Life of Pi มนุษย์ กับ สัตว์ ความเหมือนหรือแตกต่าง ที่คุณสามารถเลือกได้ [SPOIL]

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวพันทิป วันนี้ผมมีหนังอีกเรื่องมานำเสนอ ตามสไตล์คนบ้าหนังแต่อยากได้ธรรมะครับ สำหรับท่านไหนที่ยังไม่เคยอ่านกระทู้ของผม แนะนำให้อ่านตรงนี้ก่อนนะครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
  
    Live of Pi เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมของ  Yann Martel  ซึ่งแน่นอนครับว่าผมยังไม่ได้อ่าน เนื้อหาที่ผมจะเล่าในกระทู้นี้จึงอิงเนื้อหาจากหนังเพียงอย่างเดียวนะครับ    
                                                                  

   พาย มีชื่อเดิมว่า Piscine Molitor ซึ่งมาจากชื่อสระว่ายน้ำ แต่เขามักจะโดนเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนเรียนล้อว่า Pissing ซึ่งในภาษาอังกฤษเป็นศัพท์สแลง แปลว่า ปัสสาวะ นั้นเอง เค้าจึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อตัวเองเสียใหม่เป็น พาย
                              

  พ่อของพายทำธุรกิจสวนสัตว์อยู่ในประเทศอินเดีย แต่ต่อมาสถานการณ์ทางการเมืองในอินเดียไม่ค่อยแน่นอน ซึ่งส่งผลกระทบกับสวนสัตว์ของพ่อเค้า พ่อของพายจึงตัดสินใจขายสัตว์ ในสวนสัตว์ ให้กับสวนสัตว์ในอเมริกา และได้ทำการขนส่งสัตว์ที่ซื้อขายด้วยเรือ ซึ่งครอบครัวของพายก็เดินทางไปกับเรือลำนั้นด้วย

   ในระหว่างที่อยู่บนเรือนั้น เนื่องจากครอบครัวของพายนับถือ ศาสนาฮินดู จึงทานแต่มังสวิรัติ แต่ก็ต้องเจอปัญหาเพราะพ่อครัวเสนอที่จะให้ครอบครัวของพาย ทานเนื้ออย่างเดียว พวกเค้าจึงตัดสินใจทานแต่ข้าวเปล่า พวกเค้ายังได้พบกับคนที่ทานมังสวิรัติ ซึ่งนับถือพุทธ ทีมีจิตใจดีอีกด้วย แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
                                                
    
    เรือที่พายและครอบครัวโดยสารมาได้อับปางลง เหลือแต่ พาย ที่ได้อาศัยเรือกู้ชีพจนสามารถรอดมาขึ้นฝั่งได้เพียงผู้เดียว ซึ่งหลังจากที่ พายได้เข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ต่อมาก็ได้มีชาวญี่ปุ่น มาขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับสาเหตุที่เรืออับปาง และเหตุการณ์ตอนที่เค้าอยู่บนเรือกู้ชีพ เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการเรียกค่าเสียหายจากบริษัทเดินเรือ ซึ่งพายก็ได้เล่าให้ฟัง แต่ชาวญี่ปุ่นกลับไม่เชื่อสิ่งที่เค้าพูด เพราะมันเหลือเชื่อเกินไป เค้าจึงเล่าเหตุการณ์ใหม่อีกครั้ง ซึ่งก็ทำให้ชาวญี่ปุ่นหมดคำถาม และจากไป เรื่องราวที่พายได้เล่าในครั้งแรกนั้นคือข้อความฝั่งซ้ายครับ ข้อความฝั่งขวาคือข้อความที่เล่าหลังจากชาวญี่ปุ่นไม่เชื่อในสิ่งที่เค้าเล่าในครั้งแรก
                                                
                                      
                        เรื่องที่พายเล่าครั้งแรก                                                            เรื่องที่พายเล่าครั้งที่สอง            
                                                                          

            พาย ได้ลงเรือกู้ชีพมากับ ม้าลาย ที่ขาหัก                                   พาย ได้ลงเรือกู้ชีพมากับ ลูกเรือชาวพุทธ ที่ขาหัก

             ซึ่งต่อมาเค้าก็ได้พบว่ามี ไฮยีน่า อยู่บนเรือ                                             พ่อครัวก็อยู่บนเรือกับพวกเค้าด้วย

       พายได้ช่วย ลิง ที่ลอยอยู่บนเครือกล้วยขึ้นมาบนเรือ                                     พายได้ช่วย แม่ของเค้า ขึ้นมาบนเรือ  

            ด้วยความหิว ไฮยีน่า จึงกินม้าลาย                                     พ่อครัวตัดขา ลูกเรือชาวพุทธ โดยบอกว่าจะได้ไม่ติดเชื้อ          
                  
   พาย กับ ลิง ได้แต่ยืนมองและส่งเสียงร้อง เพราะสู้ไฮยีน่าไม่ได้                ลูกเรือชาวพุทธ ตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว

      ไม่นาน ลิง ที่พายได้ช่วยไว้ก็โดนไฮยีน่าฆ่าไปอีกตัว                  พ่อครัวนำเนื้อ ลูกเรือชาวพุทธ มาตกปลา และ ตากแดดไว้กิน      
            
       เสือที่ซ่อนอยู่ในเรือก็ได้กระโดดออกมาฆ่า ไฮยีน่า                    พายทำเต่าที่ พ่อครัว จับได้หลุดมือหนีไป เค้าจึงโดนพ่อครัวชก    

         พายได้หนี เสีอ ลง ไปยังแพเล็กที่เค้าสร้างไว้                     แม่ของพาย เข้ามาห้ามและทุบตี พ่อครัว พร้อมไล่พายลงแพเล็ก    

      พาย ได้ฝึกให้ เสือ เชื่อง เพื่อที่จะได้อยู่ร่วมกันได้                                    ด้วยความโกรธ พ่อครัว จึงฆ่าแม่ของพาย

         เสือเริ่มเชื่อง และ ยอมรับที่จะอยู่ร่วมกับพาย                     วันต่อมาพายจึงฆ่า พ่อครัว พ่อครัวไม่ได้ขัดขืนเพราะรู้ว่าตนทำเกินไป  

เรือลอยมาถึงฝั่ง เสือ หนีเข้าป่าหายไป พายมีคนมาช่วย                               พาย  อยู่คนเดียวบนเรือจนเรือลอยมาถึงฝั่ง  

                                

     อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ ข้อความไหนคือเรื่องจริง แต่คงมีบางท่านคิดเหมือนผมคือ มันคือความจริงทั้ง 2 เรื่องนั้นละครับ และบทสรุปก็เหมือนกัน คือ พายต้องอยู่คนเดียว และทนทุกข์กับการตายของคนในครอบครัว แต่เราสบายใจที่จะเลือกเรื่องไหนมากกว่า ใครเป็นใครคงเดาไม่ยาก
                                         ม้าลาย        =      ลูกเรือชาวพุทธ             ไฮยีน่า       =       พ่อครัว
                                               ลิง       =      แม่ของพาย                      เสือ       =       ความโกรธของพาย

     แต่ถึงจะเลือกที่จะเชื่อในเรื่องที่สบายใจ แต่อย่างที่บอก เพื่อนๆก็คงคิดเหมือนผม มันช่างเหมือนกันเสียเหลือเกิน ทำไมนะหรอครับ เราลองมาศึกษาเรื่องศีล 5 ในศาสนาพุทธกันซักนิด

     ศีล มาจากคำว่า “ สีละŽ” ซึ่งแปลว่า ปกติ เอาง่ายๆก็คือความปกติของ มนุษย์นั้นละครับ ขนาดนั้นเลยจริงดิ เราลองมาดูกันครับ

     ข้อ 1 ตั้งใจงดเว้นจากการฆ่าสัตว์                     ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ต่างจากสัตว์ที่ล่ากันกิน
     ข้อ 2 ตั้งใจงดเว้นจากการลักขโมย                   ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ต่างจากสัตว์ที่ขโมยของกินจากสัตว์ตัวอื่นเมื่อมันต้องการ
     ข้อ 3 ตั้งใจงดเว้นจากการประพฤติในกาม           ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ต่างจากสัตว์ที่ผสมพันธุ์กันกับตัวไหนยังไงก็ได้
     ข้อ 4 ตั้งใจงดเว้นจากการพูดเท็จ พูดคำหยาบ คำส่อเสียด เพ้อเจ้อ     ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ต่างจากสุนัขที่ได้แต่เห่าหอนและกัดกัน
     ข้อ 5 ตั้งใจงดเว้นจากดื่มสุราเมรัย เพราะทำให้ขาดสติและประมาท เมื่อประมาทและไม่มีสติ การจะพลาดมีพฤติกรรมแบบสัตว์ทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมาก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วละครับ

      ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในปัจจุบันสำหรับผม ไม่ใช่การที่มีคนถือมีดแล้วฆ่ากันหรอกครับ หากแต่ในยุคที่สื่อ และข้อมูลสามารถเข้าถึงทุกคนได้อย่างรวดเร็วนั้น พฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงจะทำให้เรามีความใกล้เคียงกับสัตว์นั้นก็คือ คำพูดครับ

      เหมือนที่ พระเดชพระคุณพระมหาโพธิวงศาจารย์ เคยกล่าวไว้ว่า

                                                            '' สิ่งที่ทนที่สุด        คือหน้า                  
                                                              สิ่งที่กล้าที่สุด       คือใจ
                                                              สิ่งที่ไวที่สุด         คือปาก    
                                                              สิ่งที่มากที่สุด       คืออารมณ์
                                                              สิ่งที่คมที่สุด        คือคำพูด   ''

   '' การระวังคำพูด นั้นคือการควบคุมสิ่งที่ไวและคมที่สุด เท่ากับว่าเป็นการควบคุมได้ยาก  และถ้าไม่ควบคุมให้ดีก็จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง เพราะความไวและความคม ฉะนั้นเราต้องทำวาจา ให้นิ่งเหมือนกระบี่ที่นอนนิ่งอยู่ในฝัก และล็อกกระบี่นั้นไว้อย่างดี ''

     ผมชอบนะอ่านแล้วเห็นภาพความหน้ากลัวของคำพูดเลย ซึ่งส่วนใหญ่ที่เราเจอนั้น ทุกคนพร้อมจะนำกระบี่นี้มาฟาดฟันกันตลอดเวลา ถ้าทำไปด้วยอารมณ์ก็ยังพอเข้าใจครับ แต่ที่น่าขำคือ เรามักหาเหตุผลดีๆ ให้กับตัวเองเพื่อที่เราจะได้ทิ่มแทงผู้อื่นอย่างสบายใจได้เสมอๆ  
      
     ผมยังชอบใจคำของพระอาจารย์รูปนึงที่สอนผมว่า ''เราอย่าเอาการทำความชั่วของผู้อื่น มาเป็นข้ออ้างในการทำความชั่วของเรา'' เค้าด่ามาเราด่าตอบ คนนี้ไม่ดีต้องรุมด่า จากจุดเล็กๆกลายเป็นสร้างความแตกแยกได้มหาศาล เกิดจากเราหาเหตุผลที่เข้าข้างเราได้แค่นั้นเอง

       แต่สุดท้าย ผมเชื่อว่าเราจะเป็นเหมือน คุณพาย ได้นั้นก็คือเค้ากลับมา ใช้ชีวิดอย่างมีความสุขอยู่กับครอบครัวที่เค้าสร้าง โดยไม่ปล่อยให้อดีตที่เลวร้ายมาทำลายความสุขในปัจจุบันของเค้า

       ไม่ว่าคุณจะเคยเป็นใคร ทำอะไรมาบ้าง ขอเพียงคุณทำตามหลักสำคัญของพระพุทธศาสนา นั้นก็คือ

                                                                 ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส

    เท่านี้คุณก็สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข และ เสือ ที่อยู่ภายในใจจะได้ไม่หลุดไปทำร้ายใคร ที่สำคัญคือ จะได้ไม่หลุดออกมาแว้งกัดเราเองด้วย

ส่วน  ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส ทำอย่างไรอยากให้ลองไปศึกษาที่วัดใกล้บ้านดูนะครับ ไม่ใช่ไม่รู้นะ แต่หลวงพี่หลวงพ่อท่านจะสามารถตอบได้ดีกว่าผมเยอะ เพื่อว่าจะได้หลักธรรมข้ออื่นมาใช้เพิ่มด้วย ขอให้ทุกท่านโชคดี หมั่นดูแลเสือของตัวเองอย่างมีความสุขนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่