พัฒนาการและการต่อยอด ของ "หลิวเต๋อหัว" และ "โจวซิงฉือ"

ช่วงนี้ (อาจจะต่อไปข้างหน้า)  บ้านเราอาจจะชมหนังจีนกันมากขึ้น ทั้งในโรงและลงแผ่น เหตุผลเพราะอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของจีน(แผ่นดินใหญ่)กำลังเติบโตอย่างพรวดพราด (ดูได้ใน boxoffice mojo # china)  แต่บุคลากรในวงการกลับกลายเป็นบุคคลที่บ้านเราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี ทั้ง ดารา นักแสดง ผู้กำกับ ล้วนมาจากเกาะฮ่องกง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำให้หนังจีนฮ่องกงลือลั่นมาแล้วทั่วโลก  พอปี 1997 ฮ่องกงกลับไปอยู่ภายใต้การปกครองของจีน(แผ่นดินใหญ่) ก็พากันพาเหรดไปสร้างปรากฏการณ์ใน HOOLYWOOD อีก  .. สายนักแสดง  เฉินหลง หลี่เหลี๋ยนเจี๋ย(เจท ลี) โจวเหวินฟะ  สายผู้กำกับ จอร์น วู อั้งลี่ สายผู้กำกับคิวบู้  หงจินเป่า หยวนวูปิง  สายออกแบบคิวบู้ เจิ้นจื่อตัน(ดอนนี่ เยน)  และอีกมากมาย .. แต่จะไม่กล่าวถึงบุคคลที่ว่ามา จะว่าเฉพาะ "หลิวเต๋อหัว" และ "โจวซิงฉือ"  สองนักแสดงผู้มุ่งมั่นและพลักดันให้ "หนังจีน" (ทั้งจีนฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่) ยืนอยู่บนตลาดโลกให้จงได้

1.ก่อเกิดซูเปอร์สตาร์ระดับ A List  
.. หลิวเต๋อหัว พอจบปัญหากับค่ายละคร TVB แล้ว  ในปี 1988 ได้มุ่งมั่นเข้าสู่วงการภาพยนตร์ เป็นพระเอกเต็มตัวกับหนังเล็กๆ ทุนต่ำๆ ในหนังทุกแนว (ใครจ้าง กรุเอาหมด) แต่ทว่ากลับประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง  หนังรักโรแมนติก/คอมมาดี้  the Crazy Companise 1,2  บริษัทยุ่งแล้วรวย ภาค 1,2   หนังดราม่าหนักๆ the Truth  ดวงใจแม่ เพชรแท้ทุบไม่แตก  ล้วนทำเงินติดอันดับ boxoffice  และหนังแนวแก๊งสเตอร์  As Tears Go By ทะลุกลางอก ก็ทำให้หลิวเข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทอง สาขานักแสดงนำยอดเยี่ยมในปีนั้นด้วย  ปรากฎการณ์หลิวเต๋อหัวได้อุบัติขึ้น  หลิวกลายเป็นเจ้าชายแห่งวงการภาพยนตร์ในทันที ได้รับฉายา Knight of Movie  เป็นรองแค่ king of Movie อย่างเฉินหลง กับโจวเหวินฟะ เท่านั้น
..โจวซิงฉือ  จากละคร TVB  เรื่อง The Final Combat (ปี 1989) หรือ จอมยุทธ สะท้านยุทธจักร  ละครแนวโอเวอร์แอ๊คติ้ง ตลกโปกฮา ซึ่งเกิดจาการครีเอทของโจวซิงฉือเอง  กระแสโจวซิงฉือจึงมาแรงมาก ประจวบเหมาะกับหนังเซียนพนันอย่าง  God of Gamblers (ปี 1989) คนตัดคน 1 ดังกระหึ่มไปทั่วเอเชีย ผู้สร้างหนังจึงได้ไอเดียอยากจะสร้างหนังล้อเลียนหนังดังเรื่องนี้  จึงได้เอาโจวซิงฉือมาแสดงใน All for the Winner คนตัดเซียน (ปี 1990) และก็ประสบความสำเร็จแบบท่วมท้น กลายเป็นหนังอันดับ 1 boxoffice ปี 1990 เลยทีเดียว (ชนะ คนตัดคน 2 ไปแค่ล้านเดียว อิอิ) ยัง .. ยังไม่พอ  ผู้สร้างเล็งเห็นผลต่อไปอีก นำหนังแนวจริงจังซีเรียสผสมกับหนังตลกโปกฮาไว้ในเรื่องเดียวกัน จึงก่อกำเนิดโคตรเซียนน้อย (จริงจัง ซีเรียส) ปะทะ ยอดเซียน(ตลกโปกฮา) ใน คนตัดคน 2 ซึ่งก็ไม่ต้องบรรยายเลยว่า ปัง ปัง ขนาดไหนไปทั้งเอเชีย  ปรากฏการณ์หนังตลกสไตล์โจวซิงฉือได้อุบัติขึ้น เป็นหนังแนวใหม่ซึ่งเป็นที่ถูกตลาดอย่างยิ่ง

2.สร้างความสำเร็จในแบบของตัวเอง
.. หลิวเต๋อหัว  ท่ามกลางหนังกระแสหลักของฮ่องกง แอ๊คชั่น มาเฟีย เจ้าพ่อถล่มเจ้าพ่อ ระเบิดภูเขา เผากระท่อม  หลิวเต๋อหัว เลือกที่จะฉีกหนังสเกลใหญ่ๆออกไป มาเน้นหนังสเกลเล็กๆ สร้างตัวละครตัวหนึ่งออกมาเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง แล้วบวก ลบ คูณ หาร เรื่องราวต่างๆลงในตัวละครตัวนั้น ซึ่งมีทั้ง รักโรแมนติก ดราม่า แอ๊กชั่น มายำรวมกันในเรื่องเดียวกัน ซึ่งมันก็คือการต่อยอดจากหนังที่หลิวประสบความสำเร็จในปี 1988 นั้นเอง ( the Crazy Companise , the Truth  , As Tears Go By ) เกิดเป็นสูตรสำเร็จที่ลงตัว  "Heroic Gangster" หนังสไตล์หลิวเต๋อหัว  กับภาพยนตร์ระดับตำนานขวัญใจวัยรุ่น  A Moment of Romance  ผู้หญิงข้า ใครอย่าแตะ (1990)  ที่โด่งดังไปทั่วเอเชีย   หลิวเต๋อหัวกลายเป็นปรากฎการณ์ ไอดอล คนแรกของเอเชีย ซึ่งยังเป็นตำนานที่ไม่รู้จบจนถึงทุกวันนี้
.. โจวซิงฉือ  พอโด่งดังเป็นพลุแตกจาก คนตัดเซียน และ คนตัดคน 2 แล้ว  อาซิงได้เป็นพระเอกแบบเดี่ยวๆ โดยไม่ต้องอาศัยบารมีใครอีกใน Fight Back to School (1991) คนเล็กนักเรียนโต 1,2,3  ซึ่งก็ boom อีกเช่นเคย  แต่มันก็เริ่มสาละวันเตี้ยลง หนังตลกเลอะเทอะของอาซิง หากแสดงกันเกร่อสักวันผู้ชมคงต้องเบื่อ โจวซิงฉือจึงเลือกหนังแนวทางเฉพาะของตัวเองขึ้น คือ หนังตลกล้อเลียน  Chow's comedies  หรือ หนังตลกสไตล์โจวซิงฉือ ล้อเลียนมันทุกเรื่อง ทั้งวรรณกรรม ตัวละคร อย่างเช่น อุ้ยเสี่ยวป้อ ยากจกซู จี้กง ไซอิ๋ว  แม้กระทั้ง เจมส์ บอร์น 007 อาซิงก็นำมาล้อในหนัง สายลับ คั้ง คั้ง ฉิก

3.เปลี่ยนสถานะจากนักแสดง สู่ ผู้สร้าง ผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับ
.. หลิวเต๋อหัว ได้ก่อตั้งบริษัทผลิตหนังขึ้นในปี 1991  Teamwork Motion Pictures Limited  พอปี 2002 ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Focus Group Holdings Limited ได้สร้างหนังระดับตำนานหลายเรื่อง เช่น ตายกี่ชาติ ก็ขาดเธอไม่ได้  คนบินเทวดา  ทั้งเปิดโอกาสให้ผู้กำกับรุ่นใหม่ๆมาขอทุนทำหนัง ประมาณว่าใครมีไอเดีย แต่ไม่มีทุน มาขอหลิวเต๋อหัวทำหนังได้เลย และที่เซอร์ไพร์มากๆ คือ ดาราประจำค่าย Teamwork หรือ  Focus Group ก็คือ กัวฟู่เฉิง นั้นเอง
.. โจวซิงฉือ ได้เริ่มกำกับหนังเองตั้งแต่ปี 1993 กับหนังล้อเลียนตัวละครในวรรรกรรมชื่อดังนาม  ถังไปหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ  สายไม่ลับ คั้ง คั้ง ฉิก ,สายไม่ลับ คั้ง คั้ง โป้ย ฯลฯ

4.ยืนหยัดต่อสู้ เพื่อหนังจีน
.. หลังปี 1997 เกาะฮ่องกงกลับคืนไปอยู่ภายใต้การปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่ ดารา ผู้กำกับ ระดับแถวหน้าของวงการหนังฮ่องกงต่างพาเหรดไปทำมาหากินในฮอลลีวู้ดกัน  
.. หลิวเต๋อหัว  พยายามปลุกปั้นหนังฮ่องกงให้กลับมารุ่งเรืองเหมือนในอดีต โดยเฉพาะหลิวเต๋อหัว ที่พยายามทั้งสร้างภาพยนตร์ สร้างผู้กำกับรุ่นใหม่ สร้างนักแสดงขึ้นมาแทนดารารุ่นพี่ๆที่อายุอานามมากแล้ว  กัวฟู่เฉิง เจิ้งอี้เจี้ยน กู่เทียนเล่อ จางเจียฮุย เฉิงฉิงอู่ ได้รับพลักดันให้เป็นพระเอกรุ่นใหม่ของวงการ  หลิวลดบทบาทพระเอกของตัวเองเป็นเพียงดาราสมทบ  ถึงขนาดถูก เจิ้งอี้เจี้ยน แทงตายใน พายุดาบดวลสะท้านฟ้า หรือต้องพ่ายแพ้ความรักให้กับ เฉิงฉิงอู่ ในจอมใจบ้านมีดบิน  แต่ดารารุ่นน้องๆก็ไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ หลิวเต๋อหัว จึงกลับมาเป็นพระเอกอีก และก็สร้างปรากฎการณ์ให้วงการภาพยนตร์กับหนังรักโรแมนติก Needing You , Love on a Diet  ที่ทำเงินถล่มถลายที่ฮ่องกง และมหากาพย์หนังตำนานระดับโลกอย่าง Infernal Affairs
.. โจวซิงฉือ  ทั้งเขียนบท โปรดิวซ์ และกำกับหนัง และก็ส่งให้หนัง Shaolin Soccer กระหึ่มไปทั่วเอเชีย และส่ง Kung Fu Hustle ดังไกลไปทั่วโลก

5.ก้าวใหม่ในเงื้อมมือ จีน(แผ่นดินใหญ่)
.. หลิวเต๋อหัว ยังคงเป็นนักแสดง ผู้อำนวยการสร้าง โปรดิวเซอร์  และล่าสุดอำนวยการสร้างหนังให้ หงจินเป่า กำกับและแสดงนำ The Bodyguard จะฉายในจีนแผ่นดินใหญ่เดือนเมษา 59 นี้
.. โจวซิงฉือ  หันมาเอาดีในฐานะผู้กำกับ ผู้สร้าง  ล่าสุดสร้างและกำกับหนัง The Mermaid  เงือกสาว ปัง ปัง ที่ทำเงินถล่มเมืองจีนจะ 500 ล้านดอลลาร์ us แล้ว (boxoffice mojo) หวังไว้ซักวันจะได้เห็นเฮียโจวมาแสดงหนังให้เป็นบุญตาอีกครั้ง

สู้ๆนะค่ะ  ไอดอล ฮีโร่ ผู้ชายในฝัน ตำนานเดินได้  ของผู้เขียน >>
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่