เปลว สีเงิน : คนปลายซอย March 8,2016
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย! ..........
บุคคลผู้ตระหนี่ เมื่อได้ทรัพย์แล้วก็กักตุนไว้ ไม่ถ่ายเทให้ผู้อื่นบ้าง ก็เหมือนแม่น้ำตาย ไม่มีประโยชน์อะไรแก่ใคร
ส่วนผู้ไม่ตระหนี่ เหมือนแม่น้ำที่ไหลเอื่อยอยู่เสมอ กระแสน้ำก็ไม่ขาด ทั้งยังเป็นประโยชน์แก่มนุษย์ทั้งหลาย
เพราะฉะนั้น สาธุชนได้ทรัพย์แล้วพึงบำเพ็ญตนเสมือนแม่น้ำซึ่งไหลใสสะอาด ไม่พึงเป็นเช่นแม่น้ำตาย
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย....อายะสัมปทา หรือทาน จะมีผลมาก อานิสงส์ไพศาล ถ้าประกอบด้วยองค์ ๖ คือ
๑.ก่อนให้ ผู้ให้ ก็มีใจผ่องใส ชื่นบาน
๒.เมื่อกำลังให้ จิตใจก็ผ่องใส
๓.เมื่อให้แล้ว ก็มีความยินดี ไม่เสียดาย
๔.ผู้รับ เป็นผู้ปราศจากราคะ หรือปฏิบัติเพื่อปราศจากราคะ
๕. ผู้รับ เป็นผู้ปราศจากโทสะ หรือปฏิบัติเพื่อปราศจากโทสะ
๖. ผู้รับเป็นผู้ปราศจากโมหะ หรือปฏิบัติเพื่อปราศจากโมหะ
ภิกษุทั้งหลาย.........
ทานที่ประกอบด้วยองค์ ๖ นี้แล เป็นการหายาก ที่จะกำหนดผลแห่งบุญว่า มีประมาณเท่านั้น-เท่านี้ อันที่จริง เป็นกองบุญใหญ่ที่นับไม่ได้ ไม่มีประมาณ เหลือที่จะกำหนด
เหมือนน้ำในมหาสมุทรย่อมกำหนดได้โดยยาก ว่ามีประมาณเท่านั้นเท่านี้
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย....
คราวหนึ่ง "พระเจ้าปเสนทิโกศล" ราชาแห่งแคว้นนี้ เข้าไปหาตถาคตและถามว่า บุคคลควรจะให้ทานในที่ใด?
เราตอบว่า ควรให้ในที่ที่เลื่อมใส คือเลื่อมใสบุคคลใด คณะใด ก็ควรให้แก่บุคคลนั้น ในคณะนั้น
พระองค์ถามต่อไปว่า "ให้ทานในที่ใดจึงจะมีผลมาก?"
เราตถาคตตอบว่า "ถ้าต้องการผลมากแล้วละก็ ควรจะให้ทานในท่านผู้มีศีล การให้แก่บุคคลผู้ทุศีล หามีผลมากอย่างนั้นไม่
สถานที่ทำบุญ เปรียบเหมือนเนื้อนา เจตนาและไทยทานของทายก เปรียบเหมือนเมล็ดพืช
ถ้าเนื้อนาดี คือบุคคลผู้รับเป็นคนดี มีศีลธรรม และประกอบด้วยเมล็ดพืช คือเจตนาและไทยทานของทายก บริสุทธิ์ทานนั้น ย่อมมีผลมาก
การหว่านลงในนาที่เต็มไปด้วยหญ้าแฝกและหญ้าคา ต้นข้าวย่อมขึ้นได้โดยยาก ฉันใด การทำบุญในคณะบุคคลผู้มีศีลน้อย มีธรรมน้อย ก็ฉันนั้น คือย่อมได้บุญน้อย
ส่วนการทำบุญในคณะบุคคลซึ่งมีศีลดี มีธรรมงาม ย่อมจะมีผลมากเป็นภาวะอันตรงกันข้ามอยู่ดังนี้
เพราะฉะนั้น บุคคลไม่ควรประมาทว่า บุญหรือบาป เพียงเล็กน้อยจะไม่ให้ผล หยาดน้ำที่ไหลลงทีละหยด ยังทำให้แม่น้ำเต็มได้ ฉันใด การสั่งสมบุญหรือบาปแม้ทีละน้อย ก็ฉันนั้น
ผู้สั่งสมบุญ ย่อมเปี่ยมล้นไปด้วยบุญ ผู้สั่งสมบาป ย่อมเพียบแปล้ไปด้วยบาป"
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย.......
พรหมจรรย์นี้ เราประพฤติมิใช่เพื่อหลอกลวงคน
มิใช่เพื่อให้คนทั้งหลายมานับถือ
มิใช่เพื่ออานิสงส์ลาภสักการะและความสรรเสริญ
มิใช่จุดมุ่งหมายเพื่อเป็นเจ้าลัทธิและแก้ลัทธิอย่างนั้นอย่างนี้
มิใช่เพื่อให้ใครรู้จักว่าเป็นอย่างนั้น-อย่างนี้
ที่แท้...พรหมจรรย์นี้ เราประพฤติ ............
เพื่อสังวระ คือความสำรวม
เพื่อปหานะ คือความละ
เพื่อวิราคะ คือคลายความกำหนัดยินดี และ
เพื่อนิโรธะ คือความดับทุกข์"
นี้คือคำตอบ "บวชเข้ามาเป็นพระเพื่ออะไร?"
ธรรมที่ควรประพฤติปฏิบัติ นั่นคือ ธรรม-วินัย จากโอษฐ์พระพุทธองค์
"บวชเข้ามาเป็นพระเพื่ออะไร?" ธรรมที่ควรประพฤติปฏิบัติ นั่นคือ ธรรม-วินัย จากโอษฐ์พระพุทธองค์
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย! ..........
บุคคลผู้ตระหนี่ เมื่อได้ทรัพย์แล้วก็กักตุนไว้ ไม่ถ่ายเทให้ผู้อื่นบ้าง ก็เหมือนแม่น้ำตาย ไม่มีประโยชน์อะไรแก่ใคร
ส่วนผู้ไม่ตระหนี่ เหมือนแม่น้ำที่ไหลเอื่อยอยู่เสมอ กระแสน้ำก็ไม่ขาด ทั้งยังเป็นประโยชน์แก่มนุษย์ทั้งหลาย
เพราะฉะนั้น สาธุชนได้ทรัพย์แล้วพึงบำเพ็ญตนเสมือนแม่น้ำซึ่งไหลใสสะอาด ไม่พึงเป็นเช่นแม่น้ำตาย
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย....อายะสัมปทา หรือทาน จะมีผลมาก อานิสงส์ไพศาล ถ้าประกอบด้วยองค์ ๖ คือ
๑.ก่อนให้ ผู้ให้ ก็มีใจผ่องใส ชื่นบาน
๒.เมื่อกำลังให้ จิตใจก็ผ่องใส
๓.เมื่อให้แล้ว ก็มีความยินดี ไม่เสียดาย
๔.ผู้รับ เป็นผู้ปราศจากราคะ หรือปฏิบัติเพื่อปราศจากราคะ
๕. ผู้รับ เป็นผู้ปราศจากโทสะ หรือปฏิบัติเพื่อปราศจากโทสะ
๖. ผู้รับเป็นผู้ปราศจากโมหะ หรือปฏิบัติเพื่อปราศจากโมหะ
ภิกษุทั้งหลาย.........
ทานที่ประกอบด้วยองค์ ๖ นี้แล เป็นการหายาก ที่จะกำหนดผลแห่งบุญว่า มีประมาณเท่านั้น-เท่านี้ อันที่จริง เป็นกองบุญใหญ่ที่นับไม่ได้ ไม่มีประมาณ เหลือที่จะกำหนด
เหมือนน้ำในมหาสมุทรย่อมกำหนดได้โดยยาก ว่ามีประมาณเท่านั้นเท่านี้
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย....
คราวหนึ่ง "พระเจ้าปเสนทิโกศล" ราชาแห่งแคว้นนี้ เข้าไปหาตถาคตและถามว่า บุคคลควรจะให้ทานในที่ใด?
เราตอบว่า ควรให้ในที่ที่เลื่อมใส คือเลื่อมใสบุคคลใด คณะใด ก็ควรให้แก่บุคคลนั้น ในคณะนั้น
พระองค์ถามต่อไปว่า "ให้ทานในที่ใดจึงจะมีผลมาก?"
เราตถาคตตอบว่า "ถ้าต้องการผลมากแล้วละก็ ควรจะให้ทานในท่านผู้มีศีล การให้แก่บุคคลผู้ทุศีล หามีผลมากอย่างนั้นไม่
สถานที่ทำบุญ เปรียบเหมือนเนื้อนา เจตนาและไทยทานของทายก เปรียบเหมือนเมล็ดพืช
ถ้าเนื้อนาดี คือบุคคลผู้รับเป็นคนดี มีศีลธรรม และประกอบด้วยเมล็ดพืช คือเจตนาและไทยทานของทายก บริสุทธิ์ทานนั้น ย่อมมีผลมาก
การหว่านลงในนาที่เต็มไปด้วยหญ้าแฝกและหญ้าคา ต้นข้าวย่อมขึ้นได้โดยยาก ฉันใด การทำบุญในคณะบุคคลผู้มีศีลน้อย มีธรรมน้อย ก็ฉันนั้น คือย่อมได้บุญน้อย
ส่วนการทำบุญในคณะบุคคลซึ่งมีศีลดี มีธรรมงาม ย่อมจะมีผลมากเป็นภาวะอันตรงกันข้ามอยู่ดังนี้
เพราะฉะนั้น บุคคลไม่ควรประมาทว่า บุญหรือบาป เพียงเล็กน้อยจะไม่ให้ผล หยาดน้ำที่ไหลลงทีละหยด ยังทำให้แม่น้ำเต็มได้ ฉันใด การสั่งสมบุญหรือบาปแม้ทีละน้อย ก็ฉันนั้น
ผู้สั่งสมบุญ ย่อมเปี่ยมล้นไปด้วยบุญ ผู้สั่งสมบาป ย่อมเพียบแปล้ไปด้วยบาป"
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย.......
พรหมจรรย์นี้ เราประพฤติมิใช่เพื่อหลอกลวงคน
มิใช่เพื่อให้คนทั้งหลายมานับถือ
มิใช่เพื่ออานิสงส์ลาภสักการะและความสรรเสริญ
มิใช่จุดมุ่งหมายเพื่อเป็นเจ้าลัทธิและแก้ลัทธิอย่างนั้นอย่างนี้
มิใช่เพื่อให้ใครรู้จักว่าเป็นอย่างนั้น-อย่างนี้
ที่แท้...พรหมจรรย์นี้ เราประพฤติ ............
เพื่อสังวระ คือความสำรวม
เพื่อปหานะ คือความละ
เพื่อวิราคะ คือคลายความกำหนัดยินดี และ
เพื่อนิโรธะ คือความดับทุกข์"
นี้คือคำตอบ "บวชเข้ามาเป็นพระเพื่ออะไร?"
ธรรมที่ควรประพฤติปฏิบัติ นั่นคือ ธรรม-วินัย จากโอษฐ์พระพุทธองค์