Positives
สเกลเนื้อเรื่องยิ่งใหญ่อลังการ งานภาพสวยมากๆ งานฉากเนียนกริบ มีการเปลี่ยนโฟกัสในระยะชัดตื้นที่แม่นยำ พร้อมมุมกล้องที่หลากหลาย Long Take เร้าใจและลื่นไหล อารมณ์นักแสดงมาเต็ม ลำดับภาพน่าตื่นเต้น เทคนิคพิเศษและงาน CGI ระดับคุณภาพ ดนตรีเร้าใจ
Negatives
สเกลเนื้อเรื่องใหญ่เกินไป ทำให้งานบทขาดความสมเหตุสมผล และคาดเดาได้ในหลายๆ จุด การเลือกระเบิดสถานที่ต่างๆ มีเยอะจนเกร่อ ตัวเอกเก่งและอึดเกินมนุษย์ไปสักหน่อย งาน CGI ยังมีลอยอยู่บ้าง โดยเฉพาะช็อตระเบิดต่างๆ และการไล่ล่าทางเฮลิคอปเตอร์
Bottom Line
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เหมาะกับคอหนังแอ็คชั่นเป็นที่สุด มาครบทั้งระเบิดตึก ล้มเสา เผาฮอ พร้อมซีนยิงกันแบบนอนสต็อป พร้อมงานภาพที่สวยติดตา อย่างไรก็ตาม บทภาพยนตร์จะมีจุดที่ไม่สมเหตุสมผลและเวอร์หลุดโลกอยู่บ้าง แต่ถ้าคุณไม่แคร์ ก็ถือเป็นหนังสนุกๆ อีกเรื่องเลยล่ะ
Rating
Screenplay...............B-
Casting/Acting..........A-
Cinematography........A
Video Editing............A-
Visual Effects...........B+
Score & Music...........B
Overall Rating.........B+
Full Review
ภาพยนตร์เรื่อง London Has Fallen น่าจะเป็นภาพยนตร์ที่หลายๆ คนตั้งตาคอยชม ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น เนื่องจากติดใจในความบ้าระห่ำของภาคแรก Olympus Has Fallen ที่แม้จะวนเวียนกันอยู่แค่ภายในทำเนียบขาว แต่ก็สามารถออกแบบภาพยนตร์ได้มันหยดขนาดนั้น ภาคต่อที่เพิ่มสเกลให้ใหญ่ขนาดลอนดอน เมืองหลวงของเกาะอังกฤษ ก็คงต้องมันไม่แพ้กันเป็นแน่ ซึ่งสำหรับคอหนังแอ็คชั่น ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง ด้วยกระสุนปลิวว่อน เปลวไฟอันร้อนแรงพร้อมเสียงตูมตาม กับการระเบิดตึก ทะลายเสา เผาเฮลิคอปเตอร์ ไหนจะฉากแอ็คชั่นที่ดุเดือดเลือดพล่านกว่าภาคแรกหลายขุม พร้อมลูกบ้าของตัวเอกที่เก่งปานเปิด God Mode ในเกมชู๊ตติ้ง ทำให้ภาพยนตร์โดยรวมออกมามันหยดไม่แพ้ภาคแรก อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านต้องการอรรถรสในความสมจริง ความสมเหตุสมผล และอารมณ์ดราม่า ท่านอาจจะต้องผิดหวังอยู่ไม่น้อย เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้สมบูรณ์ตามสเกลของหนังที่ใหญ่ขึ้นเลย นี่จึงกลายเป็นจุดบอดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งส่งผลให้ได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่ค่อยรื่นหูสักเท่าไหร่ ทว่าแม้จะมีจุดบอดในส่วนของบท ก็ยังมีส่วนที่น่าชื่นชมอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นงานฉากที่สมจริง การรังสรรค์งานภาพที่สวยงามด้วยทักษะกล้องขั้นเทพ งาน CGI ระดับคุณภาพ ที่แม้จะมีลอยๆ อยู่บ้าง (โดยเฉพาะซีนระเบิดต่างๆ) แต่โดยรวมก็ดูดี รวมถึงเหล่านักแสดงสมทบ ที่ดูเป็นมนุษย์จริงๆ มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เอาแต่นั่งมาดตามสไตล์เจ้าหน้าที่ระดับสูง เอาล่ะ เราจะไล่กันไปทีละส่วนนะครับ
Screenplay
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อาเมียร์ บาคาร์วี พ่อค้าอาวุธในปากีสถาน ผู้ถูกหนุนหลังโดยรัฐบาล ถือเป็นบุคคลอันตรายที่ชาติตะวันตกต้องการตัว และกำจัดหากมีโอกาส จนเมื่อโอกาสเหมาะ ขีปนาวุธพิสัยไกลก็พุ่งลงกลางงานแต่งของลูกสาวคนเล็กของเขา สังหารครอบครัวของบาคาร์วี และพลเรือนในงานนั้น แต่ทว่าอาเมียร์และลูกชายทั้ง 3 คน คามราน ราซา และสุลต่าน รอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้นมาได้ อาเมียร์ต้องใช้ไม้เท้าเดิน ในขณะที่สุลต่านเสียขาทั้งสองข้างไป ความพินาศของครอบครัวและการสูญเสียลูกสาวทำให้อาเมียร์ถือเป็นแค้นที่ต้องชำระ และคิดก่อการอันแยบยลใต้จมูกของชาติตะวันตกอย่างลอนดอน เมืองหลวงแห่งเกาะอังกฤษ เป้าหมายคือประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ในความพยายามที่จะสังหารเขาต่อหน้าสาธารณะชนด้วยการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกผ่านอินเตอร์เน็ต
ไมค์ แบนนิ่ง เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับและหัวหน้าหน่วยอารักขา ผู้เคยบุกเดี่ยวเข้าไปช่วยประธานาธิบดีจากการโจมตีทำเนียบขาวในภาคแรก กำลังจะเป็นพ่อคน เขาวุ่นวายกับการต้อนรับสมาชิกใหม่เป็นอย่างมาก รวมถึงเตรียมทำเรื่องที่จะลาออกจากหน่วยสืบราชการลับ แต่สถานการณ์อันไม่ปกติก็เกิดขึ้นอีกครั้ง มันเริ่มจากการเสียชีวิตอย่างกระทันหันของนายกรัฐมนตรีแห่งอังกฤษ ที่ถูกสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นผลมาจากการผ่าตัดเมื่อไม่กี่วันก่อน พิธีศพถูกจัดขึ้นอย่างเร่งรีบ ผู้นำทั่วโลกตบเท้าเข้าร่วมพิธีครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียง รวมทั้งเบนจามิน แอชเชอร์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาผู้เคยรอดชีวิตจากการโจมตีทำเนียบขาว ไมค์ แบนนิ่ง หัวหน้าหน่วยอารักขา และลินน์ เจค็อบส์ หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับ หัวหน้าของไมค์ ในขณะที่ทางลอนดอนเตรียมพร้อมรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ร่วมกับหน่วยงานความปลอดภัยของ 42 ประเทศที่ผู้นำตอบรับเข้าร่วมงาน ดูจะเป็นวันแสนยุ่งเหยิงของอังกฤษ
ประธานาธิบดีแอชเชอร์ แบนนิ่ง และเจค็อบส์ ลงจากแอร์ฟอร์ซวัน ต่อเฮลิคอปเตอร์ และรถหุ้มเกราะ มาถึงหน้าวิหารที่จัดพิธีศพของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ หลังจากนั้นเพียงครู่เดียวการโจมตีก็เริ่มขึ้น ทั้งการลอบยิงและระเบิดสังหาร ทั้งมีคนในกลุ่มผู้ก่อการจำนวนมาก แทรกซึมอยู่ในกลุ่มตำรวจและทหารในหน่วยรักษาความปลอดภัย ผู้นำ 5 ชาติเสียชีวิตในเหตุสังหารนี้ รวมถึงเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และญี่ปุ่น แบนนิ่งพาแอชเชอร์และเจค็อบส์หนีไปในรถหุ้มเกราะ ในขณะที่การไล่ล่าบนท้องถนนเป็นไปอย่างดุเดือด และเจ้าหน้าที่อารักขาหลายคนต้องเสียชีวิตลง พวกเขารอดไปจนต่อเฮลิคอปเตอร์ได้ แต่กลุ่มผู้ก่อการยิงจรวดนำวิถีใส่ เฮลิคอปเตอร์หนึ่งลำตกลงทันที ในขณะที่อีกลำสละชีวิตนำเฮลิคอปเตอร์เข้าขวางจรวด เฮลิคอปเตอร์ที่แอชเชอร์ แบนนิ่ง และเจค็อบส์นั่งมา โดนจรวดลูกสุดท้ายสอยร่วง ลินน์ เจค็อบส์ เสียชีวิตจากเหล็กที่แทงทะลุร่างของเธอ แอชเชอร์และแบนนิ่งหนีไปตามท้องถนน แบนนิ่งส่งสัญญาณผ่านภาพดาวเทียมให้ทีมของรองประธานาธิบดี อัลลัน ทรัมบูล ว่าเขาและแอชเชอร์จะมุ่งหน้าไปยังเซฟเฮาส์ของเจ้าหน้าที่ MI6 ระหว่างทางเขาได้ปะทะกับราซา และได้สื่อสารกับคามราน หัวหน้ากลุ่มก่อการในลอนดอน
ในขณะที่แอชเชอร์และแบนนิ่งกำลังหลบหนี กลุ่มผู้ก่อการร้ายปิดระบบทั้งหมดในลอนดอน ทั้งไฟฟ้า และกล้องวงจรปิด ส่วนทีมของรองประธาธิบดีได้รับข้อความจากอาเมียร์ บาคาร์วี ที่บอกถึงจุดประสงค์ของเขาในความพยายามจะแก้แค้น และคำขู่ว่าถ้าทางชาติตะวันตกไม่ส่งตัวแอชเชอร์ให้กับเขา จะมีความตายตามมาอีกมาก ทรัมบูลส่งสัญญาณเสียงมายังแบนนิ่ง เจ้าหน้าที่ MI6 แจ็คเคอลิน มาร์แชลล์ จับสัญญาณเสียงไว้ได้ ทรัมบูลจะส่งทีมเดลต้ามาช่วยเหลือแอชเชอร์และแบนนิ่ง แต่ทว่าฝ่ายก่อการก็ดักจับสัญญาณได้เหมือนกัน และส่งกลุ่มมือปืนมาชิงตัวประธานาธิบดี มาร์แชลล์หลบหนีไปยังกองอำนวยการ ในขณะที่แบนนิ่งและแอชเชอร์ตั้งรับกลุ่มที่มาชิงตัว และสามารถสังหารคนในกลุ่มดังกล่าวได้ทั้งหมด แบนนิ่งพาแอชเชอร์หนีไปในรถหุ้มเกราะ มุ่งหน้าไปยังสถานทูต ทว่ากลุ่มผู้ก่อการคอยดักซุ่มอยู่ แบนนิ่งขับรถฝ่ามาได้แต่ก็ถูกชนเข้าอย่างจัง กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ตัวประธานาธิบดีไป ส่วนแบนนิ่งได้รับการช่วยเหลืออย่างเฉียดฉิวจากทีมช่วยเหลือ
ทรัมบูลตรวจพบตึกที่คาดว่าน่าจะเป็นศูนย์ปฏิบัติการก่อการร้ายในลอนดอน จากอัตราการใช้ไฟฟ้าที่พุ่งทะลุชาร์ต ทั้งๆ ที่เป็นตึกที่ไม่มีคนอยู่ มาร์แชลล์ไปถึงกองอำนวยการ และช่วยเหลือทีมในการแก้ไขให้ระบบต่างๆ กลับมาใช้งานได้ ทั้งยังช่วยปิดระบบไฟฟ้าของกลุ่มผู้ก่อการร้าย ในขณะที่แบนนิ่งและทีมเดลต้า บุกเข้าไปชิงตัวประธานาธิบดี แต่มีกลุ่มผู้ก่อการอยู่ในตึกจำนวนมาก แบนนิ่งจึงลอบเข้าไปในตึกเพียงลำพัง และให้ทีมเดลต้าระดมยิงดึงความสนใจเอาไว้ โดยทิ้งรีโมตบางอย่างไว้กับหัวหน้าทีม แบนนิ่งติดตั้งระเบิดไว้กับระแบบแก๊สและบุกเข้าชิงตัวประธานาธิบดีอย่างลับๆ ก่อนที่เครื่องปั่นไฟของกลุ่มผู้ก่อการจะใช้ได้และเปิดเผยตัวแบนนิ่ง เขาพยายามบุกเข้าชิงตัวประธานาธิบดีและช่วยเหลือไว้ได้อย่างฉิวเฉียด ก่อนที่แอชเชอร์จะถูกสังหารถ่ายทอดสด สุลต่านเสียชีวิต ในขณะที่คามรานรอดไปได้ คามรานระดมคนมายิงต้านแบนนิ่งกับแอชเชอร์เอาไว้ ทั้งสองคนพยายามยิงต้านจนกระสุนหมด แบนนิ่งวิทยุบอกหัวหน้าทีมเดลต้าให้กดรีโมต ระเบิดทำให้แก๊สในตึกติดไฟและระเบิดออก แบนนิ่งและแอชเชอร์หนีลงไปในปล่องลิฟต์ว่างๆ และรอดชีวิตจากระเบิดมาได้ ในขณะที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายเสียชีวิตทั้งหมด
มาร์แชลพบว่า รหัสที่ผู้ก่อการใช้ในการปิดระบบทั้งหมดของลอนดอน เป็นรหัสของจอห์น แลนแคสเตอร์ ผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับ MI5 ที่หายตัวไปเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย แต่เขาไม่รอบคอบพอ และถูกมาร์แชลตามเจอในเวลาไม่นาน มาร์แชลขอให้เขามอบตัว แต่จอห์นคิดยิงต่อสู้ จึงถูกมาร์แชลวิสามัญ ในเวลาต่อมาบาคาร์วีได้รับโทรศัพท์ดาวเทียม ซึ่งถูกโทรมาจากโทรศัพท์ดาวเทียมของคามราน ปลายสายเป็นรองประธานาธิบดีทรัมบูล สัญญาณโทรศัพท์เปิดเผยตำแหน่งของเขา ชั่วครู่หลังจากนั้น ขีปนาวุธพิสัยไกลก็พุ่งลงยังตำแหน่งของบาคาร์วี ปิดฉากชีวิตของพ่อค้าอาวุธและกลุ่มผู้ก่อการบริเวณนั้น หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ ลอนดอนเริ่มฟื้นตัวจากการโจมตีและการบูรณะเมืองได้เริ่มขึ้นแล้ว ลูกของแบนนิ่งคลอดอย่างปลอดภัยและกลับมาอยู่บ้านแล้ว แอชเชอร์อนุมัติให้เขาได้หยุดเพิ่มอีกหลายวัน ในขณะที่เขายกเลิกเอกสารลาออกที่พิมพ์ไว้ก่อนหน้านี้
ในภาคนี้ เนื้อเรื่องได้เปลี่ยนสเกลจากสถานที่เดียวอย่างทำเนียบขาวในภาคแรก มาเป็นทั้งเมืองลอนดอน เมืองหลวงแห่งเกาะอังกฤษ แน่นอนว่าเมื่อสเกลของสถานที่ใหญ่ขึ้น ทั้งเนื่องเรื่องและฉากแอ็คชั่นต่างๆ ก็ย่อมต้องใหญ่ตามไปด้วย เมื่อมีรายละเอียดเยอะ ความสมจริงและสมเหตุสมผล จึงเป็นประเด็นหลักที่ภาพยนตร์ควรจะต้องให้ความใส่ใจ แต่ในภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องนี้ กลับสอบตกในหลายๆ จุด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่ดูจะเวอร์เหนือจริงไปบ้าง อย่างการก่อวินาศกรรมทั้งเมืองโดยที่เจ้าหน้ารัฐไม่ระแคะระคาย การที่ผู้ก่อการร้ายจำนวนมากแทรกตัวเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐโดยที่ไม่มีใครรู้ การลอบสังหารผู้นำหลายประเทศประหนึ่งรู้ล่วงหน้าถึงตำแหน่งของผู้นำแต่ละคน ผู้นำหลายๆ คนก็ทำตัวน่าถูกสังหาร ทำตัวเป็นเป้านิ่ง ทั้งๆ ที่อยู่ในสถานการณ์ที่ดูไม่ปกติ แบนนิ่งเองก็สามารถสู้กับผู้ก่อการร้ายเป็นกองทัพได้อย่างไม่ยากเย็น (อันนี้เทพมาตั้งแต่ภาคแรก สงสัยจะเปิด God Mode) ด้วยความไม่สมเหตุสมผลหลายๆ อย่างในจุดนี้ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเสียงวิจารณ์ที่ไม่ค่อยจะรื่นหูนัก กลุ่มนักวิจารณ์บางกลุ่มนี่ก็เหลือเกิน มีการประชดด้วยการให้ 0 เลยก็มี (อันนี้ตามไปดูใน IMDB ได้นะจ๊ะ)
ส่วนของเนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก อันที่จริงออกจะคล้ายกับภาคแรกอยู่กรายๆ ด้วยซ้ำ เพียงแต่สเกลงานใหญ่กว่ามาก แต่การคลี่คลายปมปริศนาต่างๆ กลับดูรวดเร็วและง่ายดายเสียเหลือเกิน จนขาดความตื่นเต้นในลักษณะของการสืบสวนสอบสวนไป เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ขนาดเสน่ห์ที่ไม่ควรขาด ก็แหม ทำแผนวินาศกรรมลอบสังหารผู้นำทั่วโลกได้ในคราวเดียว และแนบเนียนขนาดไม่มีใครจับได้ ไม่มีใครรู้ใครเห็น ไม่มีใครระแคะระคายอะไรเลย แล้วทำไมถึงมาพลาดและถูกโต้กลับเอาดื้อๆ อย่างนั้น อย่างไรก็ตาม แม้จะสอบตกหลายจุด แต่หนังก็ยังมีการใส่เนื้อเรื่องส่วนอื่นๆ เข้ามา ที่ต้องถือว่าสอบผ่านอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นมุมครอบครัว ความเป็นพ่อของแบนนิ่งที่ดูตื่นเต้นจนตื่นตระหนก ดูน่ารักแบบเถื่อนๆ ดี มุมคนเป็นพ่ออย่างแบนนิ่งและแอชเชอร์ที่นั่งคุยกันว่าจะสอนลูกยังไง หรือภายในห้องคลี่คลายสถานการณ์ของทรัมบูล ที่ทุกคนในห้องดูเป็นมนุษย์ที่ทำงานภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียดจริงๆ ไม่ได้มานั่งเคร่งขรึมใส่กัน
(อ่านต่อด้านล่างจ้า)
[CR] Review: London Has Fallen / ภาพยนตร์วินาศกรรมกรุงลอนดอนที่ไม่มีใครระแคะระคายอะไรเลย กับภาพหนังสวยๆ และพระเอก God Mode
สเกลเนื้อเรื่องยิ่งใหญ่อลังการ งานภาพสวยมากๆ งานฉากเนียนกริบ มีการเปลี่ยนโฟกัสในระยะชัดตื้นที่แม่นยำ พร้อมมุมกล้องที่หลากหลาย Long Take เร้าใจและลื่นไหล อารมณ์นักแสดงมาเต็ม ลำดับภาพน่าตื่นเต้น เทคนิคพิเศษและงาน CGI ระดับคุณภาพ ดนตรีเร้าใจ
สเกลเนื้อเรื่องใหญ่เกินไป ทำให้งานบทขาดความสมเหตุสมผล และคาดเดาได้ในหลายๆ จุด การเลือกระเบิดสถานที่ต่างๆ มีเยอะจนเกร่อ ตัวเอกเก่งและอึดเกินมนุษย์ไปสักหน่อย งาน CGI ยังมีลอยอยู่บ้าง โดยเฉพาะช็อตระเบิดต่างๆ และการไล่ล่าทางเฮลิคอปเตอร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เหมาะกับคอหนังแอ็คชั่นเป็นที่สุด มาครบทั้งระเบิดตึก ล้มเสา เผาฮอ พร้อมซีนยิงกันแบบนอนสต็อป พร้อมงานภาพที่สวยติดตา อย่างไรก็ตาม บทภาพยนตร์จะมีจุดที่ไม่สมเหตุสมผลและเวอร์หลุดโลกอยู่บ้าง แต่ถ้าคุณไม่แคร์ ก็ถือเป็นหนังสนุกๆ อีกเรื่องเลยล่ะ
Rating
Screenplay...............B-
Casting/Acting..........A-
Cinematography........A
Video Editing............A-
Visual Effects...........B+
Score & Music...........B
Overall Rating.........B+
ภาพยนตร์เรื่อง London Has Fallen น่าจะเป็นภาพยนตร์ที่หลายๆ คนตั้งตาคอยชม ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น เนื่องจากติดใจในความบ้าระห่ำของภาคแรก Olympus Has Fallen ที่แม้จะวนเวียนกันอยู่แค่ภายในทำเนียบขาว แต่ก็สามารถออกแบบภาพยนตร์ได้มันหยดขนาดนั้น ภาคต่อที่เพิ่มสเกลให้ใหญ่ขนาดลอนดอน เมืองหลวงของเกาะอังกฤษ ก็คงต้องมันไม่แพ้กันเป็นแน่ ซึ่งสำหรับคอหนังแอ็คชั่น ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง ด้วยกระสุนปลิวว่อน เปลวไฟอันร้อนแรงพร้อมเสียงตูมตาม กับการระเบิดตึก ทะลายเสา เผาเฮลิคอปเตอร์ ไหนจะฉากแอ็คชั่นที่ดุเดือดเลือดพล่านกว่าภาคแรกหลายขุม พร้อมลูกบ้าของตัวเอกที่เก่งปานเปิด God Mode ในเกมชู๊ตติ้ง ทำให้ภาพยนตร์โดยรวมออกมามันหยดไม่แพ้ภาคแรก อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านต้องการอรรถรสในความสมจริง ความสมเหตุสมผล และอารมณ์ดราม่า ท่านอาจจะต้องผิดหวังอยู่ไม่น้อย เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้สมบูรณ์ตามสเกลของหนังที่ใหญ่ขึ้นเลย นี่จึงกลายเป็นจุดบอดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งส่งผลให้ได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่ค่อยรื่นหูสักเท่าไหร่ ทว่าแม้จะมีจุดบอดในส่วนของบท ก็ยังมีส่วนที่น่าชื่นชมอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นงานฉากที่สมจริง การรังสรรค์งานภาพที่สวยงามด้วยทักษะกล้องขั้นเทพ งาน CGI ระดับคุณภาพ ที่แม้จะมีลอยๆ อยู่บ้าง (โดยเฉพาะซีนระเบิดต่างๆ) แต่โดยรวมก็ดูดี รวมถึงเหล่านักแสดงสมทบ ที่ดูเป็นมนุษย์จริงๆ มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เอาแต่นั่งมาดตามสไตล์เจ้าหน้าที่ระดับสูง เอาล่ะ เราจะไล่กันไปทีละส่วนนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในภาคนี้ เนื้อเรื่องได้เปลี่ยนสเกลจากสถานที่เดียวอย่างทำเนียบขาวในภาคแรก มาเป็นทั้งเมืองลอนดอน เมืองหลวงแห่งเกาะอังกฤษ แน่นอนว่าเมื่อสเกลของสถานที่ใหญ่ขึ้น ทั้งเนื่องเรื่องและฉากแอ็คชั่นต่างๆ ก็ย่อมต้องใหญ่ตามไปด้วย เมื่อมีรายละเอียดเยอะ ความสมจริงและสมเหตุสมผล จึงเป็นประเด็นหลักที่ภาพยนตร์ควรจะต้องให้ความใส่ใจ แต่ในภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องนี้ กลับสอบตกในหลายๆ จุด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่ดูจะเวอร์เหนือจริงไปบ้าง อย่างการก่อวินาศกรรมทั้งเมืองโดยที่เจ้าหน้ารัฐไม่ระแคะระคาย การที่ผู้ก่อการร้ายจำนวนมากแทรกตัวเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐโดยที่ไม่มีใครรู้ การลอบสังหารผู้นำหลายประเทศประหนึ่งรู้ล่วงหน้าถึงตำแหน่งของผู้นำแต่ละคน ผู้นำหลายๆ คนก็ทำตัวน่าถูกสังหาร ทำตัวเป็นเป้านิ่ง ทั้งๆ ที่อยู่ในสถานการณ์ที่ดูไม่ปกติ แบนนิ่งเองก็สามารถสู้กับผู้ก่อการร้ายเป็นกองทัพได้อย่างไม่ยากเย็น (อันนี้เทพมาตั้งแต่ภาคแรก สงสัยจะเปิด God Mode) ด้วยความไม่สมเหตุสมผลหลายๆ อย่างในจุดนี้ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเสียงวิจารณ์ที่ไม่ค่อยจะรื่นหูนัก กลุ่มนักวิจารณ์บางกลุ่มนี่ก็เหลือเกิน มีการประชดด้วยการให้ 0 เลยก็มี (อันนี้ตามไปดูใน IMDB ได้นะจ๊ะ)
ส่วนของเนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก อันที่จริงออกจะคล้ายกับภาคแรกอยู่กรายๆ ด้วยซ้ำ เพียงแต่สเกลงานใหญ่กว่ามาก แต่การคลี่คลายปมปริศนาต่างๆ กลับดูรวดเร็วและง่ายดายเสียเหลือเกิน จนขาดความตื่นเต้นในลักษณะของการสืบสวนสอบสวนไป เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ขนาดเสน่ห์ที่ไม่ควรขาด ก็แหม ทำแผนวินาศกรรมลอบสังหารผู้นำทั่วโลกได้ในคราวเดียว และแนบเนียนขนาดไม่มีใครจับได้ ไม่มีใครรู้ใครเห็น ไม่มีใครระแคะระคายอะไรเลย แล้วทำไมถึงมาพลาดและถูกโต้กลับเอาดื้อๆ อย่างนั้น อย่างไรก็ตาม แม้จะสอบตกหลายจุด แต่หนังก็ยังมีการใส่เนื้อเรื่องส่วนอื่นๆ เข้ามา ที่ต้องถือว่าสอบผ่านอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นมุมครอบครัว ความเป็นพ่อของแบนนิ่งที่ดูตื่นเต้นจนตื่นตระหนก ดูน่ารักแบบเถื่อนๆ ดี มุมคนเป็นพ่ออย่างแบนนิ่งและแอชเชอร์ที่นั่งคุยกันว่าจะสอนลูกยังไง หรือภายในห้องคลี่คลายสถานการณ์ของทรัมบูล ที่ทุกคนในห้องดูเป็นมนุษย์ที่ทำงานภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียดจริงๆ ไม่ได้มานั่งเคร่งขรึมใส่กัน
(อ่านต่อด้านล่างจ้า)