อะไรคือเส้นแบ่งระหว่าง พ่อแม่ที่ทำตัว "เป็นพรหมของลูก" กับ "เป็นเจ้าชีวิต"

ของเรารู้สึกว่าเป็นแบบหลัง เหมือนตั้งตัวเองขึ้นมาเป็นสมมุติเทพของครอบครัว คือมีอาการประมาณนี้

* สั่งอะไรเหมือนบังคับเรากลาย ๆ ว่าเราไม่มีทางเลือกนะ ต้องทำตามที่ข้าสั่งเท่านั้น ไม่งั๊น จะมีดราม่า ก่นด่าตะคอกใส่ ให้ได้ยินไปถึงซอยถัดไป พร้อมขุดเรื่องในอดีตชาติของเราในแง่ลบมาพูดถึง ล่าสุดตั้งแต่เรื่องที่เราพูดเพราะขาดทักษะประสบการณ์การเข้าสังคมตอน 6-7 ขวบ ยังเอามาพูดถึง

* ปฎิเสธคำสั่ง หรือแสดงความคิดเห็นหรือวิจารณ์การทำหน้าที่ของพ่อแม่ไม่ได้ ไม่มีการชี้แจงใด ๆ และจะมีการเปิดประเด็นว่าเราเป็นคนเนรคุณ กำลังกระทำการอกตัญญูอยู่ แล้วแบบนี้ ตัวท่าน ๆ เองจะพัฒนาในบทบาทการเป็นพ่อแม่คนได้อย่างไร ในเมื่อไม่เปิดใจ หรือจะรอฟังจากคนข้างบ้าน? เคยบ่น ๆ กับพ่อ เรื่องการที่แม่เป็นคนอารมณ์ร้อนและปากร้ายกับลูก อาจจะสร้างปัญหาให้ครอบครัว คำตอบที่ได้คือ การพาหลงประเด็น แกบอกว่าแม่เป็นคนดียังไง ทำไมแกถึงเลือกแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้... แบบว่า มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรขึ้นมาเลย แปลเป็นภาษา สุภาพคือ "ก็ไม่รู้สิ ถึงแกเป็นแบบนี้ พ่อคิดว่าแกก็เปนคนดี เพราะฉะนั้นเป็นหุ่นยนต์ให้ท่านแม่บัญชาต่อไปเถอะลูกเอ๋ย"

* ส่งเสริมให้ลูกออกไปเปิดประสบการณ์เรียนรู้โลกภายนอกนะ จากที่พ่อชอบพูดว่า ส.ป.ช. ๆ แต่ถ้าออกไปเที่ยวกับเพื่อน กลับมาเล่าให้แม่ฟังว่าเราไปไหนมาบ้าง จะเกิด Reaction ที่ขัดแย้งกับข้อความข้างต้น เพราะจะถูกแม่ขุดเรื่องนี้มาแขวะทุกทีที่มีโอกาส หรือไม่มีโอกาสแต่แกสร้างโอกาสขึ้นมาเอง เช่นใช้วลีประมาณว่า "แห่ไปกับเขา" ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่คนเที่ยวบ่อย ๆ... แต่เหมือนเขาจะแฮปปี้มากถ้าลูกอยู่ช่วยงาน ก.พ.อ. (งานปัดกวาดเช็ดถู ทำความสะอาด แม่บ้าน) ที่ไม่มีวันจบ เพราะการ Organize ที่แย่ และนิสัยชอบสะสมของของคนในบ้านที่ไม่ใช่ผม แล้วผมจะเอาเวลาที่ไหนไปพัฒนาตัวเองหรือเปิดหูเปิดตาดูโลกภายนอก อยู่มาจนอายุ 30 รู้สึกว่ามีอย่างเดียวที่พัฒนาคือสกิลอาชีพพ่อบ้าน รับจ้างทำความสะอาด ที่ยังไม่เคยได้ใช้ทำงานแลกเงิน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่