วันนี้เอาคำตอบมาให้หลาย ๆ ท่านที่สงสัย ว่าหุ้นกับดัชนีหุ้นไทย มันเกี่ยวกันอย่างไร ประเด็นคำถามจากหลาย ๆ ท่านสรุป
1. ทำไมน้ำมันขึ้นดัชนีหุ้นไทยขึ้น น้ำมันลงดัชนีหุ้นไทยลง
2. ทำไมต้องอ้างอิงราคาน้ำมันตลาดโลก
3. หุ้นจะขึ้นหรือลงเกี่ยวอะไรกับน้ำมันด้วย
เรามาดูคำตอบกัน ว่าทำไม ???
กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันเพื่อส่งออก ประกอบด้วย
กลุ่ม OPEC (Organization of Petroleum Exporting Countries) กลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก เป็นองค์การนานาชาติ
ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อความร่วมมือ ทางด้านนโยบายน้ำมัน และช่วยเหลือด้านเทคนิคเศรษฐกิจแก่ประเทศสมาชิก
1. แอลจีเรีย
2. ไนจีเรีย
3. อิหร่าน
4. อิรัก
5. ลิเบีย
6. คูเวต
7. กาต้าร์
8. อินโดนีเซีย
9. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
10. ซาอุดิอาระเบีย
11. เวเนซูเอล่า
แหล่งน้ำมันดิบที่สำคัญในโลกมีอยู่ 3 แห่ง ได้แก่
1. น้ำมันดิบดูไบ (Dubai)
2. น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent)
3. น้ำมันดิบดับบลิวทีไอ (WTI)
น้ำมันดิบดูไบ (Dubai Crude)
เป็นน้ำมันดิบจากแหล่งน้ำมันใต้ทะเลทรายในเอเชียตะวันออกกลาง น้ำมันดิบที่ได้จากบริเวณนี้จะมีลักษณะที่เรียกว่า หนักและเปรี้ยว หรือที่เรียกกันว่า Heavy Sour Crude โดยน้ำมันดิบดูไบจะมีค่าความหนาแน่นจ้าเพาะ (API Gravity) ประมาณ 31 ดีกรี และมีปริมาณซัลเฟอร์ประมาณ 2%
น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent Crude)
มีแหล่งผลิตอยู่ในทะเลเหนือ (North Sea) หรือทะเลที่อยู่ระหว่างเกาะอังกฤษและคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย น้ำมันดิบเบรนท์ ถือว่าเป็นน้ำมันเบาและหวาน (Light Sweet Crude) เนื่องจากมีค่า API อยู่ที่ประมาณ 39 ดีกรี และมีปริมาณซัลเฟอร์อยู่ที่ประมาณ 0.4%
น้ำมันดิบดับบลิวทีไอ (WTI Crude)
หรืออีกชื่อหนึ่งคือ West Texas Intermediate เป็นน้ำมันดิบอ้างอิงที่ส้าคัญในทวีปอเมริกา น้ำมันดิบ WTI เป็นน้ำมันประเภทเบาและหวาน (Light Sweet Crude) โดยมีค่า API อยู่ที่ประมาณ 37 - 42 ดีกรี และมีปริมาณซัลเฟอร์อยู่ที่ประมาณ 0.24%
เอาเฉพาะแค่ 6 เดือนที่ผ่านมา จะพบว่า
กลุ่ม OPEC ยืนยันผลิตน้ำมันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากต้นทุนเขาต่ำกว่าผู้ผลิตรายใหม่ เช่น สหรัฐฯ ที่ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน
ซึ่งเราเรียกว่า Shale gas จึงทำให้เกิดเกมส์ที่ต้องบีบให้รายใหม่ล้มหายออกจากตลาดไป เมื่อน้ำมันล้นตลาด ราคาจึงปรับลงจาก
60 ดอลลาร์สหรัฐฯ สู่ 26 ดอลลาร์สหรัฐฯ และตลาดหุ้นไทยตกจาก 1,500 จุดมาจุดต่ำสุด 1,220 จุด เช่นกัน
เรามามองดูสัดส่วนกลุ่มที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ของประเทศไทยแยกตามกลุ่มได้ดังนี้
- กลุ่มพลังงาน (ENERG) สัดส่วน 15.21%
- กลุ่มธนาคาร (BANK) สัดส่วน 15.13%
- กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) สัดส่วน 9.39%
- กลุ่มพาณิชย์ (COMM) สัดส่วน 8.49%
- กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ (TRANS) สัดส่วน 7.50%
- กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (PROP) สัดส่วน 7.18%
- กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (CONMAT) สัดส่วน 6.31%
- กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD) สัดส่วน 6.18%
กลุ่มพลังงาน (ENERG) ที่เป็นพี่ใหญ่ สัดส่วน Market Cap สูงถึง 15.21% ประกอบด้วยหุ้นอะไร??
- PTT สัดส่วน 5.49%
- PTTEP สัดส่วน 1.86%
- PTTGC สัดส่วน 1.07%
(เฉพาะหุ้นทั้ง 3 ตัวนี้ กินสัดส่วน 8.42% จากกลุ่มพลังงานทั้งหมด 15.21% เกินครึ่งของสัดส่วนทั้งหมด)
ด้วยความเป็นกลุ่มใหญ่ที่มาคำนวณดัชนีหุ้นไทย เมื่อราคาน้ำมันลงจึงทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตกตาม
ในทางกลับกัน ถ้าราคาน้ำมันมีแนวโน้มขึ้น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ขึ้นตามด้วยเช่นกัน
สำหรับท่านที่มีความเห็นอื่นเพิ่มเติม แสดงความคิดเห็นประเด็นต่าง ๆ ได้ครับ แลกเปลี่ยน ความคิดกันตามประสาชาวสินธร
ขอบคุณแหล่งอ้างอิงข้อมูลจาก 1.
http://www.sanook.com/
2.
http://www.investorchart.com/
ปรัชญาแนวทางสายจิน
จินตนาการสำคัญกว่ากราฟเส้น
ลงทุนต้องอดทน อย่าริเล่นพนัน
FC ท่านจีบัน เทพสายจิน
!!! คำตอบของน้ำมันต่อดัชนีหุ้นไทย by เข็มทิศขอบฟ้า !!!
1. ทำไมน้ำมันขึ้นดัชนีหุ้นไทยขึ้น น้ำมันลงดัชนีหุ้นไทยลง
2. ทำไมต้องอ้างอิงราคาน้ำมันตลาดโลก
3. หุ้นจะขึ้นหรือลงเกี่ยวอะไรกับน้ำมันด้วย
เรามาดูคำตอบกัน ว่าทำไม ???
กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันเพื่อส่งออก ประกอบด้วย
กลุ่ม OPEC (Organization of Petroleum Exporting Countries) กลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก เป็นองค์การนานาชาติ
ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อความร่วมมือ ทางด้านนโยบายน้ำมัน และช่วยเหลือด้านเทคนิคเศรษฐกิจแก่ประเทศสมาชิก
1. แอลจีเรีย
2. ไนจีเรีย
3. อิหร่าน
4. อิรัก
5. ลิเบีย
6. คูเวต
7. กาต้าร์
8. อินโดนีเซีย
9. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
10. ซาอุดิอาระเบีย
11. เวเนซูเอล่า
แหล่งน้ำมันดิบที่สำคัญในโลกมีอยู่ 3 แห่ง ได้แก่
1. น้ำมันดิบดูไบ (Dubai)
2. น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent)
3. น้ำมันดิบดับบลิวทีไอ (WTI)
น้ำมันดิบดูไบ (Dubai Crude)
เป็นน้ำมันดิบจากแหล่งน้ำมันใต้ทะเลทรายในเอเชียตะวันออกกลาง น้ำมันดิบที่ได้จากบริเวณนี้จะมีลักษณะที่เรียกว่า หนักและเปรี้ยว หรือที่เรียกกันว่า Heavy Sour Crude โดยน้ำมันดิบดูไบจะมีค่าความหนาแน่นจ้าเพาะ (API Gravity) ประมาณ 31 ดีกรี และมีปริมาณซัลเฟอร์ประมาณ 2%
น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent Crude)
มีแหล่งผลิตอยู่ในทะเลเหนือ (North Sea) หรือทะเลที่อยู่ระหว่างเกาะอังกฤษและคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย น้ำมันดิบเบรนท์ ถือว่าเป็นน้ำมันเบาและหวาน (Light Sweet Crude) เนื่องจากมีค่า API อยู่ที่ประมาณ 39 ดีกรี และมีปริมาณซัลเฟอร์อยู่ที่ประมาณ 0.4%
น้ำมันดิบดับบลิวทีไอ (WTI Crude)
หรืออีกชื่อหนึ่งคือ West Texas Intermediate เป็นน้ำมันดิบอ้างอิงที่ส้าคัญในทวีปอเมริกา น้ำมันดิบ WTI เป็นน้ำมันประเภทเบาและหวาน (Light Sweet Crude) โดยมีค่า API อยู่ที่ประมาณ 37 - 42 ดีกรี และมีปริมาณซัลเฟอร์อยู่ที่ประมาณ 0.24%
เอาเฉพาะแค่ 6 เดือนที่ผ่านมา จะพบว่า
กลุ่ม OPEC ยืนยันผลิตน้ำมันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากต้นทุนเขาต่ำกว่าผู้ผลิตรายใหม่ เช่น สหรัฐฯ ที่ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน
ซึ่งเราเรียกว่า Shale gas จึงทำให้เกิดเกมส์ที่ต้องบีบให้รายใหม่ล้มหายออกจากตลาดไป เมื่อน้ำมันล้นตลาด ราคาจึงปรับลงจาก
60 ดอลลาร์สหรัฐฯ สู่ 26 ดอลลาร์สหรัฐฯ และตลาดหุ้นไทยตกจาก 1,500 จุดมาจุดต่ำสุด 1,220 จุด เช่นกัน
เรามามองดูสัดส่วนกลุ่มที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ของประเทศไทยแยกตามกลุ่มได้ดังนี้
- กลุ่มพลังงาน (ENERG) สัดส่วน 15.21%
- กลุ่มธนาคาร (BANK) สัดส่วน 15.13%
- กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) สัดส่วน 9.39%
- กลุ่มพาณิชย์ (COMM) สัดส่วน 8.49%
- กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ (TRANS) สัดส่วน 7.50%
- กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (PROP) สัดส่วน 7.18%
- กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (CONMAT) สัดส่วน 6.31%
- กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD) สัดส่วน 6.18%
กลุ่มพลังงาน (ENERG) ที่เป็นพี่ใหญ่ สัดส่วน Market Cap สูงถึง 15.21% ประกอบด้วยหุ้นอะไร??
- PTT สัดส่วน 5.49%
- PTTEP สัดส่วน 1.86%
- PTTGC สัดส่วน 1.07%
(เฉพาะหุ้นทั้ง 3 ตัวนี้ กินสัดส่วน 8.42% จากกลุ่มพลังงานทั้งหมด 15.21% เกินครึ่งของสัดส่วนทั้งหมด)
ด้วยความเป็นกลุ่มใหญ่ที่มาคำนวณดัชนีหุ้นไทย เมื่อราคาน้ำมันลงจึงทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตกตาม
ในทางกลับกัน ถ้าราคาน้ำมันมีแนวโน้มขึ้น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ขึ้นตามด้วยเช่นกัน
สำหรับท่านที่มีความเห็นอื่นเพิ่มเติม แสดงความคิดเห็นประเด็นต่าง ๆ ได้ครับ แลกเปลี่ยน ความคิดกันตามประสาชาวสินธร
ขอบคุณแหล่งอ้างอิงข้อมูลจาก 1. http://www.sanook.com/
2. http://www.investorchart.com/
ปรัชญาแนวทางสายจิน
จินตนาการสำคัญกว่ากราฟเส้น
ลงทุนต้องอดทน อย่าริเล่นพนัน
FC ท่านจีบัน เทพสายจิน