เราอยากทิ้งทุกอย่าง แล้วทำตามความฝันของเรา .

อย่าถามเราเลยนะว่าความฝันเราคืออะไร คือเราไม่กล้าบอก พอเราบอกใครไปก็หัวเราะกันหมดอ่ะ สมมุตว่าอยากเป็นเซเลอร์มูนก็ได้ค่ะ.

เราสอบติดการบิน คะแนนสูงจนเราเองก็ตกใจว่าเราทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ คือแว๊บแรกที่เห็นเราก็ดีใจอ่ะ ภูมิใจในความสามารถของตัวเอง พ่อแม่ก็ภูมิใจ ตอนแรกเราอยากมาเรียนที่ ม. นี้ (ขอไม่เอ่ยชื่อนะ) เพราะบรรยากาศสวยงาม ที่สำคัญคือเรียนทั้งหมดเป็นอังกฤษเราชอบตรงนี้ เลยดื้อมาเรียนทั้งที่พ่อแม่อยากให้เราเรียน มช. แต่สุดท้ายพอเราติดที่นี่ ติดการบิน พ่อแม่ก็เริ่มเห็นอนาคตที่ดีงาม ยิ่งเห็นคะแนนสอบพ่อแม่ก็ยิ่งดีใจ ทุกคนรู้ว่าค่าเทอมแพง แต่ทุกคนตกลงกันว่าจะสู้

แต่ว่า ตอนที่สอบติดอ่ะ พอความดีใจมันหายไป เราก็คิดถึงสิ่งที่เราอยากเป็น เรามีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจนมาก ชัดเจนมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าเราอยากเป็นอะไร เราไม่เคยเปลี่ยนเลย เราอยากเป็นอยู่อย่างเดียว แต่พ่อแม่ไม่เห็นด้วยเลย ตอนเราเด็กๆ พวกท่านก็คิดว่าเราเพ้อฝัน มันเป็นอะไรที่เด็กผู้หญิงหลายๆ คนอยากจะเป็นอยู่แล้ว แต่พอโตขึ้น เราก็ยังอยากจะเป็นอย่างเดิม แล้วเราก็ฝึกฝนมาตลอด จากคนที่ไม่มีพรสวรรค์ เรากลายเป็นดาวเด่นในเรื่องนี้ พ่อแม่บอกว่าเรียนเถอะ อนาคตจะได้สบาย อย่ามาจมปรักกับอะไรพวกนี้เลย เราก็โอเค ถือว่าความฝันเรามันเป็นกิจกรรมอะไรสักอย่างก็ได้ ทำควบคู่ไปกับการเรียน กิจกรรมที่เราทำอย่างมีความสุขที่สุดเวลาว่างจากการเรียน แต่พอโตขึ้น เมื่ออนาคตมันใกล้เข้ามา เราก็ยิ่งกลัว เราไม่เคยอยากจะเป็นแอร์หรืออะไรในสนามบินเลย แต่เราหนีไปสอบการบินเพราะอย่างน้อยเราก็ถนัดอังกฤษมากกว่า เราไม่อยากเรียน มช. ไม่อยากเลย เราไม่สามารถตั้งใจเรียนได้เหมือนคนอื่นๆ ที่สำคัญคือการบินเป็นคณะที่เราคิดว่าทำใจเรียนได้มากที่สุดแล้ว ภาษาอังกฤษมันคงสนุกดี เรียนกับฝรั่ง บางทีเราอาจจะทำใจให้ชอบได้

แต่เปล่าเลย พ่อเราโกรธมาก ตอนที่เราบอกพ่อว่าเราไม่อยากเรียนการบินแล้ว สละสิทธิ์เถอะ สอบอย่างอื่นใหม่ ขอไปเรียนสิ่งที่อยากจะเป็นเถอะพ่อ แต่เราเป็นความหวังเดียวของท่าน แล้วสิ่งที่เราเลือกมันต้องทำสำเร็จเท่านั้น ถ้าไม่สำเร็จก็คืออนาคตดับเลย พ่อเราไม่ยอมแน่ เราก็เลยคิดใหม่ กลับมาคิดแบบเดิมอีกรอบ การบินเป็นคณะที่เราคิดว่าทำใจเรียนได้มากที่สุดแล้ว ภาษาอังกฤษมันคงสนุกดี เรียนกับฝรั่ง บางทีเราอาจจะทำใจให้ชอบได้ พอเราได้มาเรียน มันก็โอเคนะ เราได้รู้ว่าชีวิตในสนามบิน บนเครื่อง การทำงาน บลาๆๆๆ มันเป็นยังไง ก็น่าสนุกดี เราก็ทำใจให้ชอบได้ในช่วงแรกๆ ที่ ม. มีเครื่องบินมาใหม่ เราก็ไปถ่ายรูปกับเครื่องบินส่งให้พ่อแม่ "เดี๋ยวลูกจะได้เรียนกับเครื่องบินลำนี้นะ" มันก็เป็นความสุข เป็นความภูมิใจเล็กๆ ที่พอกดส่งรูปให้พ่อแม่ไปแล้ว พ่อแม่ส่งสติ๊กเกอร์น่ารักๆ มาให้กำลังใจ

เวลาผ่านไป เมื่ออนาคตมันใกล้เข้ามา เราก็ยิ่งกลัว... ในระหว่างเรียนการบิน เราก็เข้าร่วมชมรม ทำกิจกรรมที่เราฝันอยากจะทำมาตลอด เราเป็นแนวหน้า ไม่มีใครทำได้แบบเรา เราไม่เคยเรียนมาจากไหน ฝึกมาด้วยตัวเอง 7 ปีเต็ม กับคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว หลายคนที่เห็นความสามารถเราออกปากชม บางคนบอกเรารุ่งมากเลยนะ เราก็มีกำลังใจ สิ่งเดียวเลยที่พ่อแม่เราไม่เคยให้กำลังใจและไม่เคยชมก็คือเรื่องนี้ ตอนอยู่ที่บ้านเรายังทำได้ไม่ดีพอ แต่พอมาระดับมหาลัย ได้เห็นโลกกว้างขึ้น ได้รู้แนวทางที่จะพัฒนาตัวเอง เราก็ดีขึ้น ก้าวมาเป็นแนวหน้า มีความสุขเหลือเกิน เรามีความสุขมาก เรารู้ว่าเราจะพัฒนาตัวเองเพื่อสิ่งนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ ถ้าเราได้ทำงานนี้ เราจะทำมันได้ดีเยี่ยมที่สุด ต่อให้ตอนเริ่มเราจะห่วยที่สุด แต่เราพัฒนาตัวเองแน่ เพราะเราจะไม่ยอมอยู่ท้ายแถวในเรื่องนี้เด็ดขาด เราจะตั้งใจทำงานนี้มาก เพราะเราตั้งใจมาตลอดด้วยตัวเอง ท่ามกลางสายตาดูถูกและคนไม่เห็นด้วย เรื่องนี้เราจะไม่ยอมอ่อนให้ใคร จะต้องดีให้ได้

แต่สุดท้ายมันก็แค่ความฝัน... เพราะเรายังอยู่ตรงนี้ เรียนการบิน. เป็นความหวังให้พ่อแม่ อีกสองปีจะจบแล้ว ได้เวลาออกจากชมรม ออกจากมหาลัย ออกจากเพื่อนฝูง ไปเจอสังคมผู้ใหญ่ สังคมผู้ดีในสนามบิน สังคมสวมสูท สังคมสวยหรูที่เราไม่ได้อยากจะเป็น... เราจะทำยังไงดี ตอนนี้เรายังมีโอกาสจะไปตามฝันเราอยู่ อย่างน้อยอายุก็ยังไม่เกินอ่ะ เราจะทำยังไงดี เราทำทุกๆ อย่างแบบครึ่งๆ กลางๆ มาตลอดเลยอ่ะ ตั้งแต่เราชัดเจนสุดๆ ว่ายังไงนี่ก็ความฝันเดียว เรียนก็ไม่เต็มที่ ทุกวันนี้ยิ่งแย่ลง มันเจาะจงมากว่าจบไปจะไปทำงานที่ไหน พอนึกถึงอนาคตแล้วเรา... ไม่มีความสุขอ่ะ เราอยากจะทำตามฝันเรา ถ้าเราเลือกจะไปทำมันจะผิดมั้ย เราไม่รู้อะไรแล้ว เราพยายามแล้ว แต่เรามีความฝันเดียว ฝันเดียวอ่ะ เห้อ v v ใครก็ได้บอกเราที ขอบคุณค่ะ...
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่