สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 32
ถ้าผมมีลูกสาวผมก็จะไม่เรียกสินสอด แต่จะดูว่าผู้ชายเอาการเอางาน ขยันทำมาหากินเปล่า พวกนี้มันสามารถพิสูจน์ได้จากตำแหน่งหน้าที่การงาน สเตนเมนต์ แนวคิดเรื่องการวางแผนอนาคต และผลงานปัจจุบันว่าเป็นอย่างที่พูดจริงหรือพูดสร้างภาพ ซึ่งมันสำคัญกว่าเหตุผลที่อ้างแต่ว่าเพื่อพิสูจน์ซึ่งถ้าคิดลึกๆแล้ว มันไม่มีประสิทธิภาพอะไรเลยในการพิสูจน์ลูกเขย เพราะของพวกนี้มันยืมเอามาสร้างภาพกันได้ หรือแม้แต่หาเงินมาให้โดยผิดกฎหมายก็ทำได้
อยากให้เลิกค่านิยมแบบนี้เหมือนกันเพราะจากที่อ่านมาข้างบนแล้วจะเป็นเหตุผลแบบ "เชื่อไปเอง" ซะมากกว่า พิสูจน์ความพยายามบ้างล่ะ ทำให้สบายใจบ้างล่ะ ตอบแทนบุญคุณบ้างล่ะ ให้เป็นค่าน้ำนมบ้างล่ะ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเป็นเหตุผลที่อ่อนมากกับยุคสมัยปัจจุบันที่ต่างต้องช่วยกันทำมาหากิน และนิยมแยกออกไปเป็นครอบครัวเดี่ยวมากกว่าอยู่รวมกันแล้ว
ลองพิจารณาข้อดีข้อเสียดู คนขยันไม่จำเป็นต้องรวยเสมอไป และคนรวยไม่จำเป็นต้องเป็นคู่ชีวิตที่ดี คือจะรวยจะจนก็ไม่การันตีว่าจะเป็นคู่ชีวิตที่ดีได้ หรือมีเงินก็ไม่การันตีว่าจะมีเงินตลอดไปไม่มีวันจน
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนตั้งอยู่บนความไม่แน่นอนเปลี่ยนได้เสมอ
แต่สิ่งที่ดูเปลี่ยนยากสุดคือสันดานของคนครับ หากคนไหนรวยแต่สันดานแย่ มันน่าเชื่อกว่าว่าโอกาสจนเขามีสูงกว่าที่สันดานจะเปลี่ยนเป็นดี ในขณะที่คนนิสัยดีรักครอบครัวขยันทำมาหากิน โอกาสที่คนนี้จะรวยมันมีสูงกว่าที่จะเปลี่ยนจากนิสัยดีเป็นสันดานเลว
ทำไม่เราไม่โฟกัสตรงจุดนี้ แต่ไปโฟกัสที่จุดที่ว่าต้องหาเงินทองมาประเคนให้ได้ เป็นเหตผลที่เบาบางไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอเลย เหมือนจะทำตามๆกันมาแบบหลับหูหลับตามากกว่าด้วยซ็ำ
ผมมองว่าการกำหนดว่าต้องหาเงินมาเป็นสินสอดมีแต่ผลเลวร้ายกว่าด้วยซ้ำ พวกคุณลองคิดดู
ถ้าเราอยากได้ลุกสาวเขา แต่พ่อตาเรียกสินสอดแพง แต่เมื่อคนมันรักไปแล้วย่อมต้องหาทางทุกทางที่จะเอาเงินมาวางให้พ่อตาเชื่อ แม้วาจะต้องหลอกลวงก็ตาม หรือต่อให้เขาหามาได้จริง แต่นั้นมันคือเงินน้ำพักน้ำแรงที่เขาสามารถนำไปต่อยอดให้อนาคตรุ่งเรืองได้ ซึ่งก็แปลว่าหากเงินก้อนนี้ยังอยู่ลูกสาวของพ่อตาก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่หากความจริงปรากฎวาดันโดนเอาเงินนั้นไปแล้ว หรือเป็นเงินที่ต้องกู้ต้องยืมมา แล้วอนาคตของลูกสาวล่ะครับ ต้องไปช่วยกันใช้หนี้กับสามีเหรอ? เพื่อให้พ่อตาได้สนองความเชื่อล้าสมัยแบบนี้ มีแต่จะทำให้ลูกสาวตัวเองอยู่ด้วยความลำบากซะด้วยซ้ำ
หรือถ้าจะบอกว่าก็จะคืนให้ที่หลัง แล้วมันตอบโจทย์ตรงไหนว่าผู้ชายสามารถเลี้ยงได้ ในเมื่อเงินสินสอดนั้นสามารถใช้วิธีหยิบยืมมาวางไว้ได้ แต่ไม่ได้พิสูจน์ตัวตนผู้ชายเลยว่าเขามีอนาคตที่ดีจริงๆ หรือยังไงก็จะคืนให้แล้วจะเอาไปทำไมเมื่อจะต้องคืนตอนท้าย ถ้าแบบนี้ก็เปล่าประโยชน์ เจ้าบ่าวถ้ารู้ว่าพ่อตาแม่ยายต้องคืนให้ก็ไปทำเรื่องหยิบยืมเสียดอกเบี้ยแค่เดือนเดียว ก็ได้ลูกสาวเขามาครองแล้ว แล้วจะมีไปเพื่อ?
อย่าหลอกตัวเองเลยครับ เชื่อเถอะว่าค่านิยมแบบนี้มันมีแต่จะทำร้ายคู่ชีวิตทำร้ายลูกของเรา
ค่านิยมแบบนี้รีบๆหมดไปเถอะครับ แล้วมาเร่งปลูกฝังค่านิยมว่าให้ดูว่าตัวผู้ชายมีความขยัน มีแนวคิดก้าวหน้า มีความมุ่งมั่นจะสร้างครอบครัวน่าจะดีซะกว่ามาดูกะอีแค่เงินสินสอดที่เราไม่สามารถรุ้ได้เลยว่าที่มาของเงินก้อนนี้มันมาจากไหน
เว้นแต่ใครที่คิดจะขายลูกกิน ก็ออกมายอมรับตรงๆไม่ต้องอ้างนั้นอ้างนี่ครับ แบบนี้น่าจะดีกับลูกเขยกว่าว่าอยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลนี้หรือไม่
อยากให้เลิกค่านิยมแบบนี้เหมือนกันเพราะจากที่อ่านมาข้างบนแล้วจะเป็นเหตุผลแบบ "เชื่อไปเอง" ซะมากกว่า พิสูจน์ความพยายามบ้างล่ะ ทำให้สบายใจบ้างล่ะ ตอบแทนบุญคุณบ้างล่ะ ให้เป็นค่าน้ำนมบ้างล่ะ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเป็นเหตุผลที่อ่อนมากกับยุคสมัยปัจจุบันที่ต่างต้องช่วยกันทำมาหากิน และนิยมแยกออกไปเป็นครอบครัวเดี่ยวมากกว่าอยู่รวมกันแล้ว
ลองพิจารณาข้อดีข้อเสียดู คนขยันไม่จำเป็นต้องรวยเสมอไป และคนรวยไม่จำเป็นต้องเป็นคู่ชีวิตที่ดี คือจะรวยจะจนก็ไม่การันตีว่าจะเป็นคู่ชีวิตที่ดีได้ หรือมีเงินก็ไม่การันตีว่าจะมีเงินตลอดไปไม่มีวันจน
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนตั้งอยู่บนความไม่แน่นอนเปลี่ยนได้เสมอ
แต่สิ่งที่ดูเปลี่ยนยากสุดคือสันดานของคนครับ หากคนไหนรวยแต่สันดานแย่ มันน่าเชื่อกว่าว่าโอกาสจนเขามีสูงกว่าที่สันดานจะเปลี่ยนเป็นดี ในขณะที่คนนิสัยดีรักครอบครัวขยันทำมาหากิน โอกาสที่คนนี้จะรวยมันมีสูงกว่าที่จะเปลี่ยนจากนิสัยดีเป็นสันดานเลว
ทำไม่เราไม่โฟกัสตรงจุดนี้ แต่ไปโฟกัสที่จุดที่ว่าต้องหาเงินทองมาประเคนให้ได้ เป็นเหตผลที่เบาบางไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอเลย เหมือนจะทำตามๆกันมาแบบหลับหูหลับตามากกว่าด้วยซ็ำ
ผมมองว่าการกำหนดว่าต้องหาเงินมาเป็นสินสอดมีแต่ผลเลวร้ายกว่าด้วยซ้ำ พวกคุณลองคิดดู
ถ้าเราอยากได้ลุกสาวเขา แต่พ่อตาเรียกสินสอดแพง แต่เมื่อคนมันรักไปแล้วย่อมต้องหาทางทุกทางที่จะเอาเงินมาวางให้พ่อตาเชื่อ แม้วาจะต้องหลอกลวงก็ตาม หรือต่อให้เขาหามาได้จริง แต่นั้นมันคือเงินน้ำพักน้ำแรงที่เขาสามารถนำไปต่อยอดให้อนาคตรุ่งเรืองได้ ซึ่งก็แปลว่าหากเงินก้อนนี้ยังอยู่ลูกสาวของพ่อตาก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่หากความจริงปรากฎวาดันโดนเอาเงินนั้นไปแล้ว หรือเป็นเงินที่ต้องกู้ต้องยืมมา แล้วอนาคตของลูกสาวล่ะครับ ต้องไปช่วยกันใช้หนี้กับสามีเหรอ? เพื่อให้พ่อตาได้สนองความเชื่อล้าสมัยแบบนี้ มีแต่จะทำให้ลูกสาวตัวเองอยู่ด้วยความลำบากซะด้วยซ้ำ
หรือถ้าจะบอกว่าก็จะคืนให้ที่หลัง แล้วมันตอบโจทย์ตรงไหนว่าผู้ชายสามารถเลี้ยงได้ ในเมื่อเงินสินสอดนั้นสามารถใช้วิธีหยิบยืมมาวางไว้ได้ แต่ไม่ได้พิสูจน์ตัวตนผู้ชายเลยว่าเขามีอนาคตที่ดีจริงๆ หรือยังไงก็จะคืนให้แล้วจะเอาไปทำไมเมื่อจะต้องคืนตอนท้าย ถ้าแบบนี้ก็เปล่าประโยชน์ เจ้าบ่าวถ้ารู้ว่าพ่อตาแม่ยายต้องคืนให้ก็ไปทำเรื่องหยิบยืมเสียดอกเบี้ยแค่เดือนเดียว ก็ได้ลูกสาวเขามาครองแล้ว แล้วจะมีไปเพื่อ?
อย่าหลอกตัวเองเลยครับ เชื่อเถอะว่าค่านิยมแบบนี้มันมีแต่จะทำร้ายคู่ชีวิตทำร้ายลูกของเรา
ค่านิยมแบบนี้รีบๆหมดไปเถอะครับ แล้วมาเร่งปลูกฝังค่านิยมว่าให้ดูว่าตัวผู้ชายมีความขยัน มีแนวคิดก้าวหน้า มีความมุ่งมั่นจะสร้างครอบครัวน่าจะดีซะกว่ามาดูกะอีแค่เงินสินสอดที่เราไม่สามารถรุ้ได้เลยว่าที่มาของเงินก้อนนี้มันมาจากไหน
เว้นแต่ใครที่คิดจะขายลูกกิน ก็ออกมายอมรับตรงๆไม่ต้องอ้างนั้นอ้างนี่ครับ แบบนี้น่าจะดีกับลูกเขยกว่าว่าอยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลนี้หรือไม่
ความคิดเห็นที่ 2
เป็นธรรมเนียมตั้งแต่โบราณ
คือ ผู้หญิงแต่งเข้าบ้านฝ่ายชายและดูแลพ่อแม่ฝ่ายชาย
ฝ่ายชายเลยให้สินสอดแก่พ่อแม่ฝ่ายหญิง เพื่อใช้ดูแลตัวเอง
แต่สมัยนี้ ถ้าแต่งงานแล้วแยกไปอยู่กันเอง และผู้หญิงก็ไม่ได้ไปคอยดูแลพ่อแม่ฝ่ายชาย ก็ไม่จำเป็นต้องมี
เพราะเหมือนขายลูกกิน
พ่อแม่ฝ่ายหญิงมักอ้างค่าน้ำนม ทั้งที่ๆฝ่ายชายก็มี มันเป็นแค่ข้ออ้างของพวกขายลูกกิน
สรุปคือ ถ้าตกลงว่าไม่ทำตามธรรมเนียมโบราณ ไม่แต่งเข้าบ้านฝ่ายชาย ไม่ไปคอยดูแลพ่อแม่ฝ่ายชาย ก็ไม่ต้องมีสินสอด นอกจากจะอยากขายลูกกิน
คือ ผู้หญิงแต่งเข้าบ้านฝ่ายชายและดูแลพ่อแม่ฝ่ายชาย
ฝ่ายชายเลยให้สินสอดแก่พ่อแม่ฝ่ายหญิง เพื่อใช้ดูแลตัวเอง
แต่สมัยนี้ ถ้าแต่งงานแล้วแยกไปอยู่กันเอง และผู้หญิงก็ไม่ได้ไปคอยดูแลพ่อแม่ฝ่ายชาย ก็ไม่จำเป็นต้องมี
เพราะเหมือนขายลูกกิน
พ่อแม่ฝ่ายหญิงมักอ้างค่าน้ำนม ทั้งที่ๆฝ่ายชายก็มี มันเป็นแค่ข้ออ้างของพวกขายลูกกิน
สรุปคือ ถ้าตกลงว่าไม่ทำตามธรรมเนียมโบราณ ไม่แต่งเข้าบ้านฝ่ายชาย ไม่ไปคอยดูแลพ่อแม่ฝ่ายชาย ก็ไม่ต้องมีสินสอด นอกจากจะอยากขายลูกกิน
ความคิดเห็นที่ 41
ประเพณีไทยแท้ๆคือ แต่งงานกันแล้วฝ่ายชายจะต้องเข้าไปอยู่ในบ้านฝ่ายหญิง
แน่นอนว่าฝ่ายชายจะต้องเข้าไปเป็นคนของฝ่ายหญิงทำงานให้ฝ่ายหญิง
แต่สิ่งที่ฝ่ายชายจะได้จากฝ่ายหญิงคือมรดก(โดยเฉพาะที่ดินที่ทำกิน)
สิ่งที่แลกเปลี่ยนกันก็คือ ฝ่ายชายให้สินสอดฝ่ายหญิงแล้วจากนั้นฝ่ายชายจะได้เข้าร่วมครอบครองมรดกทั้งหมดของฝ่ายหญิง
ประเพณีไทยและประเพณีตะวันออกเฉียงใต้ จะสืบสายกันทางฝ่ายผู้หญิง
มรดกชิ้นใหญ่ที่สุด ชิ้นสำคัญที่สุดเช่น บ้านของพ่อแม่ ที่ดินผืนใหญ่ที่สุดจะถูกส่งต่อให้ลูกสาว หรือลูกสาวคนเล็ก
การให้สินสอดผู้หญิงนอกจากจะเป็นการแลกเปลี่ยนแล้วยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงอำนาจที่ผู้หญิงมี
วัฒนธรรมยุโรปโบราณก็มีสินสอด แต่เป็นฝ่ายหญิงมอบสินสอดให้ฝ่ายชาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายอยู่ในตระกูลสูงก็ยิ่งสินสอดแพง(แพงค่านามสกุล)แต่กรณียุโรป
ฝ่ายหญิงจะไม่ได้เป็นผู้ครองมรดกของฝ่ายชายแม้แต่ชิ้นเดียว คนที่จะได้คือลูกของฝ่ายหญิงที่เกิดกับฝ่ายชาย
...เรื่องสินสอดมีการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระเบียบแบบแผนอย่างกว้างขวาง คลิกหาในอินเตอร์เน็ตนิดเดียวขึ้นมาเป็นพรึ่ด
ถ้าเพื่อนเป็นฝรั่งที่ใช้ภาษาอังกฤษน่าจะบอกให้เค้าไปอ่านในงานวิจัยเอาเองเลยดีกว่า มีข้อมูลมากมายที่น่าเชื่อถือและเป็นระบบระเบียบ
แน่นอนว่าฝ่ายชายจะต้องเข้าไปเป็นคนของฝ่ายหญิงทำงานให้ฝ่ายหญิง
แต่สิ่งที่ฝ่ายชายจะได้จากฝ่ายหญิงคือมรดก(โดยเฉพาะที่ดินที่ทำกิน)
สิ่งที่แลกเปลี่ยนกันก็คือ ฝ่ายชายให้สินสอดฝ่ายหญิงแล้วจากนั้นฝ่ายชายจะได้เข้าร่วมครอบครองมรดกทั้งหมดของฝ่ายหญิง
ประเพณีไทยและประเพณีตะวันออกเฉียงใต้ จะสืบสายกันทางฝ่ายผู้หญิง
มรดกชิ้นใหญ่ที่สุด ชิ้นสำคัญที่สุดเช่น บ้านของพ่อแม่ ที่ดินผืนใหญ่ที่สุดจะถูกส่งต่อให้ลูกสาว หรือลูกสาวคนเล็ก
การให้สินสอดผู้หญิงนอกจากจะเป็นการแลกเปลี่ยนแล้วยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงอำนาจที่ผู้หญิงมี
วัฒนธรรมยุโรปโบราณก็มีสินสอด แต่เป็นฝ่ายหญิงมอบสินสอดให้ฝ่ายชาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายอยู่ในตระกูลสูงก็ยิ่งสินสอดแพง(แพงค่านามสกุล)แต่กรณียุโรป
ฝ่ายหญิงจะไม่ได้เป็นผู้ครองมรดกของฝ่ายชายแม้แต่ชิ้นเดียว คนที่จะได้คือลูกของฝ่ายหญิงที่เกิดกับฝ่ายชาย
...เรื่องสินสอดมีการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระเบียบแบบแผนอย่างกว้างขวาง คลิกหาในอินเตอร์เน็ตนิดเดียวขึ้นมาเป็นพรึ่ด
ถ้าเพื่อนเป็นฝรั่งที่ใช้ภาษาอังกฤษน่าจะบอกให้เค้าไปอ่านในงานวิจัยเอาเองเลยดีกว่า มีข้อมูลมากมายที่น่าเชื่อถือและเป็นระบบระเบียบ
ความคิดเห็นที่ 25
ต่างชาติที่ไม่มีประเพณีการจ่ายสินสอด ทำไมเขาดำรงชีวิตได้สบาย มีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ลำบากประเทศก็เจริญก้าวหน้า แสดงว่าการจ่ายเงินสินสอดให้ฝ่ายหญิงไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ครอบครัวมั่นคงแต่อย่างใด
อย่างในอินเดียที่ฝ่ายหญิงต้องจ่ายค่าสินสอดให้ผู้ชาย ผมก็ไม่เห็นด้วย
แต่ที่ประเพณีแบบนี้ยังอยู่ เพราะคนรับเงินรู้สึกว่าได้ประโยชน์จากอีกฝ่าย
อย่างในอินเดียที่ฝ่ายหญิงต้องจ่ายค่าสินสอดให้ผู้ชาย ผมก็ไม่เห็นด้วย
แต่ที่ประเพณีแบบนี้ยังอยู่ เพราะคนรับเงินรู้สึกว่าได้ประโยชน์จากอีกฝ่าย
แสดงความคิดเห็น
ฝรั่งไม่เข้าใจเรื่องค่าสินสอดของคนไทย ว่าทำไมต้องมี ควรอธิบายอย่างไรดี