านเป็นหัวหน้าหมู่และมีรองหัวหน้าหมู่เดินตามอีก 1 ท่าน ถึงปับก็เดินไปหาป้ายก่อนเลยครับ
ทางเดินช่วงแรกจะเป็นทางฝุ่นยังไม่มีหินให้ปีนขึ้นลงนะครับ จะเป็นทางลาดชันบ้างเรียบบ้างก็เดินๆกันไป
แต่ผ่านไปสักพักก็จะเริ่มเข้าป่าครับ
และเริ่มมีหินให้ปีนกันครับ สนุกปนเหนื่อยแต่ก้ไม่ได้เดินยากจนเกินความสามารถพวกเราครับ
สังเวยรองเท้ากันไปก็มีครับ อย่างที่บอกรองเท้าว่าควรให้พร้อมจริงๆ ไม่งั้นก็จะอาจเป็นแบบในภาพครับ และก็จะกลายเป็นคนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง(เสียงพี่เบิร์ดลอยมาเลย) แต่หลังจากนั้นไม่นานพี่รองหัวหน้าหมู่ก็เสียสละรองเท้านันยางให้น้องเค้าครับ พี่เค้าหล่อทั้งกายและใจจริงๆ
นี่ครับไม่เหลือชิ้นดี
แล้วเราก็เดินๆ ปีนขึ้นๆลงๆ มาสักพัก จนมาถึงน้ำตกซึ่งเราจะพักกินข้าวและแช่น้ำให้ชุ่มฉ่ำกันก่อนที่จะเข้าถ้ำเสาหินครับ
พักกินข้าวเสร็จจนพร้อมเราก็จะเดินทางกันต่อครับ ระยะทางก็ไม่ไกล ปีนเขาอีกสักพักก็จะถึงปากถ้ำเสาหิน
นี่ครับปากถ้ำเสาหิน ยิ่งใหญ่และรุนแรงมาก รุนแรงที่ว่านี่คือกลิ่นของอุนจิค้างคาวนะครับ ฮาๆๆแต่กลิ่นจะมีแค่ช่วงแรกๆเท่านั้นครับ ลอยน้ำเข้าไปก็จะไม่ได้กลิ่นแล้วหรือจมูกเราชินก็ไม่รู้
เข้าถ้ำแล้วเราก็จะลงน้ำครับ น้ำในถ้ำจะค่อนข้างเย็นถึงเย็นมากครับ ช่วงแรกจะต้องว่ายน้ำชิดขวาไม่ไกลครับ แต่ต้องออกแรงนิดนึงเพราะเราจะสวนกระแสน้ำเบาๆครับ แล้วก็ปีนหินนิดนึงแต่หินที่นี่จะค่อนข้างแหลมและลื่นนะครับควรระวังถึงระวังมากเพราะมันมืดจนมองลำบาก ผมนั้นต้องเก็บกล้องและทำเวลาครับเพราะเราออกช้ากว่าคณะอื่นมาถึงเป็นคณะสุดท้ายเราเข้ามาเค้าก็ออกกันเกือบหมดแล้วครับ เลยไม่ได้เก็บภาพระหว่างที่ลงน้ำและปีนหินครับ ผ่านช่วงแรกแล้วก็จะมีลงน้ำอีก 2-3 ช่วงครับ เป็นช่วงสั้นๆที่ใช้ร่างกายพุ่งตัวจากหิน มาอีกหินได้ครับ ไม่ต้องว่ายน้ำ จนมาถึงช่วงสุดท้ายที่ต้องเกาะเชือกซึ่งผมเก็บภาพมาได้แค่ช่วงนี้ครับ
ผ่านจากเกาะเชือกก็จะเป็นเสาหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยครับ เรามาเพื่อดูสิ่งนี้ครับ ในรูปอาจเล็กและไม่ชัดเจนนะครับ แต่ผมอยากบอกว่าของจริงใหญ่มากกกกก อลังสุดๆ ใหญ่จนหน้าตกใจ อุทานว่าโอ้วๆๆๆ ยาวๆเลยครับ
เราก็เก็บความทรงจำ ความรุ้สึก ถ่ายรูปกับเสาหินกันเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออก เราเข้าทางไหนก็ออกทางนั้นครับ แต่ขาออกมีให้กระโดดน้ำให้ชุ่มฉ่ำกันอีกรอบครับ รอบนี้จะสูงกว่าตอนกระโดดน้ำตกช่วงแรกนะครับ แต่ไม่บังคับนะครับ ใครอยากกระโดดก็กระโดด ไม่อยากกระโดดน้ำก็ปีนลงทางเดิมครับ
หลังจากกระโดดน้ำเสร็จก็ได้เวลาเดินทางกลับครับ ขามาเรามาไกลแค่ไหนเหนื่อยเท่าใด ขากลับก็เท่าเดิมครับ มาทางไหนกลับทางนั้นจริงๆ ปีนหิน เดินๆ ปีนๆ กันไปไม่เหนื่อยจริมๆนะครับ ฮาๆๆ
แล้วเราก็จากลาวันแรกกันด้วย อาทิตย์ตกดินถ่ายจากหลังกระบะ วันต่อไปก็ถ้ำนกนางแอ่นครับ
[CR] อุทยานแห่งชาติลำคลองงู สถานที่ ที่ควรไปสักครั้งในชีวิต (มือใหม่หัดรีวิวนะครับ)
อุปกรณ์ที่ควรพกไปด้วยก็ ไฟฉายคาดหัว ถุงกันน้ำ รองเท้าคู่ใจที่ต้องลุยได้ทุกสถานการณ์ ฝุ่น หินแหลม หินลื่น น้ำ มาครบครับ เรื่องรองเท้านี่ควรให้ความใส่ใจเยอะๆเลยนะครับ ว่าต้องพร้อมลุยจริงๆ ส่วนเสื้อผ้าก็ใส่ได้ตามสบายครับเอาที่เดินกันถนัดเพราะทางเดินไกลและต้องปีนหิน
ทางอุทยานจะมีบ้านอุทยานให้เช่านะครับ ในบ้านจะมี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องโถงโล่งๆ และฟูก 3.5 ให้ 4 ฟูก เกิดนอนไม่พอสามารถที่จะเช่ายืมชุดแผ่นรองและถุงนอนของอุทยานได้ครับ ชุดละ 50 บาท หรือจะเช่าเต้นท์ก็ได้ตามสบายครับ แต่อยากบอกว่ากลางคืนถึงเช้านั้นหนาวจริงจังถึงจะเป็นช่วงเดือน มีนาคม ถึง เมษายน ก็ตามครับ คนที่ขี้หนาวก็ควรพกเสื้อกันหนาวไปด้วยนะครับ
คณะของพวกเราเลือกออกเดินทางตอนตี 3 ครับถึงอุทยานก็ประมาณ 10 โมงเช้านิดๆ ซึ่งจริงๆแล้ว เจ้าหน้าที่อุทยานจะนัดเวลา 9 โมงในการออกเดินทางไปถ้ำนะครับ แต่ถ้าเราไปกัน 7-10 คนซึ่งจะเหมารถเลย 1 คัน ทางเจ้าหน้าที่อุทยานก็สามารถอนุโลมให้ได้อย่างคณะพวกเราครับ มาถึงอุทยานก็เจอแต่เต้นท์อย่างในรูปแล้วครับ เพราะคณะอื่นได้ออกเดินทางกันไปหมดแล้ว
คณะพวกผมมาถึงก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่แล้วก็รอรถเพื่อจะทำการเดินทางไป ถ้ำเสาหิน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราจะไปกันในวันแรกครับ เราก็รอๆ จนรถมาถึง
คนพร้อมรถพร้อมเจ้าหน้าที่พร้อม แล้วจะรออะไร ลุยสิครับ วันแรกเราจะไปถ้ำเสาหินนะครับ ทางไปถ้ำเสาหินจากอุทยานก็ 16 กม.ครับระหว่างทางก็จะเป็นทางลูกถัง เอ้ยลูกรังล้วนๆไม่มีปูนประสม ฮาๆๆๆ แต่ผมไม่กลัวฝุ่นนะครับ ยืนเกาะกระบะท้าลมฝุ่นและแดดเปรี้ยงกันตลอดทาง แต่เวลามีรถเครื่องของชาวบ้านก็มีหลบบ้างครับ อันนั้นไม่ไหวฮาๆๆ ระหว่างทางก็จะผ่านไร่มันของชาวบ้านและอาจมีเกมส์ฮิวโก้ให้เล่นเป็นช่วงๆครับ หลบกิ่งไม้กันไปสนุกสนานกันตามประสาวัยเกือบหมดรุ่น
ยืนรับลมฝุ่นกันสักพักใหญ่ ก็จะมาถึงที่จอดรถของถ้ำเสาหินครับก็ได้เวลาเดินซึ่ง 1 คณะจะมีเจ้าหน้าที่ไปด้วย 2 ท่าน นำ 1 ท่านเป็นหัวหน้าหมู่และมีรองหัวหน้าหมู่เดินตามอีก 1 ท่าน ถึงปับก็เดินไปหาป้ายก่อนเลยครับ
ทางเดินช่วงแรกจะเป็นทางฝุ่นยังไม่มีหินให้ปีนขึ้นลงนะครับ จะเป็นทางลาดชันบ้างเรียบบ้างก็เดินๆกันไป
แต่ผ่านไปสักพักก็จะเริ่มเข้าป่าครับ
และเริ่มมีหินให้ปีนกันครับ สนุกปนเหนื่อยแต่ก้ไม่ได้เดินยากจนเกินความสามารถพวกเราครับ
สังเวยรองเท้ากันไปก็มีครับ อย่างที่บอกรองเท้าว่าควรให้พร้อมจริงๆ ไม่งั้นก็จะอาจเป็นแบบในภาพครับ และก็จะกลายเป็นคนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง(เสียงพี่เบิร์ดลอยมาเลย) แต่หลังจากนั้นไม่นานพี่รองหัวหน้าหมู่ก็เสียสละรองเท้านันยางให้น้องเค้าครับ พี่เค้าหล่อทั้งกายและใจจริงๆ
นี่ครับไม่เหลือชิ้นดี
แล้วเราก็เดินๆ ปีนขึ้นๆลงๆ มาสักพัก จนมาถึงน้ำตกซึ่งเราจะพักกินข้าวและแช่น้ำให้ชุ่มฉ่ำกันก่อนที่จะเข้าถ้ำเสาหินครับ
พักกินข้าวเสร็จจนพร้อมเราก็จะเดินทางกันต่อครับ ระยะทางก็ไม่ไกล ปีนเขาอีกสักพักก็จะถึงปากถ้ำเสาหิน
นี่ครับปากถ้ำเสาหิน ยิ่งใหญ่และรุนแรงมาก รุนแรงที่ว่านี่คือกลิ่นของอุนจิค้างคาวนะครับ ฮาๆๆแต่กลิ่นจะมีแค่ช่วงแรกๆเท่านั้นครับ ลอยน้ำเข้าไปก็จะไม่ได้กลิ่นแล้วหรือจมูกเราชินก็ไม่รู้
เข้าถ้ำแล้วเราก็จะลงน้ำครับ น้ำในถ้ำจะค่อนข้างเย็นถึงเย็นมากครับ ช่วงแรกจะต้องว่ายน้ำชิดขวาไม่ไกลครับ แต่ต้องออกแรงนิดนึงเพราะเราจะสวนกระแสน้ำเบาๆครับ แล้วก็ปีนหินนิดนึงแต่หินที่นี่จะค่อนข้างแหลมและลื่นนะครับควรระวังถึงระวังมากเพราะมันมืดจนมองลำบาก ผมนั้นต้องเก็บกล้องและทำเวลาครับเพราะเราออกช้ากว่าคณะอื่นมาถึงเป็นคณะสุดท้ายเราเข้ามาเค้าก็ออกกันเกือบหมดแล้วครับ เลยไม่ได้เก็บภาพระหว่างที่ลงน้ำและปีนหินครับ ผ่านช่วงแรกแล้วก็จะมีลงน้ำอีก 2-3 ช่วงครับ เป็นช่วงสั้นๆที่ใช้ร่างกายพุ่งตัวจากหิน มาอีกหินได้ครับ ไม่ต้องว่ายน้ำ จนมาถึงช่วงสุดท้ายที่ต้องเกาะเชือกซึ่งผมเก็บภาพมาได้แค่ช่วงนี้ครับ
ผ่านจากเกาะเชือกก็จะเป็นเสาหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยครับ เรามาเพื่อดูสิ่งนี้ครับ ในรูปอาจเล็กและไม่ชัดเจนนะครับ แต่ผมอยากบอกว่าของจริงใหญ่มากกกกก อลังสุดๆ ใหญ่จนหน้าตกใจ อุทานว่าโอ้วๆๆๆ ยาวๆเลยครับ
เราก็เก็บความทรงจำ ความรุ้สึก ถ่ายรูปกับเสาหินกันเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออก เราเข้าทางไหนก็ออกทางนั้นครับ แต่ขาออกมีให้กระโดดน้ำให้ชุ่มฉ่ำกันอีกรอบครับ รอบนี้จะสูงกว่าตอนกระโดดน้ำตกช่วงแรกนะครับ แต่ไม่บังคับนะครับ ใครอยากกระโดดก็กระโดด ไม่อยากกระโดดน้ำก็ปีนลงทางเดิมครับ
หลังจากกระโดดน้ำเสร็จก็ได้เวลาเดินทางกลับครับ ขามาเรามาไกลแค่ไหนเหนื่อยเท่าใด ขากลับก็เท่าเดิมครับ มาทางไหนกลับทางนั้นจริงๆ ปีนหิน เดินๆ ปีนๆ กันไปไม่เหนื่อยจริมๆนะครับ ฮาๆๆ
แล้วเราก็จากลาวันแรกกันด้วย อาทิตย์ตกดินถ่ายจากหลังกระบะ วันต่อไปก็ถ้ำนกนางแอ่นครับ