ฤกษ์ งาม ยาม ดี วันนี้... กับการได้รีวิว "การเดินทางทัวร์บุญ...เขาคิชฌกูฏ"
ซึ่งเป็นการเดินทางครั้งแรก ของ จขกท. หลังจากได้ฟังเรื่องเล่าขานต่างๆ จากเพื่อนๆ หลายท่าน รวมทั้งกระทู้รีวิวมากมาย
ซึ่งบ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น รวมถึงความลำบากอย่างยิ่งในการเดินทางขึ้นเขา
ดังนั้นเมื่อโอกาสครั้งนี้มาถึง จขกท. จึงรีบตัดสินใจร่วมทริปทัวร์บุญกับพี่ๆ ร่วมก๊วนทันที
............
เขาคิชฌกูฏ หรือ ภาษาทางการเรียกว่า อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี
ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานฯ นี้ มีหลายแห่ง เช่น น้ำตกกระทิง น้ำตกคลองช้างเซ
และ ยอดเขาพระบาท โดยหลายท่านอาจเรียกว่า "รอยพระบาทเขาคิชฌกูฏ" หรือ "พระบาทพลวง"
++++++
ก่อนที่จะเริ่มเดินทางขึ้นนมัสการรอยพระบาทเขาคิชฌกูฏ จขกท. ได้ศึกษากำหนดการจัดงานประจำปี 2559
โดยทราบคร่าวๆ ว่าจะเปิดให้ประชาชนรวมถึงพุทธศาสนิกชนขึ้นสักการะได้ ตั้งแต่ กุมภาพันธ์ - เมษายน
โดยทางทีมทัวร์บุญของ จขกท. ได้กำหนดวันเดินทางเป็น วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม 2559
การเดินทางครั้งนี้พวกเรามีความพร้อม บางท่านมีอาการป่วยร่างกายไม่เอื้ออำนวยแต่ก็มีใจสู้
ซึ่งพวกเราได้นัดหมายรวมตัวกันเวลา 22.30 น. ณ สำนักงานสรรพากรเขตบางเขน โดยพี่ๆ จนท. สรรพากร
รวม จขกท. แล้ว นับได้ 7 ท่านพอดีไม่มีเกิน...
****************
พอได้เวลา 23.00 น. รถตู้ที่ได้เช่าเหมาไว้ก็ขยับเขยื่อนเคลื่อนล้อ เดินทางตามเส้นทางมอเตอร์เวย์สู่ถนนสายภาคตะวันออก
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงเศษก็มาถึงปั๊มน้ำมัน PTT เพื่อแวะให้พวกเราได้ทำธุระส่วนตัว
หลังจากนั้นก็ออกเดินทางต่ออีกประมาณ 18 km. ก็ถึงจุดหมายปลายทาง
"อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี"
เวลาประมาณ 02.30 น. รถตู้ก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งจอดหน้าร้านค้าจำหน่ายเครื่องสักการะต่างๆ
เช่น ดอกดาวเรือง เม็ดพลอย ธูป ทองคำเปลว เทียน ผ้าสามสี ฯลฯ
ซึ่งผู้ที่เดินทางมาถึงส่วนใหญ่ก็จะแวะเวียนหาซื้อเครื่องสักการะบริเวณนี้
เมื่อเดินทางถึงสถานที่ฯ ทางทีม จขกท. ได้แจ้งทางพี่คนขับรถตู้ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า
ให้ช่วยสั่งซื้อเครื่องสักการะไว้ให้พร้อมเลย จะได้รวบรัดเวลาได้อีก
... หลังจากเมื่อได้อุปกรณ์เครื่องสักการะต่างๆ มาครบ
พวกเราก็เดินไปท่ารถปิกอัพรับจ้างขึ้นเขา เพื่อต่อรถขึ้นเขาอีก 2 ต่อ
ตามราคาจะจำหน่ายตั๋วขึ้นเขา 1 ต่อ ในราคา 50 บาท/ท่าน (2 ต่อก็ ราคา 100/ท่าน)
ซึ่งเมื่อซื้อตั๋วเสร็จก็จะได้บัตรคิวไปรอขึ้นรถ
แต่การเดินทางครั้งนี้ ทางทีม จขกท. ไม่ต้องมาซื้อตั๋วรถดังกล่าว
เพราะทางร้านจำหน่ายเครื่องสักการะได้เสนอจำหน่ายตั๋วรถวีไอพี
ซึ่งทางทีม จขกท. ได้เลือกซื้อบัตรจากร้านค้า เป็นบัตรแบบ VIP เพื่อไม่ต้องมารอเข้าคิว
(เนื่องจากเมื่อหันไปดูคิวแล้ว พบว่ายาวและเยอะมากมีกว่าพันคิว
ดังนั้นจึงรีบตัดสินใจยอมบวกเงินนิดหน่อยเพื่อซื้อตั๋ว VIP จะดีกว่าและรวบรัดเวลาได้อีก)
ตั๋ว VIP จะได้เป็นตามรูปมุมบน (บัตรเขียว)
หลังจากได้ตั๋วแล้ว ได้เครื่องสักการะแล้ว ก็ไม่รีรอรีบกระโดดขึ้นรถ
ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นเขาในเวลา เกือบตี 3 ทันที
ระยะทางการขึ้นเขา ไม่สามารถคาดเดาได้เนื่องจากในเวลานั้นจิตใจจดจ่อ
อยู่กับความตื่นเต้นของความสูงชันของเขา ความลื่นของถนน
ความเสี่ยงต่อการสวนของรถปิกอัพรับจ้างที่ขึ้น-ลงรวดเร็วมาก
สักพักก็เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนรถ จุดที่ 2 เช่นเคย เราก็ใช้บัตร VIP ในการเดินขึ้นรถได้เลย
หลังจากนั้นเหตุการณ์ตื่นเต้นต่างๆ ต่อการเดินทางขึ้นเขาอีกลูก ก็เกิดขึ้นเหมือนรอบแรกไม่มีผิด
และแล้ว พวกเรา ทั้ง 7 ก็รอดปลอดภัย เดินทางมาถึงลานพระสีวลี
ซึ่งเป็นสถานที่ให้พวกเราได้กราบไหว้บูชา
ก่อนที่จะต้องเดินเท้าต่อขึ้นไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท
เมื่อแต่ละท่านได้กราบไหว้เสร็จเรียบร้อย ก็ไม่รีรอ รีบเดินขึ้นตามเส้นทางทันที
(อากาศสบาย ไม่ร้อน ไม่หนาว ถึงว่าทำไมคนส่วนใหญ่นิยมมาตอนกลางคืน)
การเดินทางขึ้นไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท ช่วงแรกไม่ลำบากมาก
ถนนทางเดินทำไว้อย่างดี เดินมาสักพักก็เจอป้ายโปสเตอร์ขนาดใหญ่
PR เกี่ยวกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ให้ประชาชนได้กราบสักการะระหว่างทางการเดินขึ้นไปรอยพระพุทธบาท
มีทั้ง ท้าวเวสสุวรรณ พระแม่ธรณี ฯลฯ
เดินๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็เดินๆๆๆๆๆๆๆๆ จะเริ่มเห็นผู้คนเพิ่มขึ้นตลอดเส้นทาง ไม่ใช่เพราะอภินิหาร
แต่เป็นเพราะพวกเขามีการหยุดพักระหว่างทางเป็นระยะๆ ...ยิ่งสูงยิ่งขึ้นลำบาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุหยุดยืนหอบเป็นจำนวนมาก
แต่กระนั้นพวกเราก็ยังคงเดินกันต่อๆ ตามป้าย.... เพื่ออยากให้ถึงจุดหมายเร็วที่สุด
ผ่านมากี่นาทีไม่รู้ แต่รู้สึกได้ว่าเมื่อยมาก เดินต่อไม่ไหวแล้ว ก็เลยหยุดพักริมทาง ระหว่างนั้นสามารถ
พบเห็นประชาชนหลายท่านพักผ่อนนอนหลับ เอาแรง!!!! จำนวนมาก
(แต่ยังไงก็ตามพวกเราสู้ไม่ถอย ล้มก็ยังคลาน ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าระหว่างพักผ่อนก็เก็บภาพที่ระลึกกันไป)
เมื่อได้แรงกลับคืนมา เดินต่อไปอีกสักหน่อย ก็ถึงจุดหมาย (จุดที่ 1) แล้ววววววว *.*
จะพบผู้คนจำนวนมาก รอเข้าคิวเพื่อเข้าไปปิดทอง โรยผงพลอย กราบสักการะบูชา และอธิษฐานตามความมุ่งหวัง
การปล่อยคิวให้เข้าไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาท จนท. จะให้เวลาคิวละประมาณ 5 นาที/ 100 กว่าคน
รอยพระพุทธบาท มีลักษณะเป็นรอยบนหินแผ่นใหญ่ กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร ซึ่งเป็นรอยรอยพระพุทธบาท
ที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทย (สูงกว่า 1,050 เมตร จากระดับน้ำทะเล)
ที่มาของชื่อเขาคิชฌกูฏนั้น ในตำนานศาสนาพุทธกล่าวไว้ว่า เขาคิชฌกูฎอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงราชคฤห์
แคว้นมคธเป็นยอดเขาที่มีแนวเขาล้อมโดยรอบ และเคยเป็นสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าในอดีต
ดังนั้นพระครูธรรมสรคุณซึ่งเป็นกรรมการและเป็นหลักในการพัฒนาพระบาทพลวงตั้งแต่ พ.ศ. 2515
จึงได้เสนอใช้ชื่อ พระบาทเขาคิชฌกูฎ (พลวง) ด้วยเหตุผลที่เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ
ที่พุทธศาสนาเจริญกว่าเมืองไหนๆ แม้กระทั่งประเทศอินเดีย
***********
หลังจากที่พวกเราได้กราบสักการะรอยพระพุทธบาท เสร็จเรียบร้อย
ก็ยังมีจุดหมายปลายทางที่รอให้พวกเราเดินทางไป อีก 1 แห่ง
นั่นคือ "ผ้าแดง"
ซึ่งเป็นอีก 1 สถานที่ ที่หลายๆ คนมาแล้วจะต้องไปอธิษฐานจิต เขียนสิ่งที่แต่ละคนอยากจะขอ
ลงบนผ้าสีแดงและนำไปผูกติดไว้ในเขตผ้าแดง ... แต่พวกเราก็พบว่า การเดินทางไปนั้นไม่ง่ายเลย
เพราะยังคงต้องเดินเท้าต่ออีกหลายกิโล ในสภาพแวดล้อมของถนนทางเดินลำบากยากยิ่งกว่าตอนขึ้นมา
รอยพระพุทธบาท อย่างไรก็ตาม...ระหว่างทาง ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเราได้แวะกราบไหว้เป็นระยะๆ
บริเวณจุดที่พักระหว่างการเดินทางขึ้นไปเขตผ้าแดงก็จะพบเห็น ร้านจำหน่ายน้ำดื่ม มาม่า ห้องสุขา ไว้ให้ใช้บริการ
ในส่วนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ก็จะสามารถพบเห็นได้ตลอดทาง เช่น ศาลเจ้าแม่ตะเคียน
(จะพบผู้คนพกแป้งมาขูดหาเลขอยู่ประปราย) หินบาตรพระอานนท์ ที่พวกเราสามารถเดินลอดเวียนเทียนได้
เดินต่อไปอีกหน่อยก็จะพบ หินบาตรพระโมคลานะ มีขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนแท่นหิน (พักเหนื่อยเก็บภาพถ่ายสวยงาม)
และในที่สุดก็เดินทางมาถึงเขตผ้าแดงได้อย่างสำเร็จ
บริเวณเขตผ้าแดงก็จะพบผู้คนจำนวนมากเช่นเคย โดยส่วนมากก็จะมาเขียนคำอธิษฐานลงบน
ผ้าแดงและผูกไว้ตามบริเวณต่างๆ
เก็บภาพเป็นที่ระลึกอีกนิด หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปเขียนคำอธิษฐานและหาที่ผูกผ้าแดง
เห็นได้ว่าเดินทางมาลำบาก แต่ก็มีผู้คนที่มีแรงศรัทธาจำนวนมากเดินทางมาจนถึงจุดหมายสุดท้าย
พักผ่อนอีกนิดหน่อย ใกล้เวลา 07.00 แล้ว พวกเราก็เตรียมเดินทางลง ระหว่างนั้นก็มาพบกับ
ลานบนหินก้อนใหญ่ซึ่งต้องปีนป่ายขึ้นไป เก็บภาพสวยงามมาฝาก
อยู่ด้านบน มองด้านซ้ายจะเห็นเป็นเหมือนเนินหน้าผา และพอมองมาด้านขวาก็จะเห็นผู้คนกำลังเดินทางไปเขตผ้าแดงได้
พอได้เวลา ก็เดินทางกลับลงมา เพราะถ้าอยู่นานคาดว่า สายๆ แดดน่าจะร้อนมาก
ซึ่งระหว่างเดินทางลงจะเหนื่อยมากขึ้น
ระหว่างทางขากลับ ก็จะพบร้านค้าจำนวนมากเช่นเคย รวมถึงร้านจำหน่ายสินค้าเสี่ยงโชค ที่ขาดไม่ได้
------------------
ระหว่างนั้นได้เหลือบหันไปมอง บริเวณทางขึ้น พบว่า มีคนจำนวนมาก กำลังทยอยขึ้นไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท
ขอเก็บภาพป้ายสถานที่เป็นที่ระลึกอีกนิด เนื่องจากเมื่อคืนที่เดินทางมาค่อนข้างมืดมาก
เดินลงมาอีกโลกว่าๆ ก็จะเจอท่ารถ ลงเขา และร้านจำหน่ายตั๋ว
เหมือนเดิมๆๆ พวกเรารีบควักบัตร VIP ออกมาทันที เพื่อไม่ให้เสียเวลา จะได้รีบลงเขากัน
ระยะทางการลงสนุกสนานเหมือนเดิม ตื่นเต้นตาค้างกันไป
ก่อนเรียกรถตู้มารับ ขอแวะโด๊ฟ อาหารเช้ากันที่ร้านค้าริมวัด กันสักหน่อย
สุดท้ายยยยยย
เดินทางต่อมา จ.ระยอง ฉลองความสำเร็จครั้งนี้ด้วยอาหารทะเล อร่อยๆ ก่อนปิดทริป
"การเดินทางทัวร์บุญ...เขาคิชฌกูฏ"
บรรยากาศริมร้าน ลมเย็นสบายยย
ได้เวลาก็ หยุดธุระทุกอย่าง ไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลงกันแล้ววว
ปิดทริป..อิ่มบุญ..อิ่มท้อง
[CR] ครั้งแรก "การเดินทางทัวร์บุญ ... เขาคิชฌกูฏ"
ซึ่งเป็นการเดินทางครั้งแรก ของ จขกท. หลังจากได้ฟังเรื่องเล่าขานต่างๆ จากเพื่อนๆ หลายท่าน รวมทั้งกระทู้รีวิวมากมาย
ซึ่งบ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น รวมถึงความลำบากอย่างยิ่งในการเดินทางขึ้นเขา
ดังนั้นเมื่อโอกาสครั้งนี้มาถึง จขกท. จึงรีบตัดสินใจร่วมทริปทัวร์บุญกับพี่ๆ ร่วมก๊วนทันที
............
เขาคิชฌกูฏ หรือ ภาษาทางการเรียกว่า อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี
ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานฯ นี้ มีหลายแห่ง เช่น น้ำตกกระทิง น้ำตกคลองช้างเซ
และ ยอดเขาพระบาท โดยหลายท่านอาจเรียกว่า "รอยพระบาทเขาคิชฌกูฏ" หรือ "พระบาทพลวง"
++++++
ก่อนที่จะเริ่มเดินทางขึ้นนมัสการรอยพระบาทเขาคิชฌกูฏ จขกท. ได้ศึกษากำหนดการจัดงานประจำปี 2559
โดยทราบคร่าวๆ ว่าจะเปิดให้ประชาชนรวมถึงพุทธศาสนิกชนขึ้นสักการะได้ ตั้งแต่ กุมภาพันธ์ - เมษายน
โดยทางทีมทัวร์บุญของ จขกท. ได้กำหนดวันเดินทางเป็น วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม 2559
การเดินทางครั้งนี้พวกเรามีความพร้อม บางท่านมีอาการป่วยร่างกายไม่เอื้ออำนวยแต่ก็มีใจสู้
ซึ่งพวกเราได้นัดหมายรวมตัวกันเวลา 22.30 น. ณ สำนักงานสรรพากรเขตบางเขน โดยพี่ๆ จนท. สรรพากร
รวม จขกท. แล้ว นับได้ 7 ท่านพอดีไม่มีเกิน...
****************
พอได้เวลา 23.00 น. รถตู้ที่ได้เช่าเหมาไว้ก็ขยับเขยื่อนเคลื่อนล้อ เดินทางตามเส้นทางมอเตอร์เวย์สู่ถนนสายภาคตะวันออก
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงเศษก็มาถึงปั๊มน้ำมัน PTT เพื่อแวะให้พวกเราได้ทำธุระส่วนตัว
หลังจากนั้นก็ออกเดินทางต่ออีกประมาณ 18 km. ก็ถึงจุดหมายปลายทาง
"อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี"
เช่น ดอกดาวเรือง เม็ดพลอย ธูป ทองคำเปลว เทียน ผ้าสามสี ฯลฯ
ซึ่งผู้ที่เดินทางมาถึงส่วนใหญ่ก็จะแวะเวียนหาซื้อเครื่องสักการะบริเวณนี้
ให้ช่วยสั่งซื้อเครื่องสักการะไว้ให้พร้อมเลย จะได้รวบรัดเวลาได้อีก
... หลังจากเมื่อได้อุปกรณ์เครื่องสักการะต่างๆ มาครบ
พวกเราก็เดินไปท่ารถปิกอัพรับจ้างขึ้นเขา เพื่อต่อรถขึ้นเขาอีก 2 ต่อ
ซึ่งเมื่อซื้อตั๋วเสร็จก็จะได้บัตรคิวไปรอขึ้นรถ
แต่การเดินทางครั้งนี้ ทางทีม จขกท. ไม่ต้องมาซื้อตั๋วรถดังกล่าว
เพราะทางร้านจำหน่ายเครื่องสักการะได้เสนอจำหน่ายตั๋วรถวีไอพี
ซึ่งทางทีม จขกท. ได้เลือกซื้อบัตรจากร้านค้า เป็นบัตรแบบ VIP เพื่อไม่ต้องมารอเข้าคิว
(เนื่องจากเมื่อหันไปดูคิวแล้ว พบว่ายาวและเยอะมากมีกว่าพันคิว
ดังนั้นจึงรีบตัดสินใจยอมบวกเงินนิดหน่อยเพื่อซื้อตั๋ว VIP จะดีกว่าและรวบรัดเวลาได้อีก)
หลังจากได้ตั๋วแล้ว ได้เครื่องสักการะแล้ว ก็ไม่รีรอรีบกระโดดขึ้นรถ
ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นเขาในเวลา เกือบตี 3 ทันที
อยู่กับความตื่นเต้นของความสูงชันของเขา ความลื่นของถนน
ความเสี่ยงต่อการสวนของรถปิกอัพรับจ้างที่ขึ้น-ลงรวดเร็วมาก
สักพักก็เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนรถ จุดที่ 2 เช่นเคย เราก็ใช้บัตร VIP ในการเดินขึ้นรถได้เลย
หลังจากนั้นเหตุการณ์ตื่นเต้นต่างๆ ต่อการเดินทางขึ้นเขาอีกลูก ก็เกิดขึ้นเหมือนรอบแรกไม่มีผิด
และแล้ว พวกเรา ทั้ง 7 ก็รอดปลอดภัย เดินทางมาถึงลานพระสีวลี
ซึ่งเป็นสถานที่ให้พวกเราได้กราบไหว้บูชา
ก่อนที่จะต้องเดินเท้าต่อขึ้นไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท
เมื่อแต่ละท่านได้กราบไหว้เสร็จเรียบร้อย ก็ไม่รีรอ รีบเดินขึ้นตามเส้นทางทันที
(อากาศสบาย ไม่ร้อน ไม่หนาว ถึงว่าทำไมคนส่วนใหญ่นิยมมาตอนกลางคืน)
การเดินทางขึ้นไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท ช่วงแรกไม่ลำบากมาก
ถนนทางเดินทำไว้อย่างดี เดินมาสักพักก็เจอป้ายโปสเตอร์ขนาดใหญ่
PR เกี่ยวกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ให้ประชาชนได้กราบสักการะระหว่างทางการเดินขึ้นไปรอยพระพุทธบาท
มีทั้ง ท้าวเวสสุวรรณ พระแม่ธรณี ฯลฯ
เดินๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็เดินๆๆๆๆๆๆๆๆ จะเริ่มเห็นผู้คนเพิ่มขึ้นตลอดเส้นทาง ไม่ใช่เพราะอภินิหาร
แต่เป็นเพราะพวกเขามีการหยุดพักระหว่างทางเป็นระยะๆ ...ยิ่งสูงยิ่งขึ้นลำบาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุหยุดยืนหอบเป็นจำนวนมาก
แต่กระนั้นพวกเราก็ยังคงเดินกันต่อๆ ตามป้าย.... เพื่ออยากให้ถึงจุดหมายเร็วที่สุด
ผ่านมากี่นาทีไม่รู้ แต่รู้สึกได้ว่าเมื่อยมาก เดินต่อไม่ไหวแล้ว ก็เลยหยุดพักริมทาง ระหว่างนั้นสามารถ
พบเห็นประชาชนหลายท่านพักผ่อนนอนหลับ เอาแรง!!!! จำนวนมาก
(แต่ยังไงก็ตามพวกเราสู้ไม่ถอย ล้มก็ยังคลาน ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าระหว่างพักผ่อนก็เก็บภาพที่ระลึกกันไป)
เมื่อได้แรงกลับคืนมา เดินต่อไปอีกสักหน่อย ก็ถึงจุดหมาย (จุดที่ 1) แล้ววววววว *.*
การปล่อยคิวให้เข้าไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาท จนท. จะให้เวลาคิวละประมาณ 5 นาที/ 100 กว่าคน
รอยพระพุทธบาท มีลักษณะเป็นรอยบนหินแผ่นใหญ่ กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร ซึ่งเป็นรอยรอยพระพุทธบาท
ที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทย (สูงกว่า 1,050 เมตร จากระดับน้ำทะเล)
ที่มาของชื่อเขาคิชฌกูฏนั้น ในตำนานศาสนาพุทธกล่าวไว้ว่า เขาคิชฌกูฎอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงราชคฤห์
แคว้นมคธเป็นยอดเขาที่มีแนวเขาล้อมโดยรอบ และเคยเป็นสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าในอดีต
ดังนั้นพระครูธรรมสรคุณซึ่งเป็นกรรมการและเป็นหลักในการพัฒนาพระบาทพลวงตั้งแต่ พ.ศ. 2515
จึงได้เสนอใช้ชื่อ พระบาทเขาคิชฌกูฎ (พลวง) ด้วยเหตุผลที่เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ
ที่พุทธศาสนาเจริญกว่าเมืองไหนๆ แม้กระทั่งประเทศอินเดีย
***********
หลังจากที่พวกเราได้กราบสักการะรอยพระพุทธบาท เสร็จเรียบร้อย
ก็ยังมีจุดหมายปลายทางที่รอให้พวกเราเดินทางไป อีก 1 แห่ง
นั่นคือ "ผ้าแดง"
ซึ่งเป็นอีก 1 สถานที่ ที่หลายๆ คนมาแล้วจะต้องไปอธิษฐานจิต เขียนสิ่งที่แต่ละคนอยากจะขอ
ลงบนผ้าสีแดงและนำไปผูกติดไว้ในเขตผ้าแดง ... แต่พวกเราก็พบว่า การเดินทางไปนั้นไม่ง่ายเลย
เพราะยังคงต้องเดินเท้าต่ออีกหลายกิโล ในสภาพแวดล้อมของถนนทางเดินลำบากยากยิ่งกว่าตอนขึ้นมา
รอยพระพุทธบาท อย่างไรก็ตาม...ระหว่างทาง ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเราได้แวะกราบไหว้เป็นระยะๆ
บริเวณจุดที่พักระหว่างการเดินทางขึ้นไปเขตผ้าแดงก็จะพบเห็น ร้านจำหน่ายน้ำดื่ม มาม่า ห้องสุขา ไว้ให้ใช้บริการ
ในส่วนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ก็จะสามารถพบเห็นได้ตลอดทาง เช่น ศาลเจ้าแม่ตะเคียน
(จะพบผู้คนพกแป้งมาขูดหาเลขอยู่ประปราย) หินบาตรพระอานนท์ ที่พวกเราสามารถเดินลอดเวียนเทียนได้
เดินต่อไปอีกหน่อยก็จะพบ หินบาตรพระโมคลานะ มีขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนแท่นหิน (พักเหนื่อยเก็บภาพถ่ายสวยงาม)
และในที่สุดก็เดินทางมาถึงเขตผ้าแดงได้อย่างสำเร็จ
บริเวณเขตผ้าแดงก็จะพบผู้คนจำนวนมากเช่นเคย โดยส่วนมากก็จะมาเขียนคำอธิษฐานลงบน
ผ้าแดงและผูกไว้ตามบริเวณต่างๆ
เก็บภาพเป็นที่ระลึกอีกนิด หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปเขียนคำอธิษฐานและหาที่ผูกผ้าแดง
เห็นได้ว่าเดินทางมาลำบาก แต่ก็มีผู้คนที่มีแรงศรัทธาจำนวนมากเดินทางมาจนถึงจุดหมายสุดท้าย
พักผ่อนอีกนิดหน่อย ใกล้เวลา 07.00 แล้ว พวกเราก็เตรียมเดินทางลง ระหว่างนั้นก็มาพบกับ
ลานบนหินก้อนใหญ่ซึ่งต้องปีนป่ายขึ้นไป เก็บภาพสวยงามมาฝาก
อยู่ด้านบน มองด้านซ้ายจะเห็นเป็นเหมือนเนินหน้าผา และพอมองมาด้านขวาก็จะเห็นผู้คนกำลังเดินทางไปเขตผ้าแดงได้
พอได้เวลา ก็เดินทางกลับลงมา เพราะถ้าอยู่นานคาดว่า สายๆ แดดน่าจะร้อนมาก
ซึ่งระหว่างเดินทางลงจะเหนื่อยมากขึ้น
ระหว่างทางขากลับ ก็จะพบร้านค้าจำนวนมากเช่นเคย รวมถึงร้านจำหน่ายสินค้าเสี่ยงโชค ที่ขาดไม่ได้
------------------
ระหว่างนั้นได้เหลือบหันไปมอง บริเวณทางขึ้น พบว่า มีคนจำนวนมาก กำลังทยอยขึ้นไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท
ขอเก็บภาพป้ายสถานที่เป็นที่ระลึกอีกนิด เนื่องจากเมื่อคืนที่เดินทางมาค่อนข้างมืดมาก
เดินลงมาอีกโลกว่าๆ ก็จะเจอท่ารถ ลงเขา และร้านจำหน่ายตั๋ว
เหมือนเดิมๆๆ พวกเรารีบควักบัตร VIP ออกมาทันที เพื่อไม่ให้เสียเวลา จะได้รีบลงเขากัน
ระยะทางการลงสนุกสนานเหมือนเดิม ตื่นเต้นตาค้างกันไป
ก่อนเรียกรถตู้มารับ ขอแวะโด๊ฟ อาหารเช้ากันที่ร้านค้าริมวัด กันสักหน่อย
สุดท้ายยยยยย
เดินทางต่อมา จ.ระยอง ฉลองความสำเร็จครั้งนี้ด้วยอาหารทะเล อร่อยๆ ก่อนปิดทริป
"การเดินทางทัวร์บุญ...เขาคิชฌกูฏ"
บรรยากาศริมร้าน ลมเย็นสบายยย
ได้เวลาก็ หยุดธุระทุกอย่าง ไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลงกันแล้ววว
ปิดทริป..อิ่มบุญ..อิ่มท้อง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น