เมื่อวันก่อนได้เห็นข้อความที่จ่าพิชิต จากเพจdrama adict ได้เเชร์ สืบเนื่องมาจากมีเจ้าของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับวิตามินกลูต้า ได้อัดคลิปที่มีเนื้อหาสอนการตรวจสอบสารกลูต้า โดยหยดสารเบตาดีนลงในน้ำเปล่า แต่หลังจากนั้นได้มีแพทย์เข้ามาแย้งว่านั้นไม่ใช่วิธีตรวจสอบ แต่เป็นการทดลองวิทยาศาตร์ระดับประถม อีกทั้งด้วยความหวังดีของดาราลูกครึ่งญี่ปุ่น (ชยทมด) ได้แชร์คลิปของแพทย์ผู้เข้ามาให้ข้อมูลถึงวิธีตรวจสอบดังกล่าว กลายเป็นความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างลูกหาบของแม่ค้ากลุต้าที่เข้าไปกระหน่ำด่าคาราลูกครึ่งอย่างบ้าคลั่งว่าเจ้าของแบรนด์เป็นผู้คิดค้นสูตรวิตามินกลูต้า และจบโดยตรง จะอันตรายได้อย่างไร??? คำถามคือ
1. เรามาถึงจุดที่ ใครก็สามารถคิดค้นสูตรวิตามิน ครีมทาผิว สบู่ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการทดลองใดๆๆ อย่างต่างประเทศ อย่าว่าแต่วิตามินที่กิน แม้แต่ครีมก็ทดลอง ตรวจสอบหลายขั้นตอนกว่าจะออก product แต่ละตัว แต่กับประเทศสารขันธ์ สูตรเคมีต่างๆๆไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ขอแค่เจ้าของแบรนด์ขาวก็ขายได้
2.เข้าไปดูเพจต้นเรื่อง มีให้คำปรึกษาเรื่องผิว ห๊าเดี๋ยวนะ นี้มันเกิดไรขึ้น การวิเคราะห์ผิวหน้าโดยเฉพาะของคนที่ผิวมีปัญหา ควรให้แพทย์ผิวหนังไม่ใช่หรอ เรามาถึงยุคที่ใครก็สามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับยากิน ยาทาได้ ขอแค่คุณมีผิวขาว แพทย์และเภสัช ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
จากคำถามข้างต้น จะมีหน่วยงานใดที่จะเข้ามาจัดระเบียบ และตรวจสอบอย่างเป็นรูปธรรม อย่ามองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะเห็นว่าคนเหล่านั้นอยากกิน อยากสวยแต่โง่ ก็ปล่อยให้ธรรมชาติคัดสรรค แต่อย่าลืมว่าหากคนเหล่านั้น เจ็บป่วย ก็จะวนกลับมาเป็นภาระสังคมเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น บัตรทอง 30 บาท หรือแม้แต่สิ้นเปลืองบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งก็อีกนั้นแหล่ะ ภาษีเราๆๆท่านๆๆทั้งนั้น
พริตตี้ ที่มาพร้อมกับการขายกลูต้า และครีมขาว
1. เรามาถึงจุดที่ ใครก็สามารถคิดค้นสูตรวิตามิน ครีมทาผิว สบู่ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการทดลองใดๆๆ อย่างต่างประเทศ อย่าว่าแต่วิตามินที่กิน แม้แต่ครีมก็ทดลอง ตรวจสอบหลายขั้นตอนกว่าจะออก product แต่ละตัว แต่กับประเทศสารขันธ์ สูตรเคมีต่างๆๆไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ขอแค่เจ้าของแบรนด์ขาวก็ขายได้
2.เข้าไปดูเพจต้นเรื่อง มีให้คำปรึกษาเรื่องผิว ห๊าเดี๋ยวนะ นี้มันเกิดไรขึ้น การวิเคราะห์ผิวหน้าโดยเฉพาะของคนที่ผิวมีปัญหา ควรให้แพทย์ผิวหนังไม่ใช่หรอ เรามาถึงยุคที่ใครก็สามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับยากิน ยาทาได้ ขอแค่คุณมีผิวขาว แพทย์และเภสัช ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
จากคำถามข้างต้น จะมีหน่วยงานใดที่จะเข้ามาจัดระเบียบ และตรวจสอบอย่างเป็นรูปธรรม อย่ามองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะเห็นว่าคนเหล่านั้นอยากกิน อยากสวยแต่โง่ ก็ปล่อยให้ธรรมชาติคัดสรรค แต่อย่าลืมว่าหากคนเหล่านั้น เจ็บป่วย ก็จะวนกลับมาเป็นภาระสังคมเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น บัตรทอง 30 บาท หรือแม้แต่สิ้นเปลืองบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งก็อีกนั้นแหล่ะ ภาษีเราๆๆท่านๆๆทั้งนั้น