(( ไม่ใช่กูรูเทนนิสนะครับ และช่วงนี้ผมสนใจดูแต่ป้าวินซี่และหนูอะก้า ))

มุ่งมั่นลดลงเพราะประสบความสำเร็จแล้ว + กดดันและเสียสมาธิจากสภาพชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนอย่างมาก + โดนฝ่ายตรงข้ามวิเคราะห์หาจุดอ่อนอย่างจริงจัง

แต่ละคน ผลของปัจจัยก็จะมากน้อยแตกต่างกันไป :
มุ่งมั่นลดลง - บาโตลีพอได้แชมป์ FO WIM แล้วเลิกเล่นไปเลย
ถูกกดดันและเสียสมาธิ - บูชาดถึงผลงานการแข่งขันยังไม่เด่นเท่าไหร่ แต่ถูกสื่อรุมกดดัน และเสียสมาธิจากวงการแฟชัน ฟอร์มตกไปเลย => เสียสมาธิจากวงการแฟชันสำหรับเทนนิสหญิงมีผลกับหลายคนมาก
โดนวิเคราะห์จุดอ่อน - หลังๆ ป้าวินซี่โดนฝ่ายตรงข้ามยิงแอพโพรชต่ำไปทางแบคแฮนด์แล้วขึ้นปิดหน้าเน็ตเป็นประจำ

---

พวกมือรองที่พุ่งแรง บางจังหวะก็มีโชคอยู่บ้าง และพวกนี้ก็จะมีอาวุธไม่ครบเครื่อง จะมีจุดอ่อนก็พอสมควร
ตอนยังไม่ดังมาก ฝ่ายตรงข้ามสนใจไม่มาก อาจจะแค่วิเคราะห์แมทช์ 2 แมทช์ก่อนแข่ง แต่พอดังมากแล้ว ทุกคนจะหันมาวิเคราะห์อย่างจริงจัง
ถ้าโดนวิเคราะห์จุดอ่อนได้และเจ้าตัวแก้ไขรับมือได้ ก็จะเก่งขึ้นไปอีก .. ถ้าแก้ไขไม่ได้ก็จะชนะไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อน

เคยดูสารคดีเทนนิสของญี่ปุ่นช่วงปี 2014-2015 ช่วงเคจังกำลังพีคเข้ามาท็อป 5 ของ ATP .. สื่อญี่ปุ่นถ่อไปฟลอริดาไปทำสารคดีของเคจังบ่อยมากๆ (นี่ขนาดหนีมาฝึกต่างประเทศนะ) คิดว่าถ้าเคจังอยู่ญี่ปุ่น แน่ใจได้ว่าได้ออกรายการเกมโชว์เป็นสิบ

เคจังพอเริ่มดังเพราะได้รองแชมป์ USO 2014 ก็โดนฝ่ายตรงข้ามวิเคราะห์จุดอ่อน และหาทางรับมือ
โค้ชชางให้สัมภาษณ์ว่า "ถ้าจะอยู่ระดับท็อปก็ต้องปรับตัวตลอดเวลา เพราะนักเทนนิสในทัวร์ทุกคนจะหันมาสนใจเราหมด หาจุดอ่อนของเราและหาวิธีรับมือเราอย่างจริงจัง"

สมัยก่อนการวิเคราะห์การเล่น โค้ช/ผู้เล่นจะใช้วิธีเอาวิดีโอมาดู แต่สมัยนี้ยังมีระบบเก็บข้อมูลจากกล้องฮ็อกอาย 10 ตัวในสนามช่วยด้วย
โค้ช/ผู้เล่นสามารถซื้อข้อมูลทั้งแมทช์มาวิเคราะห์การเล่นได้อย่างละเอียด มีโปรแกรมแอพพลิเคชันที่สามารถจำลองวิถีของลูกที่ตีทั้งหมดในแมทช์และวิเคราะห์ได้ .. เอามาใช้ร่วมกับการวิเคราะห์จากวีดีโอ => ทำให้วิเคราะห์หาจุดอ่อนได้เร็วและง่ายขึ้น !!!