วันนี้ DSI สอบสมเด็จช่วงลำพัง : เตือน ๑ ชาวพุทธอย่างกังวล เตือน ๒ DSI ทำโดยสุจริตใจเป็นที่ตั้ง.
-----------------------------------------
- ในช่วงคำ่ วันนี้ ให้รอสังเกตเหตุการณ์หลัง DSI
- นัดเข้าสอบปากคำ หลวงพ่อสมเด็จช่วง วัดปากน้ำ กรณีมีชื่อในการครอบครองรถโบราณ ราว ๒ ทุ่ม เสียก่อน. แล้วผมจะโพสต์เล่าให้ฟังนะครับ.
-----------------------------
- ตามหัวข้อที่จั่วไว้นั้น เป็นที่ทราบกันตามสื่อแล้วว่า.
- วันนี้ที่ ๑๖ มีนาคม ราว ๒๐.๐๐ น. ทางวัดปากน้ำ และดีเอสไอ.
- ได้นัดแนะเพื่อสอบปากคำ หลวงพ่อสมเด็จ ฯ ที่ กุฏิท่านวัดปากน้ำ. ซึ่งก็ถือว่า เป็นขั้นตอนตามปกติทางกฏหมาย.
-----------------------------------------
- โพสต์ครั้งนี้ ผมมีเจตนาเพื่อจะแจ้งให้ชาวพุทธทุกท่าน ทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก.
- ได้ทราบเป็นเบื้องต้นเสียก่อน ว่า "อย่ากังวล กรณีนี้".
---------------------------
- ก่อนที่จะ เตือน ๒ คือ เตือน ชาวพุทธ ว่า อย่ากังวล แล้วจึงค่อยเตือนไปที่ ดีเอสไอ. ด้วยว่า ขอให้ทำด้วยความสุจริตใจจริง ๆ.
-------------------------------
- ที่ผมเลือกเตือนชาวพุทธก่อนนั้น.
- ก็เพราะผมห่วงชาวพุทธ มากกว่าห่วงดีเอสไอ. แต่ก็ห่วงเหมือนกัน.
- จึงขึ้นหัวข้อว่า เตือน ๑ เพราะผมเกรงว่า ชาวพุทธ ที่มีความเป็นห่วงในกิจการพระศาสนา และมีความเคารพศรัทธาในองค์หลวงพ่อสเด็จ ช่วง วัดปากน้ำด้วยนั้น.
- จะเกิดกังวลเกินเหตุ เพราะอาจไม่ทราบขั้นตอนทางกฏหมาย.
-------------------
เตือน ๑ ชาวพุทธอย่ากังวล
- ในครั้งแรกที่ผมได้ฟัง การให้สัมภาษณ์ของฝ่าย ดีเอสไอ. ว่า
- วันนี้ จะไปสอบปากคำหลวงพ่อสมเด็จ ช่วง กรณีรถโบราณ ที่มีชื่อท่านปรากฏว่าเป็นผู้ครอบครอง.
- แต่จะเป็นการสอบถาม "เพียงลำพัง".
- ห้ามผู้อื่น ที่ไม่ข้องเกี่ยว เข้าร่วมฟัง ทั้งสิ้น "ไม่เว้นแม้กระทั้งทนาย" คือ ห้ามหมด.
- โดยจะมีเจ้าหน้าที่จากอัยการ ๒ ท่าน และจาก ดีเอสไอ. ๕ ท่าน.
---------------------------
- แรก ๆ เลย ได้ฟังแค่นี้ ผมก็คงจะเหมือนกับคนทั่วไปนะแหละว่า....
"อ้าว แล้วหลวงพ่ออายุท่านขนาดนี้ ทำไมสอบตามลำพังล่ะ
เพราะอย่าว่า แต่มาสอบถามแบบนี้เลย
แค่ในทุกวันทุกนาที
ก็ยังต้องมี พระอุปัฎฐากพยาบาลชายดูแลท่านตลอดเวลาเลย
ด้วยวัยชราของท่าน
มาสอบเรื่องสำคัญเช่นนี้ ทำไม กำหนดแบบนี้ละ
โดยเฉพาะข้อกฏหมาย ก็จะต้องมีทนายคอยช่วย คอยเป็นพยานให้ท่านด้วยซิ"
-------------------------------
- นี่ คือข้อกังวล และข้อสงสัยผมตอนนั้น.
-------------------------
- ความสงสัยของผม จึงนำไปถาม โยมคุ้นเคยกัน
- ที่เป็นอดีตรองประธานศาลอุทรณ์ ซึ่งเกษียณไปแล้ว ท่านให้คำตอบ คำอธิบายมาดังนี้.....
(ค่อย ๆ อ่านนะครับ)..............
" อยู่ที่ว่า สอบสมเด็จ ในฐานะใดครับ
ถ้าในฐานะพยาน ก็สอบเฉพาะพยานได้
แต่ถ้าในฐานะผู้ต้องหา
สามารถให้ทนาย อยู่ร่วมสอบได้ครับ
ถ้าไม่ตรงกับที่ให้การจริง
สมเด็จไม่ลงพระนามได้ครับ
ก่อนลงพระนาม
ต้องอ่านให้ฟังก่อนว่า
ตรงกับที่ให้การหรือไม่ครับ "
---------------------------
- ทั้งหมดนี้ คือ คำอธิบาย กรณีสอบสมเด็จช่วง ตามลำพัง ของดีเอสไอ.
- ที่ผมได้รับจาก อดีตประธานศาลอุทรณ์ ในวันนี้ครับ.
- เข้าใจตรงกันนะครับ.
------------------------------------------
- ดังนั้น การที่ ดีเอสไอ. นัดไปสอบ
หลวงพ่อสมเด็จช่วง ในค่ำวันนี้นั้น.
- จึงเป็นการไปสอบ "ในฐานะพยาน" นะครับ.
- ไมใช่ "ในฐานะผู้ต้องหา".
- ดังนั้น จึงสามารถ ที่จะกำหนดสอบ เพียงลำพังได้.
- ขอให้เข้าใจตามนี้นะครับ.
---------------------------------------
- เรื่องง่าย ๆ แบบนี้ ก็สมควรแล้วที่ ดีเอสไอ. จะถูกด่าเปิงไปทั่วประเทศไปแล้ว ในเรื่องนี้ เพราะไม่ได้แจ้งให้สังคมทราบแบบจริง ๆ จัง ๆ.
- แต่อาจเพราะ ดันมาทำเรื่องพระเอง และทำแบบดูเหมือนขยันเกินเหตุด้วยก็ได้.
- ถึงจะอธิบายยังไง ผู้คนในสังคมเขาไม่อยากฟังแล้ว เพราะอาจเขาหมดศรัทธากับหน่วยงานนี้ไปนานแล้วก็ได้.
- พูดให้แทนแบบนี้ ก็น่าจะต้องมาขอบคุณ เจ้าคุณเบอร์ลิน นะ ที่ได้ช่วยชี้แจงแทนให้ในครั้งนี้.
----------------------------------------------
เตือน ๒ DSI ให้ทำโดยสุจริตใจเป็นที่ตั้ง
- ที่จริง สำหรับหน่วยงานนี้ กับผม เจ้าคุณเบอร์ลินนั้น.
- ตั้งแต่คราวที่ได้ตอบโต้กันดุเด็ดเผ็ดมันไป ในคราวพระลิขิต กรณีรื้ออธิกรณ์ ธัมมชโย ที่ขนาด ตั้งโต๊ะแถลงกันเลยนั้น.
- โดยครั้งนั้น ผมได้พยายามชี้ว่า "เรื่องพระสงฆ์" นั้น หน่วยงานรัฐทั้งหมด ไม่มีอำนาจหน้าที่ ในทางกฏหมาย ในการรับร้องเรียนดำเนินการใดๆ.
- เพราะในที่สุดก็ต้องส่งเรื่องให้ มส. อยู่ดี.
---------------------
- แต่ครั้งนั้น ดีเอสไอ ไม่เชื่อ และก็โต้ว่า "มีอำนาจ" "ไม่ได้ก้าวก่าย ศาสนจักร" ดังที่ผมกล่าวหา.
-----------------
- ซึ่งสุดท้าย เมื่อส่งเรื่องไป ยัง มส.
- มส. ก็มีมติ ว่า ไม่สามารถ รื้ออธิกรณ์ที่จบไปแล้ว มาทำขึ้นใหม่ได้.
------------------
- จากวันนั้น ผมก็ไม่ได้พูดถึง หน่วยงานนี้อีกเลย ไม่ว่า เขาแถลง หรือ มีข่าวอะไรเกี่ยวกับพระสงฆ์.
- เพราะถือว่าได้แจงไปพอสมควรแล้ว.
- อีกอย่าง ตอนหลังผมผมก็ได้มาพิจารณาเห็นว่า.
- หน่วยงานนี้ เหมือน ไม่เป็นตัวของตัวเองชะแล้ว.
- เหมือนดำเนินงานแบบ รุก ๆ รับ ๆ กล้า ๆ กลัว ๆ อะไรสักอย่าง.
-----------------------
- ผมก็เลยไปอยากไปยุ่งกับเขาแล้ว.
- นี่ก็ได้ข่าวว่า วันนี้ คุณไพบูลย์ ก็จะเอาเรื่องพระสงฆ์ไปร้องให้ทำอีกเรื่อง.
- หากลืมไปแล้วว่า ครั้งก่อน มส. มีมติเรื่องพระสงฆ์ไว้อย่างไร.
- ก็รับเรื่องจากคุณไพบูลย์มาทำต่ออีกนะครับ รับมาบ่อย ๆ รับมาก ๆ รับทุกวันยิ่งดี.
- ผลสรูป ก็คงไม่ต้องบอกกันแล้ว.
--------------------------------------------------------
- วันนี้ ผมจึงอยากจะบอกไป ทาง ดีเอสไอ. ในฐานะพุทธศาสนิกชนชาวไทยด้วยกัน ด้วยกุศลเจตนาว่า....
- การที่ท่านให้สัมภาษณ์ว่า .....
- ก่อนสอบปากคำหลวงพ่อสมเด็จ ช่วง ในค่ำวันนี้นั้น
จะทำดอกไม้ธูปเทียนแพ ไปถวาย เพื่อขอขมาท่านก่อน.
-----------------
- ตรงนี้ เป็นการดีครับ และสมควรแล้ว เพราะเมื่อวานผมก็เคยบอกทหารชั้นผู้น้อยไปแล้วว่า..
- หากนายสั่งให้ไปเฝ้าพระตามวัดต่าง ๆ นั้น ให้เอาดอกไม้ธูปเทียนไปกราบขอขมาท่านก่อน.
- เพราะผลกรรมต่าง ๆ จะได้ไม่มาตกมาที่เรา มันจะได้ไปตกที่เจ้านายเรา ที่เป็นคนทำ เป็นคนสั่งโดยตรง.
- ดังนั้น การที่ ดีเอสไอ. มีความคิดอย่างนี้ ย่อมถือว่า " ฉลาด" และสมควรแล้ว.
------------------------
ต้องทำด้วยใจบริสุทธิ์ ผลจึงจะมี.
- การนำธูปแพเทียนแพ ไปกราบถวาย ต่อ หลวงพ่อสมเด็จ ช่วงก่อนสอบปากคำท่านนั้น.
- อยากขอเตือนพวกท่าน ที่เกี่ยวข้องทุกคนว่า..-------------
"อัน องค์หลวงพ่อสมเด็จ ช่วง วัดปากน้ำนั้น
คุณธรรมภายใน ที่ท่านสะสมมา แต่อดีตหลายภพหลายชาตินั้น
" ย่อมเหนือกว่าพวกเรา ๆ ทั้งหมดนี้
หลายร้อย หลายพัน หลายหมื่น หลานแสน หลายล้านเท่านัก
ขออย่าได้พากัน ประมาทโดยเด็ดขาด
ขอให้จิตของพวกท่านที่ กำลังก้าวเข้าไปหาท่าน เดินเข้าวัดปากน้ำนั้น.......
พวกท่าน "จะต้อง" เน้นว่า "จะต้อง"
" ตั้งจิตให้ดี ๆ จงกระทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์จริง ๆ "
อย่าสักแต่ว่า ทำตามหน้าที่เท่านั้น
อย่าประมาท อย่าเหิม ฯ
ไม่เช่นนั้น อาการที่ทำนี้ จะไม่มีผลใด ๆ ทั้งสิ้น"------.
- นี่คือคำเตือนเบื้องต้น.
--------------------------------------------
- และขอแนะนำว่า ให้เจ้าหน้าที่ ทุกคน ไปก่อนเวลาให้มาก ๆ
แล้วพากันเข้าไปพระอุโบสถก่อน
ไปไหว้พระประธาน ไปกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภายในวัดปากน้ำเสียก่อนในเบื้องต้น.
- เรื่องนี้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ.
--------------------------------
- ขอเตือนด้วยความเป็นห่วงจริง ๆ ในตรงนี้ว่า....
"สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่านั้น
มันน่ากลัวกว่าที่มองเห็นมากนัก"
-------------------------------
- เทวดา ที่เขาปกปักรักษาวัดอยู่นั้น
- ถ้าไม่มีศักดิ์ใหญ่ คงไม่ทำให้วัดปากน้ำ เจริญยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้หรอก.
- เทวดา เขาคงไม่ปล่อยให้คนชั่ว เข้าไปคิดชั่ว เข้าไปทำอะไรในวัดปากน้ำได้ง่าย ๆ เป็นแน่.
- ย้ำว่า....ผมเตือนท่านแล้วนะ.
------------------------------------
สรูปสุดท้ายตรงนี้ว่า
- ถ้าสมมติ ตัวผมเอง ได้รับราชการ จนเป็น อธิบดี ดีเอสไอ หรือเป็นเจ้าหน้าที่.
- ที่จะต้องเดินทางไปทำหน้าที่ "ที่สมมติ" ในวัดปากน้ำวันนี้.
- หากมี "งาน สมมติ แบบโลก ๆ " ย้ำตรงนี้ด้วย.
--------------------------------
- ถึงเวลาหนึ่ง ในชาติเกิดครั้งนี้
- ที่ถึงขนาด จะเข้าไปสอบปากคำหลวงพ่อสมเด็จ ช่วง ขนาดนี้ละก็.
- ผมจะขอลาออกจากราชการ "โลกสมมติ" โดยทันที.
- และจะรีบไปกราบ เท้าหลวงพ่อท่าน เพื่อขอขมาท่าน และจะขอบวชเป็นพระ เพื่อทดแทนถ่ายโทษกับท่านทันที.
- โดยไม่รีรอใด ๆ ทั้งสิ้น.
----------------
- แต่ความเป็นจริง ก็คือ
"ท่าน" ไม่ใช่ ผม และผม เจ้าคุณเบอร์ลิน ก็ไม่ใช่ "ท่าน".
---------------------
- ดังนั้น ความคิดจึงต่างกันสิ้นเชิง.
- ก็เลือกทางเดินของใครของมันกันเองแล้วกัน.
- เมื่อถึงขั้นนี้ ก็คงไม่ต้องพูดอะไรกันมากแล้ว.
- เมื่อพวกท่าน เดินทางกลับจากทำกิจ "สมมติ" ที่วัดปากน้ำ เสร็จในวันนี้ไปแล้ว ให้คอยดูว่า..................
"ชีวิตของพวกท่านจะเปลี่ยนแปลงไป และเร็วด้วย".
- จะพิสูจน์คำสอนของกฏแห่งกรรมในทางพุทธศาสนาก็ครั้งนี้แหละครับ.
- ทำดี ได้ผลดี ใยต้องกลัวใด ๆ นอกจากตรงข้ามเท่านั้น.
---------------
- แต่ไม่ทราบเป็นอย่างไรในวันนี้
รางสังหรณ์ใจผมหวั่น ๆ ใจยังไง บอกไม่ถูก.
- แล้วเมื่อผมหลับตาเมื่อไร....
- ผม เจ้าคุณเบอร์ลิน สวดมนต์เช้าเสร็จแล้ว.
- เมื่อหันหน้า ไปมองยังทิศทางวัดปากน้ำที่ตั้งอยู่ที่ประเทศไทย มองไปเมื่อไร.....
"ก็เห็นมีแต่ไฟนรก ลุกโชนแดงจ้า อยู่ตรงหน้าซุ้มประตู
ทางเข้าวัดปากน้ำ"
ตลอดเวลาเลยครับ.
ขอจบด้วยว่า....
- อย่าได้ริบังอาจเหิมเกริมกับกฏแห่งกรรม อย่าได้ล้อเล่นเป็นอันขาด.
- เพราะหากทำด้วยไม่สุจริตใจ แล้ว กรรมมันหนักมาก.
- ไม่ใช่ว่าจะ
ถึงตัวเราเท่านั้น.
- มันจะ
ไปถึงลูกถึงเมีย พ่อแม่คนรอบข้างด้วย.
- กรรมมันมีอานุภาพของมัน ไม่สงสารตัวเอง ก็ให้สงสารลูกเมียพ่อแม่ตัวเองด้วย.
โชคดีมีชัยทุกท่าน.
เจ้าคุณเบอร์ลิน
16.03.2016
เจ้าคุณเบอร์ลิน @ dsi สอบสมเด็จวัดปากน้ำตามลำพัง ชาวพุทธอย่ากังวล แค่สอบพยาน / dsi ขอให้ทำอย่างสุจริตใจ
วันนี้ DSI สอบสมเด็จช่วงลำพัง : เตือน ๑ ชาวพุทธอย่างกังวล เตือน ๒ DSI ทำโดยสุจริตใจเป็นที่ตั้ง.
-----------------------------------------
- ในช่วงคำ่ วันนี้ ให้รอสังเกตเหตุการณ์หลัง DSI
- นัดเข้าสอบปากคำ หลวงพ่อสมเด็จช่วง วัดปากน้ำ กรณีมีชื่อในการครอบครองรถโบราณ ราว ๒ ทุ่ม เสียก่อน. แล้วผมจะโพสต์เล่าให้ฟังนะครับ.
-----------------------------
- ตามหัวข้อที่จั่วไว้นั้น เป็นที่ทราบกันตามสื่อแล้วว่า.
- วันนี้ที่ ๑๖ มีนาคม ราว ๒๐.๐๐ น. ทางวัดปากน้ำ และดีเอสไอ.
- ได้นัดแนะเพื่อสอบปากคำ หลวงพ่อสมเด็จ ฯ ที่ กุฏิท่านวัดปากน้ำ. ซึ่งก็ถือว่า เป็นขั้นตอนตามปกติทางกฏหมาย.
-----------------------------------------
- โพสต์ครั้งนี้ ผมมีเจตนาเพื่อจะแจ้งให้ชาวพุทธทุกท่าน ทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก.
- ได้ทราบเป็นเบื้องต้นเสียก่อน ว่า "อย่ากังวล กรณีนี้".
---------------------------
- ก่อนที่จะ เตือน ๒ คือ เตือน ชาวพุทธ ว่า อย่ากังวล แล้วจึงค่อยเตือนไปที่ ดีเอสไอ. ด้วยว่า ขอให้ทำด้วยความสุจริตใจจริง ๆ.
-------------------------------
- ที่ผมเลือกเตือนชาวพุทธก่อนนั้น.
- ก็เพราะผมห่วงชาวพุทธ มากกว่าห่วงดีเอสไอ. แต่ก็ห่วงเหมือนกัน.
- จึงขึ้นหัวข้อว่า เตือน ๑ เพราะผมเกรงว่า ชาวพุทธ ที่มีความเป็นห่วงในกิจการพระศาสนา และมีความเคารพศรัทธาในองค์หลวงพ่อสเด็จ ช่วง วัดปากน้ำด้วยนั้น.
- จะเกิดกังวลเกินเหตุ เพราะอาจไม่ทราบขั้นตอนทางกฏหมาย.
-------------------
เตือน ๑ ชาวพุทธอย่ากังวล
- ในครั้งแรกที่ผมได้ฟัง การให้สัมภาษณ์ของฝ่าย ดีเอสไอ. ว่า
- วันนี้ จะไปสอบปากคำหลวงพ่อสมเด็จ ช่วง กรณีรถโบราณ ที่มีชื่อท่านปรากฏว่าเป็นผู้ครอบครอง.
- แต่จะเป็นการสอบถาม "เพียงลำพัง".
- ห้ามผู้อื่น ที่ไม่ข้องเกี่ยว เข้าร่วมฟัง ทั้งสิ้น "ไม่เว้นแม้กระทั้งทนาย" คือ ห้ามหมด.
- โดยจะมีเจ้าหน้าที่จากอัยการ ๒ ท่าน และจาก ดีเอสไอ. ๕ ท่าน.
---------------------------
- แรก ๆ เลย ได้ฟังแค่นี้ ผมก็คงจะเหมือนกับคนทั่วไปนะแหละว่า....
"อ้าว แล้วหลวงพ่ออายุท่านขนาดนี้ ทำไมสอบตามลำพังล่ะ
เพราะอย่าว่า แต่มาสอบถามแบบนี้เลย
แค่ในทุกวันทุกนาที
ก็ยังต้องมี พระอุปัฎฐากพยาบาลชายดูแลท่านตลอดเวลาเลย
ด้วยวัยชราของท่าน
มาสอบเรื่องสำคัญเช่นนี้ ทำไม กำหนดแบบนี้ละ
โดยเฉพาะข้อกฏหมาย ก็จะต้องมีทนายคอยช่วย คอยเป็นพยานให้ท่านด้วยซิ"
-------------------------------
- นี่ คือข้อกังวล และข้อสงสัยผมตอนนั้น.
-------------------------
- ความสงสัยของผม จึงนำไปถาม โยมคุ้นเคยกัน
- ที่เป็นอดีตรองประธานศาลอุทรณ์ ซึ่งเกษียณไปแล้ว ท่านให้คำตอบ คำอธิบายมาดังนี้.....
(ค่อย ๆ อ่านนะครับ)..............
" อยู่ที่ว่า สอบสมเด็จ ในฐานะใดครับ
ถ้าในฐานะพยาน ก็สอบเฉพาะพยานได้
แต่ถ้าในฐานะผู้ต้องหา
สามารถให้ทนาย อยู่ร่วมสอบได้ครับ
ถ้าไม่ตรงกับที่ให้การจริง
สมเด็จไม่ลงพระนามได้ครับ
ก่อนลงพระนาม
ต้องอ่านให้ฟังก่อนว่า
ตรงกับที่ให้การหรือไม่ครับ "
---------------------------
- ทั้งหมดนี้ คือ คำอธิบาย กรณีสอบสมเด็จช่วง ตามลำพัง ของดีเอสไอ.
- ที่ผมได้รับจาก อดีตประธานศาลอุทรณ์ ในวันนี้ครับ.
- เข้าใจตรงกันนะครับ.
------------------------------------------
- ดังนั้น การที่ ดีเอสไอ. นัดไปสอบ
หลวงพ่อสมเด็จช่วง ในค่ำวันนี้นั้น.
- จึงเป็นการไปสอบ "ในฐานะพยาน" นะครับ.
- ไมใช่ "ในฐานะผู้ต้องหา".
- ดังนั้น จึงสามารถ ที่จะกำหนดสอบ เพียงลำพังได้.
- ขอให้เข้าใจตามนี้นะครับ.
---------------------------------------
- เรื่องง่าย ๆ แบบนี้ ก็สมควรแล้วที่ ดีเอสไอ. จะถูกด่าเปิงไปทั่วประเทศไปแล้ว ในเรื่องนี้ เพราะไม่ได้แจ้งให้สังคมทราบแบบจริง ๆ จัง ๆ.
- แต่อาจเพราะ ดันมาทำเรื่องพระเอง และทำแบบดูเหมือนขยันเกินเหตุด้วยก็ได้.
- ถึงจะอธิบายยังไง ผู้คนในสังคมเขาไม่อยากฟังแล้ว เพราะอาจเขาหมดศรัทธากับหน่วยงานนี้ไปนานแล้วก็ได้.
- พูดให้แทนแบบนี้ ก็น่าจะต้องมาขอบคุณ เจ้าคุณเบอร์ลิน นะ ที่ได้ช่วยชี้แจงแทนให้ในครั้งนี้.
----------------------------------------------
เตือน ๒ DSI ให้ทำโดยสุจริตใจเป็นที่ตั้ง
- ที่จริง สำหรับหน่วยงานนี้ กับผม เจ้าคุณเบอร์ลินนั้น.
- ตั้งแต่คราวที่ได้ตอบโต้กันดุเด็ดเผ็ดมันไป ในคราวพระลิขิต กรณีรื้ออธิกรณ์ ธัมมชโย ที่ขนาด ตั้งโต๊ะแถลงกันเลยนั้น.
- โดยครั้งนั้น ผมได้พยายามชี้ว่า "เรื่องพระสงฆ์" นั้น หน่วยงานรัฐทั้งหมด ไม่มีอำนาจหน้าที่ ในทางกฏหมาย ในการรับร้องเรียนดำเนินการใดๆ.
- เพราะในที่สุดก็ต้องส่งเรื่องให้ มส. อยู่ดี.
---------------------
- แต่ครั้งนั้น ดีเอสไอ ไม่เชื่อ และก็โต้ว่า "มีอำนาจ" "ไม่ได้ก้าวก่าย ศาสนจักร" ดังที่ผมกล่าวหา.
-----------------
- ซึ่งสุดท้าย เมื่อส่งเรื่องไป ยัง มส.
- มส. ก็มีมติ ว่า ไม่สามารถ รื้ออธิกรณ์ที่จบไปแล้ว มาทำขึ้นใหม่ได้.
------------------
- จากวันนั้น ผมก็ไม่ได้พูดถึง หน่วยงานนี้อีกเลย ไม่ว่า เขาแถลง หรือ มีข่าวอะไรเกี่ยวกับพระสงฆ์.
- เพราะถือว่าได้แจงไปพอสมควรแล้ว.
- อีกอย่าง ตอนหลังผมผมก็ได้มาพิจารณาเห็นว่า.
- หน่วยงานนี้ เหมือน ไม่เป็นตัวของตัวเองชะแล้ว.
- เหมือนดำเนินงานแบบ รุก ๆ รับ ๆ กล้า ๆ กลัว ๆ อะไรสักอย่าง.
-----------------------
- ผมก็เลยไปอยากไปยุ่งกับเขาแล้ว.
- นี่ก็ได้ข่าวว่า วันนี้ คุณไพบูลย์ ก็จะเอาเรื่องพระสงฆ์ไปร้องให้ทำอีกเรื่อง.
- หากลืมไปแล้วว่า ครั้งก่อน มส. มีมติเรื่องพระสงฆ์ไว้อย่างไร.
- ก็รับเรื่องจากคุณไพบูลย์มาทำต่ออีกนะครับ รับมาบ่อย ๆ รับมาก ๆ รับทุกวันยิ่งดี.
- ผลสรูป ก็คงไม่ต้องบอกกันแล้ว.
--------------------------------------------------------
- วันนี้ ผมจึงอยากจะบอกไป ทาง ดีเอสไอ. ในฐานะพุทธศาสนิกชนชาวไทยด้วยกัน ด้วยกุศลเจตนาว่า....
- การที่ท่านให้สัมภาษณ์ว่า .....
- ก่อนสอบปากคำหลวงพ่อสมเด็จ ช่วง ในค่ำวันนี้นั้น
จะทำดอกไม้ธูปเทียนแพ ไปถวาย เพื่อขอขมาท่านก่อน.
-----------------
- ตรงนี้ เป็นการดีครับ และสมควรแล้ว เพราะเมื่อวานผมก็เคยบอกทหารชั้นผู้น้อยไปแล้วว่า..
- หากนายสั่งให้ไปเฝ้าพระตามวัดต่าง ๆ นั้น ให้เอาดอกไม้ธูปเทียนไปกราบขอขมาท่านก่อน.
- เพราะผลกรรมต่าง ๆ จะได้ไม่มาตกมาที่เรา มันจะได้ไปตกที่เจ้านายเรา ที่เป็นคนทำ เป็นคนสั่งโดยตรง.
- ดังนั้น การที่ ดีเอสไอ. มีความคิดอย่างนี้ ย่อมถือว่า " ฉลาด" และสมควรแล้ว.
------------------------
ต้องทำด้วยใจบริสุทธิ์ ผลจึงจะมี.
- การนำธูปแพเทียนแพ ไปกราบถวาย ต่อ หลวงพ่อสมเด็จ ช่วงก่อนสอบปากคำท่านนั้น.
- อยากขอเตือนพวกท่าน ที่เกี่ยวข้องทุกคนว่า..-------------
"อัน องค์หลวงพ่อสมเด็จ ช่วง วัดปากน้ำนั้น
คุณธรรมภายใน ที่ท่านสะสมมา แต่อดีตหลายภพหลายชาตินั้น
" ย่อมเหนือกว่าพวกเรา ๆ ทั้งหมดนี้
หลายร้อย หลายพัน หลายหมื่น หลานแสน หลายล้านเท่านัก
ขออย่าได้พากัน ประมาทโดยเด็ดขาด
ขอให้จิตของพวกท่านที่ กำลังก้าวเข้าไปหาท่าน เดินเข้าวัดปากน้ำนั้น.......
พวกท่าน "จะต้อง" เน้นว่า "จะต้อง"
" ตั้งจิตให้ดี ๆ จงกระทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์จริง ๆ "
อย่าสักแต่ว่า ทำตามหน้าที่เท่านั้น
อย่าประมาท อย่าเหิม ฯ
ไม่เช่นนั้น อาการที่ทำนี้ จะไม่มีผลใด ๆ ทั้งสิ้น"------.
- นี่คือคำเตือนเบื้องต้น.
--------------------------------------------
- และขอแนะนำว่า ให้เจ้าหน้าที่ ทุกคน ไปก่อนเวลาให้มาก ๆ
แล้วพากันเข้าไปพระอุโบสถก่อน
ไปไหว้พระประธาน ไปกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภายในวัดปากน้ำเสียก่อนในเบื้องต้น.
- เรื่องนี้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ.
--------------------------------
- ขอเตือนด้วยความเป็นห่วงจริง ๆ ในตรงนี้ว่า....
"สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่านั้น
มันน่ากลัวกว่าที่มองเห็นมากนัก"
-------------------------------
- เทวดา ที่เขาปกปักรักษาวัดอยู่นั้น
- ถ้าไม่มีศักดิ์ใหญ่ คงไม่ทำให้วัดปากน้ำ เจริญยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้หรอก.
- เทวดา เขาคงไม่ปล่อยให้คนชั่ว เข้าไปคิดชั่ว เข้าไปทำอะไรในวัดปากน้ำได้ง่าย ๆ เป็นแน่.
- ย้ำว่า....ผมเตือนท่านแล้วนะ.
------------------------------------
สรูปสุดท้ายตรงนี้ว่า
- ถ้าสมมติ ตัวผมเอง ได้รับราชการ จนเป็น อธิบดี ดีเอสไอ หรือเป็นเจ้าหน้าที่.
- ที่จะต้องเดินทางไปทำหน้าที่ "ที่สมมติ" ในวัดปากน้ำวันนี้.
- หากมี "งาน สมมติ แบบโลก ๆ " ย้ำตรงนี้ด้วย.
--------------------------------
- ถึงเวลาหนึ่ง ในชาติเกิดครั้งนี้
- ที่ถึงขนาด จะเข้าไปสอบปากคำหลวงพ่อสมเด็จ ช่วง ขนาดนี้ละก็.
- ผมจะขอลาออกจากราชการ "โลกสมมติ" โดยทันที.
- และจะรีบไปกราบ เท้าหลวงพ่อท่าน เพื่อขอขมาท่าน และจะขอบวชเป็นพระ เพื่อทดแทนถ่ายโทษกับท่านทันที.
- โดยไม่รีรอใด ๆ ทั้งสิ้น.
----------------
- แต่ความเป็นจริง ก็คือ
"ท่าน" ไม่ใช่ ผม และผม เจ้าคุณเบอร์ลิน ก็ไม่ใช่ "ท่าน".
---------------------
- ดังนั้น ความคิดจึงต่างกันสิ้นเชิง.
- ก็เลือกทางเดินของใครของมันกันเองแล้วกัน.
- เมื่อถึงขั้นนี้ ก็คงไม่ต้องพูดอะไรกันมากแล้ว.
- เมื่อพวกท่าน เดินทางกลับจากทำกิจ "สมมติ" ที่วัดปากน้ำ เสร็จในวันนี้ไปแล้ว ให้คอยดูว่า..................
"ชีวิตของพวกท่านจะเปลี่ยนแปลงไป และเร็วด้วย".
- จะพิสูจน์คำสอนของกฏแห่งกรรมในทางพุทธศาสนาก็ครั้งนี้แหละครับ.
- ทำดี ได้ผลดี ใยต้องกลัวใด ๆ นอกจากตรงข้ามเท่านั้น.
---------------
- แต่ไม่ทราบเป็นอย่างไรในวันนี้
รางสังหรณ์ใจผมหวั่น ๆ ใจยังไง บอกไม่ถูก.
- แล้วเมื่อผมหลับตาเมื่อไร....
- ผม เจ้าคุณเบอร์ลิน สวดมนต์เช้าเสร็จแล้ว.
- เมื่อหันหน้า ไปมองยังทิศทางวัดปากน้ำที่ตั้งอยู่ที่ประเทศไทย มองไปเมื่อไร.....
"ก็เห็นมีแต่ไฟนรก ลุกโชนแดงจ้า อยู่ตรงหน้าซุ้มประตู
ทางเข้าวัดปากน้ำ"
ตลอดเวลาเลยครับ.
ขอจบด้วยว่า....
- อย่าได้ริบังอาจเหิมเกริมกับกฏแห่งกรรม อย่าได้ล้อเล่นเป็นอันขาด.
- เพราะหากทำด้วยไม่สุจริตใจ แล้ว กรรมมันหนักมาก.
- ไม่ใช่ว่าจะถึงตัวเราเท่านั้น.
- มันจะไปถึงลูกถึงเมีย พ่อแม่คนรอบข้างด้วย.
- กรรมมันมีอานุภาพของมัน ไม่สงสารตัวเอง ก็ให้สงสารลูกเมียพ่อแม่ตัวเองด้วย.
โชคดีมีชัยทุกท่าน.
เจ้าคุณเบอร์ลิน
16.03.2016