ขออนุญาติตั้งนามปากกาสำหรับบทความนี้ คือ
เธียรแห่งถลาง ครับ
อนุญาติให้เอาไปใช้เป็นหลักฐานทางวิชาการได้ครับ อนุญาติให้แชร์นะครับ
(แก้ไขเมื่อ 24/7/2559 เวลา 16.50 น)
ท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร วีรสตรีแห่งเมืองถลางเป็นไทยพุทธ ไม่ใช่มุสลิม
เรียนแอดมินเวปพันทิพ เพื่อความเป็นธรรมต่อวีรสตรีของไทยทั้งสองท่าน กรุณาให้กระทู้นี้ ลงในห้องศาสนาอิสลาม เพื่อเสนอความเห็นคัดค้านกระทู้
http://ppantip.com/topic/33977387 เมื่อ 28 กรกฎาคม 2558 ที่อ้างว่าคุณหญิงจันและคุณหญิงมุกเป็นมุสลิมในห้องศาสนาอิสลาม โดยมีการลงบทความกล่าวอ้างดังกล่าวในหนังสือวารสารของศาสนาอิสลามและเวปไซค์ของศาสนาอิสลามด้วย
วันจันทร์ เดือน 4 ขึ้น 14 ค่ำ ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 13 มีนาคม 2328 หรือ 231 ปีที่แล้วเป็นวันที่คุณหญิงจันและคุณหญิงมุก วีรสตรีแห่งเมืองถลางทั้งสองท่านรบชนะทัพพม่าที่ยกมาตีเมืองถลาง หรือ วันถลางชนะศึก วันนี้ในปี 2559 ถือเป็นวันมงคลที่นำเสนอหลักฐานสำคัญของประวัติศาสตร์เมืองถลางคือจดหมายส่วนตัวของคุณหญิงจันเขียนถึงพระยาราชกปิตัน(ในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี) หรือกัปตันฟรานซิส ไลท์เจ้าเมืองปีนังในสมัยนั้น ความในจดหมายยืนยันว่าคุณหญิงทั้งสองเป็นไทยพุทธ ไม่ใช่มุสลิม
บทนำ
หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทรที่หลงเหลือในปัจจุบันซึ่งนักประวัติศาสตร์ยอมรับว่าถูกต้องที่สุดคือจดหมายการติดต่อระหว่างขุนนางชาวเมืองถลางและกัปตันฟรานซิส ไลท์ หรือ พระยาราชกปิตัน เจ้าเมืองปีนัง ที่เขียนขึ้นระหว่าง ปี 2319 ถึง 2335 สำหรับคุณหญิงจัน วีรสตรีเมืองถลางได้เขียนจดหมายส่วนตัวถึงกัปตันไลท์(เท่าที่พบ) ระหว่างปี 2328 ถึง 2330 จำนวน 4 ฉบับ จดหมายทั้งหมดเก็บรักษาอยู่ที่เมืองปีนัง ต่อมารัฐบาลอังกฤษนำจดหมายทั้งหมดไปเก็บรักษาที่มหาวิทยาลัยลอนดอน คุณอ้วน สุระกุล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นคนแรกที่นำสำเนาจดหมาย 6 ฉบับมาเผยแพร่ในปี 2505 เป็นการจุดประกายให้มีการค้นคว้าและค้นพบจดหมายทั้งหมด 48 ฉบับในเวลาต่อมา
สาระในจดหมายส่วนตัวของคุณหญิงจันทั้ง 4 ฉบับบอกถึงศาสนาของคุณหญิงจันโดยเขียนอยู่ในเรื่องธรรมดาพื้นๆทั่วไปจนคนทั่วไปดูแทบไม่ออก ยกเว้นผู้ที่มีความรู้ด้านศาสนาอิสลามจะดูออกทันทีว่าคุณหญิงจันไม่ใช่มุสลิม
สำหรับบทความในเวปต่างๆซึ่งพยายามโมเมว่าคุณหญิงจันและคุณหญิงมุกเป็นมุสลิม โดยอ้างพงศาวดาร ตำนานต่างๆ โดยเฉพาะการอ้างว่านักวิชาการจากมาเลเซียได้นำหลักฐานเป็นภาษาอังกฤษและมลายูมามอบให้ ฯลฯ เป็นข้ออ้างที่ทึกทักเอาเชื่อถือไม่ได้ เป็นที่น่าสังเกตว่าบทความเหล่านี้ไม่เคยกล่าวถึงจดหมายส่วนตัวของคุณหญิงจันและจดหมายเหตุเมืองถลางที่เป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์ของเมืองถลางแม้แต่น้อย
หมายเหตุ สำเนาของจดหมายเมืองถลางทั้งหมด 48 ฉบับ และคำถอดความได้มีการจัดพิมพ์โดยมูลนิธิท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร หนังสือชื่อ จดหมายเหตุเมืองถลาง โดย คุณประสิทธิ ชิณการณ์ ปราชญ์แห่งเมืองภูเก็ตเป็นผู้เรียบเรียงสำเนาจดหมายทั้งหมดในหนังสือจดหมายเหตุเมืองถลางจะเรียงโดยใช้คำว่า ศวภ หรือ ศูนย์วัฒนธรรมภูเก็ตนำหน้า ตามด้วยลำดับจดหมาย ผู้สนใจสามารถหาซื้อหนังสือเล่มนี้ได้ ราคาเพียง 120 บาท
บทวิเคราะห์
จดหมายส่วนตัวของคุณหญิงจันถึงกัปตันไลท์ เขียนถึงเหตุการณ์ทั่วๆไปในสมัยนั้นเช่น การศึกสงครามพม่า การแลกเปลี่ยนของสำคัญเช่นดีบุกกับอาวุธปืน สั่งซื้อของบรรณาการสำหรับถวายสมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ ซื้อผ้า ข้าว ฝิ่น น้ำหอม รวมถึงบอกเล่าปัญหาสารทุกข์สุกดิบ ฐานะ ชีวิตความเป็นอยู่ ความเจ็บไข้ และ การปฏิบัติตามประเพณีของคนไทยพุทธทั่วไป
การปฏิบัติตามประเพณีของคนไทยพุทธทั่วไปเหล่านี้บอกชัดเจนว่าคุณหญิงจันไม่ใช่มุสลิม แต่ผู้ที่เข้ามาศึกษาจดหมายเหตุเมืองถลางส่วนใหญ่มองจุดบ่งชี้เหล่านี้ไม่ออก เพราะไม่รู้ถึงกฏและข้อห้ามสำคัญของศาสนาอิสลาม เช่น เรื่องพื้นๆบางเรื่องถือเป็นเรื่องธรรมดาของไทยพุทธ แต่เรื่องเดียวกันนี้สำหรับมุสลิมถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เพราะเรื่องพื้นๆของไทยพุทธบางเรื่องมุสลิมห้ามกระทำเด็ดขาด
ประเพณีไทยที่พื้นๆธรรมดาที่สุดที่คุณหญิงจันกระทำ แต่เป็นเรื่องสำคัญที่บอกว่าคุณหญิงจันไม่ใช่มุสลิม แต่เป็นไทยพุทธ คือ
1 เหตุผลจากคติธรรมทางพุทธศาสนาในจดหมาย ซึ่งคุณหญิงจันอวยพรกัปตันไลท์ปรากฏอยู่ในจดหมายฉบับที่ ศวภ 31 หน้า 127
คุณประสิทธิ ชิณการณ์สรุปว่าการอวยพร 4 ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ เป็นคติทางพุทธศาสนา ดังนั้นคุณหญิงจันจึงเป็นไทยพุทธ ไม่ใช่มุสลิม
2 การปฏิบัติตามประเพณีไทยทั่วๆไปในจดหมายฉบับที่ ศภว 17 ศภว 26 และ ศภว 31 เช่น การกราบเท้า ขอพึ่งใบบุญ เอาบุญท่านปก ต่อ พระยาราชกปิตันซึ่งเป็นผู้ใหญ่ เป็นการเคารพผู้ใหญ่ของเจ้าของจดหมายหรือคุณหญิงจันในวิถีไทยพุทธ แต่ในวิถีอิสลามการกระทำดังกล่าว เช่นการกราบเท้าฯลฯ ถือเป็นการเคารพผู้อื่นเสมออัลลอฮฺ ถือว่าละเมิดข้อห้ามร้ายแรงที่สุดของอิสลาม ถ้าหากคุณหญิงจันเป็นมุสลิม ท่านต้องไม่กล้าละเมิดข้อห้ามร้ายแรงข้อนี้ เหตุผลข้อนี้พิสูจน์ว่าเจ้าของจดหมายหรือคุณหญิงจันต้องเป็นพุทธ ไม่ใช่มุสลิม
สำหรับจดหมายของคุณหญิงจัน ศภว 15 ไม่มีข้อเด่นเรื่องศาสนาแต่จะเขียนถึงสงครามพม่าที่ใกล้จะเกิดขึ้น
สำเนาจดหมายฉบับจริงจะลงในความเห็นถัดไป
ขออธิบายผู้อ่านที่ไม่ใช่มุสลิมถึงกฎของอิสลามที่กำหนดให้มุสลิมทุกคนต้องปฎิบัติ คือ
2.1 การปฏิบัติของมุสลิม(รุก่นอิสลาม)ในข้อแรกเป็นกฎสำคัญสูงสุดของอิสลามคือการปฎิญาณตนว่า“อัชฮะดุ อัลลา อิลาฮะ อิลลัลลอฮ.” หมายถึงมุสลิมจะเคารพอัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น มุสลิมจะไม่เคารพกราบไหว้(สูยุด)หรือขอพร(ดุอา)พึ่งพาพระเจ้าอื่นใดหรือสิ่งอื่นใด ห้ามมุสลิมกราบวัตถุหรือบุคคลใดๆ แม้แต่พ่อแม่ของตัวเอง เพราะการกราบหรือการเคารพนั้นจะถูกสงวนไว้เฉพาะอัลลอฮฺเท่านั้น
2.2 ชิริก(การตั้งภาคีเทียบเท่ากับอัลลอฮฺ)คือ มุสลิมห้ามเคารพหรือห้ามปฏิบัติต่อสิ่งอื่นๆเท่าเทียมกับอัลลอฮฺ การทำชิริกเป็นเรื่องห้ามทำเด็ดขาดของมุสลิม การกราบพ่อแม่ การกราบและขอพึ่งใบบุญหรือพึ่งอำนาจอื่นใดที่ไม่ใช่อัลลอฮฺ การเขียนป้ายพระเจ้าช่วยคุณให้รอดฯลฯตามต้นไม้เสาไฟฟ้าถือเป็นชิริกทั้งสิ้น ถ้าคุณทำชิริก คุณจะเป็นมุชริก(ผู้ตั้งภาคีกับอัลลอฮฺ)เช่น การกราบไหว้พ่อแม่เป็นข้อห้ามหรือ ชิริก คนที่กราบพ่อแม่เรียกว่า มุชริก และสิ้นสภาพการเป็นมุสลิมทันทีหรือ มุรตั๊ด ถ้าตายไปขณะเป็นมุรตั๊ดจะตกนรกตลอดกาล
เรื่องการห้ามกราบหรือห้ามเคารพต่อบุคคลอื่นเสมออัลลอฮฺ(ชิริก)สำหรับมุสลิมไม่มีการยกเว้นหรือผ่อนผันไม่ว่ากรณีใดๆ ไม่สามารถอ้างว่าจำเป็นต้องทำชิริกเพราะการเมืองบังคับหรือเหตุผลอื่นใด เพราะนี่คือกฎสำคัญสูงสุดของอิสลามที่มุสลิมทุกคนต้องยึดถือ ผมท้าให้ถามมุสลิมในห้องศาสนาอิสลามหรือทั่วโลกได้ทุกคน ว่ากฎข้อนี้จริงไหม
บทสรุป
บทวิเคราะห์ทั้งสองข้อจากจดหมายส่วนตัวของคุณหญิงจันทั้ง 4 ฉบับแสดงว่าคุณหญิงจันไม่ใช่อิสลามแน่นอน เพราะคุณหญิงจันเคารพผู้ใหญ่โดยการกราบเท้าหรือขอพึ่งใบบุญพระยาราชกปิตัน เป็นเรื่องปกติในชีวิตของคนไทยพุทธ แต่สำหรับมุสลิมถือว่าเรื่องกราบเท้าฯลฯ เป็นการเคารพบุคคลอื่นเสมออัลลอฮฺ หรือกระทำชิริกใหญ่ เป็นเรื่องต้องห้ามร้ายแรงที่สุดของอิสลามที่มุสลิมจะไม่กระทำ
ความเฉพาะเจาะจงของศาสนาอิสามเรื่องการทำชิริกใหญ่สามารถหักล้างข้ออ้างที่ทึกทักให้คุณหญิงจันคุณหญิงมุกเป็นมุสลิมลงได้อย่างสิ้นเชิง เพราะมุสลิมทุกคนจะไม่กล้าทำชิริกใหญ่เด็ดขาด ท่านสามารถทดสอบโดยถามมุสลิมทุกคนได้
ในทางกลับกันการเคารพผู้ใหญ่ด้วยการกราบเท้าเป็นประเพณีไทยพุทธทั่วๆไป ยืนยันว่า คุณหญิงจันเป็นไทยพุทธแน่นอน โดยเฉพาะการอวยพร 4 ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ เป็นการอวยพรที่เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของศาสนาพุทธ แสดงว่าคุณหญิงจันเป็นไทยพุทธ ตามคติทางศาสนาพุทธ เมื่อคุณหญิงจันเป็นไทยพุทธ คุณหญิงมุกและพี่น้องก็เป็นพุทธด้วย
ผมอยากฝากบทวิเคราะห์บทนี้สำหรับพี่น้องชาวภูเก็ต หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่น้องชาวภูเก็ตควรรวมตัวกันเรียกร้องและกดดันให้จังหวัดภูเก็ตทำการชำระประวัติของคุณหญิงจันคุณหญิงมุก วีรสตรีของภูเก็ตและของไทยให้ถูกต้องตามความเป็นจริงในประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการเพื่อเป็นการเคารพและให้เกียรติวีรสตรีทั้งสองท่านซึ่งวีรกรรมของท่านเป็นที่นับถือของคนไทยทุกคน ขอให้พี่น้องชาวจังหวัดภูเก็ตช่วยกันปกป้องวีรสตรีของเรา อย่าดูดายปล่อยให้คนบางกลุ่มมาบิดเบือนประวัติส่วนตัวของวีรสตรีทั้งสอง
เพิ่มเติม 16/5/2560
บางท่านแย้งว่าในสมัยคุณหญิงจัน มุสลิมอาจไม่เคร่งศาสนามากนัก การกราบกัปตันไลท์ หรือการกระทำที่ศาสนาห้ามอาจเป็นเรื่องปกติ
ดังนั้นคุณหญิงจันอาจเป็นมุสลิมก็ได้
แต่หลักฐานจากเอกสารโบราณบันทึกโดยกัปตันฮามิลตัน ชาวอังกฤษ
ที่สำรวจบริเวณเกาะภูเก็ตและฝั่งตะวันตกของไทย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1700 -1719
(เอกสารเผยแพร่โดย วิทยาลัยบูรพคดีศึกษาและการศึกษาแอฟริกา(SOAS) มหาวิทยาลัยลอนดอน)
พิสูจน์ว่า คุณปู่ บิดา มารดาของคุณหญิงจัน เป็นคนจีน ลูกๆและหลานๆของคุณหญิงจันเป็นไทยเชื้อจีน
ดังนั้น คุณหญิงจันต้องเป็นคนไทยเชื้อจีน ไม่ใช่มุสลิม
โปรดติดตามภาคสมบูรณ์ในกระทู้นี้ครับ
https://ppantip.com/topic/36429120
เพิ่มเติม 18/5/2560
ข้อพิสูจน์ว่า หลักหินม๊ะเซี๊ยะเป็นหลักหลุมศพที่เกิดขึ้นหลังสงครามเมืองถลางครั้งที่ 2(ปี 2352)
ในจว.ภูเก็ตมีการนำเสนอเชิงประวัติศาสตร์ว่า หลักหินหลุมศพที่อยู่ในบริเวณใกล้บ้านเก่าของคุณหญิงจันอาจเป็นหลักหลุมศพของ ม๊ะเซี๊ยะ มารดาของคุณหญิงจัน
คุณหญิงจันถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1792 (2335) อายุ 62 ปี (เชิงอรรถ 2 จากกระทู้
https://ppantip.com/topic/36429120) หม้าเสีย มารดาของคุณหญิงจัน ควรจะถึงแก่กรรมก่อนปี 2335 หรือก่อนสงครามถลางครั้งที่ 1 ในสงครามพม่าตีถลางครั้งที่2 ปี 2352 พม่าตั้งค่าย 25 ค่ายสู้รบตั้งแต่เดือน 11 ถึงเดือนยี่ใช้เวลา 4 เดือนเศษถลางจึงแตก พม่าได้รวบรวมทรัพย์สมบัติกวาดต้อนคนและเผาเมืองจนเรียบ พม่าขุด,ค้น,ทั้งบ้านเรือน,วัดและหลุมฝังศพเพื่อหาสมบัติและขนสมบัติเอาไปเมืองพม่าจนหมด และการขุดสุสานหาสมบัติโดยคนพื้นเมืองเมื่อพม่ากลับไปแล้ว
เมืองถลางทั้งเมืองรวมบ้านเก่าของคุณหญิงจันก็ถูกเผาเรียบ หลักฐานเกี่ยวกับคุณหญิงจันต้องไปเอาที่อังกฤษซึ่งเอาไปเก็บที่มหาวิทยาลัยลอนดอน หรือ Adelaide,Australia และจากบันทึกการให้ปากคำของลูกหลานคุณย่าจันที่รอดชีวิตจากสงครามปี 2352 (พงศาวดารเมืองถลาง) หลุมฝังศพของบรรพบุรุษคุณย่าจันย่ามุกและของคนจีน ฝรั่ง อิสลาม ในภูเก็ตยุคก่อนปี 2352 ไม่มีเหลือมาถึงปัจจุบันแม้แต่หลุมเดียว แต่เรื่องประหลาดคือหลักหินม๊ะเซี๊ยะซึ่งอยู่ใกล้กันยังอยู่ดีสภาพปกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าหลุมม๊ะเซี๊ยะเก่าจริงตั้งแต่ก่อนสงครามถลางครั้งที่ 1 เมื่อเกิดสงครามเมืองถลางครั้งที่ 2 พม่าและนักล่าสมบัติต้องขุดทำลายหลุมศพม๊ะเซี๊ยะเพื่อหาสมบัติแน่นอน เช่นเดียวกับเหตุการณ์เสียกรุง 2310 อยุธยาอายุ 400 ปีเป็นเมืองใหญ่ของโลกสมัยนั้นมีคนจีน แขก ฝรั่ง(ที่ฝังแบบคริสต์หรือขงจื้อหรืออิสลาม)เข้ามาตั้งชุมชน หลุมศพที่ฝังที่อยุธยาต้องเกินหมื่นหลุม แต่เวลาขุดค้นทางโบราณคดีบนแผ่นดินอยุธยากลับไม่ค่อยเจอหลุมศพ เพราะทหารพม่าและนักล่าสมบัติขุดทำลายหลุมฝังศพเพื่อหาสมบัติจนหมด
ดังนั้น หลักหินม๊ะเซี๊ยะต้องเกิดขึ้นหลังสงครามเมืองถลางครั้งที่ 2 (2352) จึงรอดพ้นจากการขุดหลุมศพเพื่อหาสมบัติของทหารพม่า หรือ หลุมศพเกิดสมัยรัชกาลที่3 หลายสิบปีหลังสงครามถลางครั้งที่ 2 เมื่อคนกลับมาถลางอีกครั้ง
สรุป ข้อสันนิษฐานเรื่อง"หลักหินหม่าเสี้ยอาจเป็นหลุมฝังศพมารดาของคุณหญิงจัน" และ ข้อสันนิษฐานเรื่อง"คุณย่าจันเป็นมุสลิม"เป็นเรื่องไม่จริงทั้งสองเรื่อง
ท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร วีรสตรีแห่งเมืองถลางเป็นไทยพุทธ ไม่ใช่มุสลิม
อนุญาติให้เอาไปใช้เป็นหลักฐานทางวิชาการได้ครับ อนุญาติให้แชร์นะครับ
(แก้ไขเมื่อ 24/7/2559 เวลา 16.50 น)
ท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร วีรสตรีแห่งเมืองถลางเป็นไทยพุทธ ไม่ใช่มุสลิม
เรียนแอดมินเวปพันทิพ เพื่อความเป็นธรรมต่อวีรสตรีของไทยทั้งสองท่าน กรุณาให้กระทู้นี้ ลงในห้องศาสนาอิสลาม เพื่อเสนอความเห็นคัดค้านกระทู้ http://ppantip.com/topic/33977387 เมื่อ 28 กรกฎาคม 2558 ที่อ้างว่าคุณหญิงจันและคุณหญิงมุกเป็นมุสลิมในห้องศาสนาอิสลาม โดยมีการลงบทความกล่าวอ้างดังกล่าวในหนังสือวารสารของศาสนาอิสลามและเวปไซค์ของศาสนาอิสลามด้วย
วันจันทร์ เดือน 4 ขึ้น 14 ค่ำ ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 13 มีนาคม 2328 หรือ 231 ปีที่แล้วเป็นวันที่คุณหญิงจันและคุณหญิงมุก วีรสตรีแห่งเมืองถลางทั้งสองท่านรบชนะทัพพม่าที่ยกมาตีเมืองถลาง หรือ วันถลางชนะศึก วันนี้ในปี 2559 ถือเป็นวันมงคลที่นำเสนอหลักฐานสำคัญของประวัติศาสตร์เมืองถลางคือจดหมายส่วนตัวของคุณหญิงจันเขียนถึงพระยาราชกปิตัน(ในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี) หรือกัปตันฟรานซิส ไลท์เจ้าเมืองปีนังในสมัยนั้น ความในจดหมายยืนยันว่าคุณหญิงทั้งสองเป็นไทยพุทธ ไม่ใช่มุสลิม
บทนำ
หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทรที่หลงเหลือในปัจจุบันซึ่งนักประวัติศาสตร์ยอมรับว่าถูกต้องที่สุดคือจดหมายการติดต่อระหว่างขุนนางชาวเมืองถลางและกัปตันฟรานซิส ไลท์ หรือ พระยาราชกปิตัน เจ้าเมืองปีนัง ที่เขียนขึ้นระหว่าง ปี 2319 ถึง 2335 สำหรับคุณหญิงจัน วีรสตรีเมืองถลางได้เขียนจดหมายส่วนตัวถึงกัปตันไลท์(เท่าที่พบ) ระหว่างปี 2328 ถึง 2330 จำนวน 4 ฉบับ จดหมายทั้งหมดเก็บรักษาอยู่ที่เมืองปีนัง ต่อมารัฐบาลอังกฤษนำจดหมายทั้งหมดไปเก็บรักษาที่มหาวิทยาลัยลอนดอน คุณอ้วน สุระกุล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นคนแรกที่นำสำเนาจดหมาย 6 ฉบับมาเผยแพร่ในปี 2505 เป็นการจุดประกายให้มีการค้นคว้าและค้นพบจดหมายทั้งหมด 48 ฉบับในเวลาต่อมา
สาระในจดหมายส่วนตัวของคุณหญิงจันทั้ง 4 ฉบับบอกถึงศาสนาของคุณหญิงจันโดยเขียนอยู่ในเรื่องธรรมดาพื้นๆทั่วไปจนคนทั่วไปดูแทบไม่ออก ยกเว้นผู้ที่มีความรู้ด้านศาสนาอิสลามจะดูออกทันทีว่าคุณหญิงจันไม่ใช่มุสลิม
สำหรับบทความในเวปต่างๆซึ่งพยายามโมเมว่าคุณหญิงจันและคุณหญิงมุกเป็นมุสลิม โดยอ้างพงศาวดาร ตำนานต่างๆ โดยเฉพาะการอ้างว่านักวิชาการจากมาเลเซียได้นำหลักฐานเป็นภาษาอังกฤษและมลายูมามอบให้ ฯลฯ เป็นข้ออ้างที่ทึกทักเอาเชื่อถือไม่ได้ เป็นที่น่าสังเกตว่าบทความเหล่านี้ไม่เคยกล่าวถึงจดหมายส่วนตัวของคุณหญิงจันและจดหมายเหตุเมืองถลางที่เป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์ของเมืองถลางแม้แต่น้อย
หมายเหตุ สำเนาของจดหมายเมืองถลางทั้งหมด 48 ฉบับ และคำถอดความได้มีการจัดพิมพ์โดยมูลนิธิท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร หนังสือชื่อ จดหมายเหตุเมืองถลาง โดย คุณประสิทธิ ชิณการณ์ ปราชญ์แห่งเมืองภูเก็ตเป็นผู้เรียบเรียงสำเนาจดหมายทั้งหมดในหนังสือจดหมายเหตุเมืองถลางจะเรียงโดยใช้คำว่า ศวภ หรือ ศูนย์วัฒนธรรมภูเก็ตนำหน้า ตามด้วยลำดับจดหมาย ผู้สนใจสามารถหาซื้อหนังสือเล่มนี้ได้ ราคาเพียง 120 บาท
บทวิเคราะห์
จดหมายส่วนตัวของคุณหญิงจันถึงกัปตันไลท์ เขียนถึงเหตุการณ์ทั่วๆไปในสมัยนั้นเช่น การศึกสงครามพม่า การแลกเปลี่ยนของสำคัญเช่นดีบุกกับอาวุธปืน สั่งซื้อของบรรณาการสำหรับถวายสมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ ซื้อผ้า ข้าว ฝิ่น น้ำหอม รวมถึงบอกเล่าปัญหาสารทุกข์สุกดิบ ฐานะ ชีวิตความเป็นอยู่ ความเจ็บไข้ และ การปฏิบัติตามประเพณีของคนไทยพุทธทั่วไป
การปฏิบัติตามประเพณีของคนไทยพุทธทั่วไปเหล่านี้บอกชัดเจนว่าคุณหญิงจันไม่ใช่มุสลิม แต่ผู้ที่เข้ามาศึกษาจดหมายเหตุเมืองถลางส่วนใหญ่มองจุดบ่งชี้เหล่านี้ไม่ออก เพราะไม่รู้ถึงกฏและข้อห้ามสำคัญของศาสนาอิสลาม เช่น เรื่องพื้นๆบางเรื่องถือเป็นเรื่องธรรมดาของไทยพุทธ แต่เรื่องเดียวกันนี้สำหรับมุสลิมถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เพราะเรื่องพื้นๆของไทยพุทธบางเรื่องมุสลิมห้ามกระทำเด็ดขาด
ประเพณีไทยที่พื้นๆธรรมดาที่สุดที่คุณหญิงจันกระทำ แต่เป็นเรื่องสำคัญที่บอกว่าคุณหญิงจันไม่ใช่มุสลิม แต่เป็นไทยพุทธ คือ
1 เหตุผลจากคติธรรมทางพุทธศาสนาในจดหมาย ซึ่งคุณหญิงจันอวยพรกัปตันไลท์ปรากฏอยู่ในจดหมายฉบับที่ ศวภ 31 หน้า 127
คุณประสิทธิ ชิณการณ์สรุปว่าการอวยพร 4 ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ เป็นคติทางพุทธศาสนา ดังนั้นคุณหญิงจันจึงเป็นไทยพุทธ ไม่ใช่มุสลิม
2 การปฏิบัติตามประเพณีไทยทั่วๆไปในจดหมายฉบับที่ ศภว 17 ศภว 26 และ ศภว 31 เช่น การกราบเท้า ขอพึ่งใบบุญ เอาบุญท่านปก ต่อ พระยาราชกปิตันซึ่งเป็นผู้ใหญ่ เป็นการเคารพผู้ใหญ่ของเจ้าของจดหมายหรือคุณหญิงจันในวิถีไทยพุทธ แต่ในวิถีอิสลามการกระทำดังกล่าว เช่นการกราบเท้าฯลฯ ถือเป็นการเคารพผู้อื่นเสมออัลลอฮฺ ถือว่าละเมิดข้อห้ามร้ายแรงที่สุดของอิสลาม ถ้าหากคุณหญิงจันเป็นมุสลิม ท่านต้องไม่กล้าละเมิดข้อห้ามร้ายแรงข้อนี้ เหตุผลข้อนี้พิสูจน์ว่าเจ้าของจดหมายหรือคุณหญิงจันต้องเป็นพุทธ ไม่ใช่มุสลิม
สำหรับจดหมายของคุณหญิงจัน ศภว 15 ไม่มีข้อเด่นเรื่องศาสนาแต่จะเขียนถึงสงครามพม่าที่ใกล้จะเกิดขึ้น
สำเนาจดหมายฉบับจริงจะลงในความเห็นถัดไป
ขออธิบายผู้อ่านที่ไม่ใช่มุสลิมถึงกฎของอิสลามที่กำหนดให้มุสลิมทุกคนต้องปฎิบัติ คือ
2.1 การปฏิบัติของมุสลิม(รุก่นอิสลาม)ในข้อแรกเป็นกฎสำคัญสูงสุดของอิสลามคือการปฎิญาณตนว่า“อัชฮะดุ อัลลา อิลาฮะ อิลลัลลอฮ.” หมายถึงมุสลิมจะเคารพอัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น มุสลิมจะไม่เคารพกราบไหว้(สูยุด)หรือขอพร(ดุอา)พึ่งพาพระเจ้าอื่นใดหรือสิ่งอื่นใด ห้ามมุสลิมกราบวัตถุหรือบุคคลใดๆ แม้แต่พ่อแม่ของตัวเอง เพราะการกราบหรือการเคารพนั้นจะถูกสงวนไว้เฉพาะอัลลอฮฺเท่านั้น
2.2 ชิริก(การตั้งภาคีเทียบเท่ากับอัลลอฮฺ)คือ มุสลิมห้ามเคารพหรือห้ามปฏิบัติต่อสิ่งอื่นๆเท่าเทียมกับอัลลอฮฺ การทำชิริกเป็นเรื่องห้ามทำเด็ดขาดของมุสลิม การกราบพ่อแม่ การกราบและขอพึ่งใบบุญหรือพึ่งอำนาจอื่นใดที่ไม่ใช่อัลลอฮฺ การเขียนป้ายพระเจ้าช่วยคุณให้รอดฯลฯตามต้นไม้เสาไฟฟ้าถือเป็นชิริกทั้งสิ้น ถ้าคุณทำชิริก คุณจะเป็นมุชริก(ผู้ตั้งภาคีกับอัลลอฮฺ)เช่น การกราบไหว้พ่อแม่เป็นข้อห้ามหรือ ชิริก คนที่กราบพ่อแม่เรียกว่า มุชริก และสิ้นสภาพการเป็นมุสลิมทันทีหรือ มุรตั๊ด ถ้าตายไปขณะเป็นมุรตั๊ดจะตกนรกตลอดกาล
เรื่องการห้ามกราบหรือห้ามเคารพต่อบุคคลอื่นเสมออัลลอฮฺ(ชิริก)สำหรับมุสลิมไม่มีการยกเว้นหรือผ่อนผันไม่ว่ากรณีใดๆ ไม่สามารถอ้างว่าจำเป็นต้องทำชิริกเพราะการเมืองบังคับหรือเหตุผลอื่นใด เพราะนี่คือกฎสำคัญสูงสุดของอิสลามที่มุสลิมทุกคนต้องยึดถือ ผมท้าให้ถามมุสลิมในห้องศาสนาอิสลามหรือทั่วโลกได้ทุกคน ว่ากฎข้อนี้จริงไหม
บทสรุป
บทวิเคราะห์ทั้งสองข้อจากจดหมายส่วนตัวของคุณหญิงจันทั้ง 4 ฉบับแสดงว่าคุณหญิงจันไม่ใช่อิสลามแน่นอน เพราะคุณหญิงจันเคารพผู้ใหญ่โดยการกราบเท้าหรือขอพึ่งใบบุญพระยาราชกปิตัน เป็นเรื่องปกติในชีวิตของคนไทยพุทธ แต่สำหรับมุสลิมถือว่าเรื่องกราบเท้าฯลฯ เป็นการเคารพบุคคลอื่นเสมออัลลอฮฺ หรือกระทำชิริกใหญ่ เป็นเรื่องต้องห้ามร้ายแรงที่สุดของอิสลามที่มุสลิมจะไม่กระทำ
ความเฉพาะเจาะจงของศาสนาอิสามเรื่องการทำชิริกใหญ่สามารถหักล้างข้ออ้างที่ทึกทักให้คุณหญิงจันคุณหญิงมุกเป็นมุสลิมลงได้อย่างสิ้นเชิง เพราะมุสลิมทุกคนจะไม่กล้าทำชิริกใหญ่เด็ดขาด ท่านสามารถทดสอบโดยถามมุสลิมทุกคนได้
ในทางกลับกันการเคารพผู้ใหญ่ด้วยการกราบเท้าเป็นประเพณีไทยพุทธทั่วๆไป ยืนยันว่า คุณหญิงจันเป็นไทยพุทธแน่นอน โดยเฉพาะการอวยพร 4 ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ เป็นการอวยพรที่เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของศาสนาพุทธ แสดงว่าคุณหญิงจันเป็นไทยพุทธ ตามคติทางศาสนาพุทธ เมื่อคุณหญิงจันเป็นไทยพุทธ คุณหญิงมุกและพี่น้องก็เป็นพุทธด้วย
ผมอยากฝากบทวิเคราะห์บทนี้สำหรับพี่น้องชาวภูเก็ต หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่น้องชาวภูเก็ตควรรวมตัวกันเรียกร้องและกดดันให้จังหวัดภูเก็ตทำการชำระประวัติของคุณหญิงจันคุณหญิงมุก วีรสตรีของภูเก็ตและของไทยให้ถูกต้องตามความเป็นจริงในประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการเพื่อเป็นการเคารพและให้เกียรติวีรสตรีทั้งสองท่านซึ่งวีรกรรมของท่านเป็นที่นับถือของคนไทยทุกคน ขอให้พี่น้องชาวจังหวัดภูเก็ตช่วยกันปกป้องวีรสตรีของเรา อย่าดูดายปล่อยให้คนบางกลุ่มมาบิดเบือนประวัติส่วนตัวของวีรสตรีทั้งสอง
เพิ่มเติม 16/5/2560
บางท่านแย้งว่าในสมัยคุณหญิงจัน มุสลิมอาจไม่เคร่งศาสนามากนัก การกราบกัปตันไลท์ หรือการกระทำที่ศาสนาห้ามอาจเป็นเรื่องปกติ
ดังนั้นคุณหญิงจันอาจเป็นมุสลิมก็ได้
แต่หลักฐานจากเอกสารโบราณบันทึกโดยกัปตันฮามิลตัน ชาวอังกฤษ
ที่สำรวจบริเวณเกาะภูเก็ตและฝั่งตะวันตกของไทย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1700 -1719
(เอกสารเผยแพร่โดย วิทยาลัยบูรพคดีศึกษาและการศึกษาแอฟริกา(SOAS) มหาวิทยาลัยลอนดอน)
พิสูจน์ว่า คุณปู่ บิดา มารดาของคุณหญิงจัน เป็นคนจีน ลูกๆและหลานๆของคุณหญิงจันเป็นไทยเชื้อจีน
ดังนั้น คุณหญิงจันต้องเป็นคนไทยเชื้อจีน ไม่ใช่มุสลิม
โปรดติดตามภาคสมบูรณ์ในกระทู้นี้ครับ https://ppantip.com/topic/36429120
เพิ่มเติม 18/5/2560
ข้อพิสูจน์ว่า หลักหินม๊ะเซี๊ยะเป็นหลักหลุมศพที่เกิดขึ้นหลังสงครามเมืองถลางครั้งที่ 2(ปี 2352)
ในจว.ภูเก็ตมีการนำเสนอเชิงประวัติศาสตร์ว่า หลักหินหลุมศพที่อยู่ในบริเวณใกล้บ้านเก่าของคุณหญิงจันอาจเป็นหลักหลุมศพของ ม๊ะเซี๊ยะ มารดาของคุณหญิงจัน
คุณหญิงจันถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1792 (2335) อายุ 62 ปี (เชิงอรรถ 2 จากกระทู้ https://ppantip.com/topic/36429120) หม้าเสีย มารดาของคุณหญิงจัน ควรจะถึงแก่กรรมก่อนปี 2335 หรือก่อนสงครามถลางครั้งที่ 1 ในสงครามพม่าตีถลางครั้งที่2 ปี 2352 พม่าตั้งค่าย 25 ค่ายสู้รบตั้งแต่เดือน 11 ถึงเดือนยี่ใช้เวลา 4 เดือนเศษถลางจึงแตก พม่าได้รวบรวมทรัพย์สมบัติกวาดต้อนคนและเผาเมืองจนเรียบ พม่าขุด,ค้น,ทั้งบ้านเรือน,วัดและหลุมฝังศพเพื่อหาสมบัติและขนสมบัติเอาไปเมืองพม่าจนหมด และการขุดสุสานหาสมบัติโดยคนพื้นเมืองเมื่อพม่ากลับไปแล้ว
เมืองถลางทั้งเมืองรวมบ้านเก่าของคุณหญิงจันก็ถูกเผาเรียบ หลักฐานเกี่ยวกับคุณหญิงจันต้องไปเอาที่อังกฤษซึ่งเอาไปเก็บที่มหาวิทยาลัยลอนดอน หรือ Adelaide,Australia และจากบันทึกการให้ปากคำของลูกหลานคุณย่าจันที่รอดชีวิตจากสงครามปี 2352 (พงศาวดารเมืองถลาง) หลุมฝังศพของบรรพบุรุษคุณย่าจันย่ามุกและของคนจีน ฝรั่ง อิสลาม ในภูเก็ตยุคก่อนปี 2352 ไม่มีเหลือมาถึงปัจจุบันแม้แต่หลุมเดียว แต่เรื่องประหลาดคือหลักหินม๊ะเซี๊ยะซึ่งอยู่ใกล้กันยังอยู่ดีสภาพปกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าหลุมม๊ะเซี๊ยะเก่าจริงตั้งแต่ก่อนสงครามถลางครั้งที่ 1 เมื่อเกิดสงครามเมืองถลางครั้งที่ 2 พม่าและนักล่าสมบัติต้องขุดทำลายหลุมศพม๊ะเซี๊ยะเพื่อหาสมบัติแน่นอน เช่นเดียวกับเหตุการณ์เสียกรุง 2310 อยุธยาอายุ 400 ปีเป็นเมืองใหญ่ของโลกสมัยนั้นมีคนจีน แขก ฝรั่ง(ที่ฝังแบบคริสต์หรือขงจื้อหรืออิสลาม)เข้ามาตั้งชุมชน หลุมศพที่ฝังที่อยุธยาต้องเกินหมื่นหลุม แต่เวลาขุดค้นทางโบราณคดีบนแผ่นดินอยุธยากลับไม่ค่อยเจอหลุมศพ เพราะทหารพม่าและนักล่าสมบัติขุดทำลายหลุมฝังศพเพื่อหาสมบัติจนหมด
ดังนั้น หลักหินม๊ะเซี๊ยะต้องเกิดขึ้นหลังสงครามเมืองถลางครั้งที่ 2 (2352) จึงรอดพ้นจากการขุดหลุมศพเพื่อหาสมบัติของทหารพม่า หรือ หลุมศพเกิดสมัยรัชกาลที่3 หลายสิบปีหลังสงครามถลางครั้งที่ 2 เมื่อคนกลับมาถลางอีกครั้ง
สรุป ข้อสันนิษฐานเรื่อง"หลักหินหม่าเสี้ยอาจเป็นหลุมฝังศพมารดาของคุณหญิงจัน" และ ข้อสันนิษฐานเรื่อง"คุณย่าจันเป็นมุสลิม"เป็นเรื่องไม่จริงทั้งสองเรื่อง