เดินทางไปเมื่อวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2559 ปฏิบัติเช่นนี้มาตั้งแต่ปี 2546
การเดินทางไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ หากจะไปแบบไม่เหนื่อยและได้ทำบุญด้วยการสวดมนต์เจริญจิตภาวนา แนะนำให้เดินทางไปเพื่อทำวัตรเช้า เวลา 04.00 น. หรือทำวัตรเย็น เวลา 20.00 น. พร้อมกับคณะสงฆ์ ที่ลานพระบาท การวางแผนการเดินทาง โดยจองที่พักให้เรียบร้อย พักแถวใกล้ถนนสุขุมวิท แยกเขาไร่ยา ก่อนเข้าอำเภอเขาคิชฌกูฏ
เริ่มเดินทางกันวันแรก ออกจากรุงเทพฯ ให้เช้าหน่อย แวะกราบสักการะหลวงพ่อพุทธโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร และไปไหว้พระที่ วัดสมานรัตนาราม จากนั้นมุ่งหน้าจันทบุรี เข้าที่พักล้างหน้าล้างตา อาบน้ำ ไม่เกิน 4 โมงเย็น มุ่งหน้าเขาสู่อำเภอเขาคิชฌกูฏ กราบสักการะสรีระสังขาร หลวงพ่อเขียน ที่วัดกระทิง
จากนั้น มุ่งหน้าสู่วัดพลวง เมื่อถึงวัดแล้ว ก็เตรียมจัดหาดอกไม้ ธูปเทียนทอง กราบสักการะหลวงปู่นัง และไหว้พระพุทธรูปภายในวัด เสร็จแล้ว เตรียมตัวซื้อตั๋ว ขึ้นส่ยอดเขา ซึ่งในปีนี้ ดีหน่อย เพราะมีทหารมาช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดระเบียบการขึ้นรถทำให้เป็นไปอย่างรวดเร็วไม่แย่งกัน พยายามขึ้นรถก่อนที่ตะวันจะตกดิน เพื่อเดินทางไปถึงยอดเขาให้ทันเวลา 1 ทุ่มครึ่ง เตรียมตัวทำวัตรเย็น
เมื่อถึงยอดเขาแล้ว จัดหาดอกมูปเทียนทอง ต่อแถวเตรียมตัวเข้าสู่ลานพระบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะปล่อยคนให้เข้าไปทีละชุดป้องกันการเบียด แต่คนก็ยังทะลักอยู่ดี จนเวลา 2 ทุ่ม หากใครโชคดีที่อยู่ด้านในลานพระบาทก็เตรียมตัวรอทำวัตรเย็น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะประกาศบอกว่า ด้านในใช้เวลา 2 ชั่วโมง ตั้งแต่ 2 -4 ทุ่ม ถ้าใครคิดว่านั่งไม่ได้ให้ลุกก่อนที่พระสงฆ์จะเข้ามาทำวัตรเย็น เริ่มทำวัตรเย็นก็สวดมนต์บทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จากนั้นหลวงพ่อจะเล่าประวัติความเป็นมาของรอยพระบาทเขาคิชฌกูฏ เสร็จแล้วหลวงพ่อจะนำเจริญจิตภาวนา กรวดน้ำ รับพร และเสร็จในเวลา 4 ทุ่ม
จากนั้นแยกย้ายกันไปปิดทองรอยพระบาท ซึ่ง ณ เวลานั้น พุทธศาสนิกชนจะแน่นไปหมด เมื่อเสร็จแล้วจึงลงจากยอดเขา และแวะกินข้าวต้มตรงหน้าวัดกระทิง แล้วเดินทางไปที่พัก
ช่วงเวลา เที่ยงคืนเราจะเห็นคลื่นมหาชนเดินทางเข้าสู่วัดพลวงเป็นจำนวนมาก การจราจรติดขัด ดังนั้น ถ้าท่านใดจะไปสวดมนต์ทำวัตรเย็นแนะนำให้ขึ้นก่อน ตะวันตกดิน ส่วนทำวัตรเช้า ควรไปในวันธรรมดา
คิชฌกูฏดินแดนอัศจรรย์
การเดินทางไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ หากจะไปแบบไม่เหนื่อยและได้ทำบุญด้วยการสวดมนต์เจริญจิตภาวนา แนะนำให้เดินทางไปเพื่อทำวัตรเช้า เวลา 04.00 น. หรือทำวัตรเย็น เวลา 20.00 น. พร้อมกับคณะสงฆ์ ที่ลานพระบาท การวางแผนการเดินทาง โดยจองที่พักให้เรียบร้อย พักแถวใกล้ถนนสุขุมวิท แยกเขาไร่ยา ก่อนเข้าอำเภอเขาคิชฌกูฏ
เริ่มเดินทางกันวันแรก ออกจากรุงเทพฯ ให้เช้าหน่อย แวะกราบสักการะหลวงพ่อพุทธโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร และไปไหว้พระที่ วัดสมานรัตนาราม จากนั้นมุ่งหน้าจันทบุรี เข้าที่พักล้างหน้าล้างตา อาบน้ำ ไม่เกิน 4 โมงเย็น มุ่งหน้าเขาสู่อำเภอเขาคิชฌกูฏ กราบสักการะสรีระสังขาร หลวงพ่อเขียน ที่วัดกระทิง
จากนั้น มุ่งหน้าสู่วัดพลวง เมื่อถึงวัดแล้ว ก็เตรียมจัดหาดอกไม้ ธูปเทียนทอง กราบสักการะหลวงปู่นัง และไหว้พระพุทธรูปภายในวัด เสร็จแล้ว เตรียมตัวซื้อตั๋ว ขึ้นส่ยอดเขา ซึ่งในปีนี้ ดีหน่อย เพราะมีทหารมาช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดระเบียบการขึ้นรถทำให้เป็นไปอย่างรวดเร็วไม่แย่งกัน พยายามขึ้นรถก่อนที่ตะวันจะตกดิน เพื่อเดินทางไปถึงยอดเขาให้ทันเวลา 1 ทุ่มครึ่ง เตรียมตัวทำวัตรเย็น
เมื่อถึงยอดเขาแล้ว จัดหาดอกมูปเทียนทอง ต่อแถวเตรียมตัวเข้าสู่ลานพระบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะปล่อยคนให้เข้าไปทีละชุดป้องกันการเบียด แต่คนก็ยังทะลักอยู่ดี จนเวลา 2 ทุ่ม หากใครโชคดีที่อยู่ด้านในลานพระบาทก็เตรียมตัวรอทำวัตรเย็น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะประกาศบอกว่า ด้านในใช้เวลา 2 ชั่วโมง ตั้งแต่ 2 -4 ทุ่ม ถ้าใครคิดว่านั่งไม่ได้ให้ลุกก่อนที่พระสงฆ์จะเข้ามาทำวัตรเย็น เริ่มทำวัตรเย็นก็สวดมนต์บทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จากนั้นหลวงพ่อจะเล่าประวัติความเป็นมาของรอยพระบาทเขาคิชฌกูฏ เสร็จแล้วหลวงพ่อจะนำเจริญจิตภาวนา กรวดน้ำ รับพร และเสร็จในเวลา 4 ทุ่ม
จากนั้นแยกย้ายกันไปปิดทองรอยพระบาท ซึ่ง ณ เวลานั้น พุทธศาสนิกชนจะแน่นไปหมด เมื่อเสร็จแล้วจึงลงจากยอดเขา และแวะกินข้าวต้มตรงหน้าวัดกระทิง แล้วเดินทางไปที่พัก
ช่วงเวลา เที่ยงคืนเราจะเห็นคลื่นมหาชนเดินทางเข้าสู่วัดพลวงเป็นจำนวนมาก การจราจรติดขัด ดังนั้น ถ้าท่านใดจะไปสวดมนต์ทำวัตรเย็นแนะนำให้ขึ้นก่อน ตะวันตกดิน ส่วนทำวัตรเช้า ควรไปในวันธรรมดา