สวัสดีค่า วันนี้จะมารีวิวโฮมสเตย์ที่ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี นะคะ
เพิ่งไปมาเมื่อวันที่ 14-15 มีนาคม ค่ะ 2 วัน 1 คืน
โดยส่วนตัวชอบไปเที่ยวโฮมสเตย์มากค่ะ ไปมาหลายที่ ไม่ชอบคิดเยอะ เอาง่ายๆ จ่ายตังค์แล้วเข้าพัก มีอาหารให้ทาน มีกิจกรรมให้ทำ
โจทย์ในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ตั้งแต่เรียนจบมัธยมมาได้กลับมาเจอเพื่อนสนิทอีกครั้ง
เราจึงอยากให้ที่พักเดินทางง่าย ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง 2 คน อาหารอุดมสมบูรณ์ และต้องทำกิจกรรมได้โดยไม่ใช้รถส่วนตัว
แต่เอาจริงๆชีวิตก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้เท่าไร
=================================================
การเดินทางเริ่มจากไปขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ ข้างเซนจูรี่ โดยบอกโต๊ะว่าไปอ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรีค่ะ
เมื่อขึ้นรถแล้วแนะนำว่าให้โทรบอกทางที่พักไว้เลยจะดีกว่า ทางนั้นเขาบอกให้ลงที่โต๊ะพลิ้วค่ะ ไม่ต้องนั่งยาวไปถึงโต๊ะแหลมสิงห์
แต่ด้วยความเซ่อซ่าของเรา นี่นั่งยาวไปแหลมสิงห์แหนะค่ะ สุดท้ายก็ต้องรบกวนพี่โน๊ตเจ้าของโฮมสเตย์มารับ
รูปนี้คือถ่ายจากโต๊ะแหลมสิงห์ระหว่างรอพี่โน๊ตมารับค่ะ
นั่งรออย่างมีความหวังสุดๆ รู้สึกผิดต่อพี่เขามากกกกก คุณป้าเห็นอากาศร้อนๆก็เอาพัดลมมาตั้งให้ด้วย ขอบคุณนะคะ !
จากนั้นเราก็ขึ้นรถแล้วเดินทางไปโฮมสเตย์กัน ระหว่างทางพี่โน๊ตก็ให้เราแวะเที่ยวคุกขี้ไก่กับตึกแดงด้วยล่ะค่ะ
ถึงโฮมสเตย์กันแล้ว !
เมื่อเดินข้ามสะพานไปก็จะเป็นส่วนกลาง ไว้ทานอาหารและพักผ่อนค่ะ
บ่อน้ำซ้ายขวาไว้เลี้ยงปลาเลี้ยงกุ้งเลี้ยงปูค่ะ มีหอยเม่นหลุดมาอาศัยอยู่ด้วย
บ่อทางขวาสามารถว่ายน้ำ เล่นโปโลน้ำหรือตั้งโต๊ะดื่มกลางน้ำก็ได้ค่ะ
ทั้งหมดนี้เป็นรูปในส่วนของห้องพักนะคะ มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อม จริงๆเป็นรีสอร์ทได้เลยแหละ
ตั้งแต่เที่ยวโฮมสเตย์มายังไม่เคยเห็นโฮมสเตย์ที่ไหนมีแอร์ มีห้องน้ำพร้อมขนาดนี้
เวลาเราไปเที่ยวนี่ห้องน้ำรวม ที่นอนก็ปูเสื่อฟูกบางๆประจำค่ะ
หลังจากวางกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราก็รีบเดินไปส่วนกลางเพื่อรับประทานอาหารกลางวันค่ะ
ส่วนกลางขึงตาข่ายให้นอนกอดเป็ดเล่นด้วยนะคะ ลมเย็นสบาย เผลอหลับได้เลย
อาหารวันนี้ก็จะมีน้ำพริกไข่ปู(มีผักกูดด้วย ! ชอบมาก) หมูชะมวง แกงจืด ปลาทอดน้ำปลาและทอดมันค่ะ
ลืมบอกไปว่าโฮมสเตย์ไม่ติดทะเลนะคะ แต่ติดคลองป่าชายเลนซึ่งสามารถออกทะเลได้
พี่โน๊ตก็พาเราขึ้นเรือไปเกาะใกล้ๆ ใช้เวลาขึ้นเรือไป 15 นาทีเองค่ะ จริงๆรู้สึกเหมือนนานเพราะคลื่นแรงมากๆ คนไม่ชินอาจเมาเรือได้นะคะ
เราเป็นวันนั้นของเดือนจึงทำได้แค่ถ่ายรูป เซ็งมากๆเลย
บนเกาะเราสามารถลอดถ้ำเพื่อปืนขึ้นไปบนเขาแล้วถ่ายภาพลองมาได้ค่ะ สวยงามมากๆ น้ำทะเลใสแจ๋ว
เราพายเรือเล่นอยู่รอบๆ พี่โน๊ตก็ดำน้ำอยู่ใกล้ๆ คงเห็นความอนาถในการพายเรือของเราจึงต้องเฝ้าไว้ 55555
ดำได้หอยจอบมา 2 ตัวและได้จับปลิงทะเลเล่นด้วยค่ะ ! น่ารักดีนิ่มๆ หยุ่นๆ
พอเอาขึ้นบกซักพักเขาก็เริ่มตัวหด คอพัดคออ่อนค่ะ เราเลยพายเรือแล้วพากลับบ้าน(โยนลงน้ำ)
หลังจากกลับมาจากทะเลก็อาบน้ำแล้วนอนกลิ้งอยู่ที่ตาข่ายส่วนกลางจนอาหารมาเสิร์ฟ
รูปแรกกุ้งยังไม่มานะคะ กุ้งตัวใหญ่มากๆ อาศัยตอนเพื่อนเผลอคว้ากุ้งตัวใหญ่สุด(ใหญ่เท่าหน้าแหนะ)แกะกินอย่างรวดเร็ว
แต่เราว่ากุ้งตัวเล็กๆ หวานกว่านะคะ กุ้งแช่น้ำปลานี่หวานมากกก เบิ้น 2 จานเลย
ชอบที่นี่ตรงที่มีที่แกะปูให้พร้อมมาก ทั้งคีมทั้งค้อน ทุบกันมันส์
จากนั้นดึกๆ พีโน๊ตก็เอาปลานวลจันทร์มาตั้งแล้วชวนเราปิ้งไปพร้อมๆ กับหอยจอบค่ะ
ปลาย่างค่อนข้างนาน ระหว่างย่างเราก็ไปส่องสัตว์น้ำตอนกลางคืนกัน เจอกุ้ง เจอหอยเม่นตัวเล็กๆด้วยค่ะ
ไม่แน่ใจว่าหอยเม่นยังไม่โตหรือเป็นหอยเม่นพันธุ์ที่เขาไม่กินกัน 555 ตามรูปก็ได้ปูไข่ตัวอ้วนมาตัวนึงค่ะ
ไม่มีภาพปลาตอนปิ้งเสร็จแล้ว เสียดายจัง มือเลอะค่ะตอนนั้น 555 ตะกละมาก
ปลานวลจันทร์เนื้อหวานแน่นมากค่ะ แต่ก้างเยอะต้องเลาะๆกันไป มาจันท์ไม่ได้กินนี่ถือว่ามาไม่ถึงนะคะ !
หอยจอบก็เนื้อหวานแน่นอร่อยมากกกกก
เสียดายเราไม่ได้ถ่ายภาพอาหารเช้าไว้ค่ะ
อาหารเช้าจะมีก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์ ข้าวต้มทะเลและปาท่องโก๋ค่ะ
จากนั้นเราก็เดินทางกลับกรุงเทพฯด้วยรถตู้รอบบ่ายโมง ถึง5โมงครึ่งค่ะ
ตั้งใจไว้ว่าจะกลับไปเที่ยวที่ปากคลอง โฮมสเตย์อีกแน่นอน ทั้งสนุกและประทับใจมากค่ะ
ยังไม่ได้ว่ายน้ำและเล่นโปโลน้ำเลย ครั้งหน้าไม่พลาดแน่นอน!
=================================================
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่าที่พักรวมอาหาร 3 มื้อและเครื่องดื่มคนละ 1,500 บาท
- ค่ารถตู้ไปกลับกรุงเทพฯ-จันทบุรีคนละ 460 บาท
- ค่าเรือไปเกาะคนละ 100 บาท
- ขนมกินเล่นบนรถตู้ 100 บาท
รวม 2,160 บาทค่ะ
[CR] TRIP ♆ ปากคลอง โฮมสเตย์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี
เพิ่งไปมาเมื่อวันที่ 14-15 มีนาคม ค่ะ 2 วัน 1 คืน
โดยส่วนตัวชอบไปเที่ยวโฮมสเตย์มากค่ะ ไปมาหลายที่ ไม่ชอบคิดเยอะ เอาง่ายๆ จ่ายตังค์แล้วเข้าพัก มีอาหารให้ทาน มีกิจกรรมให้ทำ
โจทย์ในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ตั้งแต่เรียนจบมัธยมมาได้กลับมาเจอเพื่อนสนิทอีกครั้ง
เราจึงอยากให้ที่พักเดินทางง่าย ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง 2 คน อาหารอุดมสมบูรณ์ และต้องทำกิจกรรมได้โดยไม่ใช้รถส่วนตัว
แต่เอาจริงๆชีวิตก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้เท่าไร
เมื่อขึ้นรถแล้วแนะนำว่าให้โทรบอกทางที่พักไว้เลยจะดีกว่า ทางนั้นเขาบอกให้ลงที่โต๊ะพลิ้วค่ะ ไม่ต้องนั่งยาวไปถึงโต๊ะแหลมสิงห์
แต่ด้วยความเซ่อซ่าของเรา นี่นั่งยาวไปแหลมสิงห์แหนะค่ะ สุดท้ายก็ต้องรบกวนพี่โน๊ตเจ้าของโฮมสเตย์มารับ
นั่งรออย่างมีความหวังสุดๆ รู้สึกผิดต่อพี่เขามากกกกก คุณป้าเห็นอากาศร้อนๆก็เอาพัดลมมาตั้งให้ด้วย ขอบคุณนะคะ !
เมื่อเดินข้ามสะพานไปก็จะเป็นส่วนกลาง ไว้ทานอาหารและพักผ่อนค่ะ
บ่อน้ำซ้ายขวาไว้เลี้ยงปลาเลี้ยงกุ้งเลี้ยงปูค่ะ มีหอยเม่นหลุดมาอาศัยอยู่ด้วย
บ่อทางขวาสามารถว่ายน้ำ เล่นโปโลน้ำหรือตั้งโต๊ะดื่มกลางน้ำก็ได้ค่ะ
ตั้งแต่เที่ยวโฮมสเตย์มายังไม่เคยเห็นโฮมสเตย์ที่ไหนมีแอร์ มีห้องน้ำพร้อมขนาดนี้
เวลาเราไปเที่ยวนี่ห้องน้ำรวม ที่นอนก็ปูเสื่อฟูกบางๆประจำค่ะ
ส่วนกลางขึงตาข่ายให้นอนกอดเป็ดเล่นด้วยนะคะ ลมเย็นสบาย เผลอหลับได้เลย
อาหารวันนี้ก็จะมีน้ำพริกไข่ปู(มีผักกูดด้วย ! ชอบมาก) หมูชะมวง แกงจืด ปลาทอดน้ำปลาและทอดมันค่ะ
พี่โน๊ตก็พาเราขึ้นเรือไปเกาะใกล้ๆ ใช้เวลาขึ้นเรือไป 15 นาทีเองค่ะ จริงๆรู้สึกเหมือนนานเพราะคลื่นแรงมากๆ คนไม่ชินอาจเมาเรือได้นะคะ
เราเป็นวันนั้นของเดือนจึงทำได้แค่ถ่ายรูป เซ็งมากๆเลย
บนเกาะเราสามารถลอดถ้ำเพื่อปืนขึ้นไปบนเขาแล้วถ่ายภาพลองมาได้ค่ะ สวยงามมากๆ น้ำทะเลใสแจ๋ว
เราพายเรือเล่นอยู่รอบๆ พี่โน๊ตก็ดำน้ำอยู่ใกล้ๆ คงเห็นความอนาถในการพายเรือของเราจึงต้องเฝ้าไว้ 55555
ดำได้หอยจอบมา 2 ตัวและได้จับปลิงทะเลเล่นด้วยค่ะ ! น่ารักดีนิ่มๆ หยุ่นๆ
พอเอาขึ้นบกซักพักเขาก็เริ่มตัวหด คอพัดคออ่อนค่ะ เราเลยพายเรือแล้วพากลับบ้าน(โยนลงน้ำ)
รูปแรกกุ้งยังไม่มานะคะ กุ้งตัวใหญ่มากๆ อาศัยตอนเพื่อนเผลอคว้ากุ้งตัวใหญ่สุด(ใหญ่เท่าหน้าแหนะ)แกะกินอย่างรวดเร็ว
แต่เราว่ากุ้งตัวเล็กๆ หวานกว่านะคะ กุ้งแช่น้ำปลานี่หวานมากกก เบิ้น 2 จานเลย
ชอบที่นี่ตรงที่มีที่แกะปูให้พร้อมมาก ทั้งคีมทั้งค้อน ทุบกันมันส์
ปลาย่างค่อนข้างนาน ระหว่างย่างเราก็ไปส่องสัตว์น้ำตอนกลางคืนกัน เจอกุ้ง เจอหอยเม่นตัวเล็กๆด้วยค่ะ
ไม่แน่ใจว่าหอยเม่นยังไม่โตหรือเป็นหอยเม่นพันธุ์ที่เขาไม่กินกัน 555 ตามรูปก็ได้ปูไข่ตัวอ้วนมาตัวนึงค่ะ
ไม่มีภาพปลาตอนปิ้งเสร็จแล้ว เสียดายจัง มือเลอะค่ะตอนนั้น 555 ตะกละมาก
ปลานวลจันทร์เนื้อหวานแน่นมากค่ะ แต่ก้างเยอะต้องเลาะๆกันไป มาจันท์ไม่ได้กินนี่ถือว่ามาไม่ถึงนะคะ !
หอยจอบก็เนื้อหวานแน่นอร่อยมากกกกก
อาหารเช้าจะมีก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์ ข้าวต้มทะเลและปาท่องโก๋ค่ะ
จากนั้นเราก็เดินทางกลับกรุงเทพฯด้วยรถตู้รอบบ่ายโมง ถึง5โมงครึ่งค่ะ
ยังไม่ได้ว่ายน้ำและเล่นโปโลน้ำเลย ครั้งหน้าไม่พลาดแน่นอน!
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่าที่พักรวมอาหาร 3 มื้อและเครื่องดื่มคนละ 1,500 บาท
- ค่ารถตู้ไปกลับกรุงเทพฯ-จันทบุรีคนละ 460 บาท
- ค่าเรือไปเกาะคนละ 100 บาท
- ขนมกินเล่นบนรถตู้ 100 บาท
รวม 2,160 บาทค่ะ