แชร์ประสบการณ์ "การได้รักกับคนที่เราตกหลุมรัก ไม่ได้โชคดีเสมอไป อย่ายึดติดลุ่มหลงให้เสียเวลา"

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราจะมาแชร์ประสบการณ์ความรักของเราค่ะ
ทุกทีเราจะเข้ามาตั้งแต่กระทู้คำถามที่เราไม่สามารถถามคนรอบข้างได้ในพันทิพเป็นเนืองๆ
นอกจากนั้นจะอ่านกระทู้ซะมากกว่าค่ะ
ที่เรามาลงเพราะเรากำลังจะเดินหน้าใหม่ เดินหน้าแบบไม่ลืมอดีต แต่จะเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ
แล้วจะนำมันมาผลักดันตัวเองค่ะ แค่อยากได้กำลังใจจากทุกคนค่ะ
หากผิดพลาดประการใด เราขออภัยไว้ในที่นี้ด้วยนะคะ



(อาจจะมีบางช่วงบางตอนที่เราขอแทนตัวเองว่าอ. และคนรักเก่าของเราว่าพ. นะคะ)


เรื่องราวความรักของเราเริ่มต้นจาก..

เมื่อปี49 เราได้มีโอกาสเจอเด็กผู้ชายคนนึง ซึ่งเป็นเด็กแถวบ้านของเพื่อนผู้ชายในห้องเรียนของเรา
เพื่อนผู้ชายคนนั้นได้มาเป็นแฟนกับเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มค่ะ ด้วยความสงสัยว่าทำไมเราไม่มีแฟน
เพื่อนคนนี้เลยบอกว่าจะแนะนำใครซักคนให้ ตอนนั้นเราคิดว่าเราเพิ่งม.3 เรื่องแบบนี้ไม่สำคัญ
ได้แต่บอกไปว่า “หาไปก็ไม่ได้อะไรหรอก เราไม่สนใจ” เพื่อนผู้ชายคนนี้ก็ยังยืนยันคำเดิม และบอกว่าคอยดู
ช่วงนั้นเป็นช่วงจะขึ้นม.4 เราต้องไปโรงเรียนช่วงปิดเทอมบ่อยมากๆ แทบทุกอาทิตย์
หลังจากทำธุระเสร็จที่โรงเรียน พวกเรามักจะนัดกันไปกินข้าว ดูหนังต่อที่ห้างสรรพสินค้าค่ะ
แล้ววันนั้นก็มาถึง เพื่อนผู้ชายคนนั้นบอกว่า มันได้ชวนน้องๆแถวบริเวณบ้านที่สนิทไปดูหนังด้วย
เราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็บอกว่าแล้วแต่ไป พวกเราสาวๆก็นั่งรถแท๊กซี่ไปรอพวกนั้นที่ร้านข้าวหน้าปากซอยย่านติวานนท์
และแล้วพวกเด็กๆผู้ชายนับ10คนก็เดินกันออกมา ตอนแรกเราก็ไม่ได้สังเกตอะไร
ได้แต่บอกเพื่อนว่าเจอกันที่ห้างเลย เราเพิ่งสั่งโค้กมา เดี๋ยวตามไป และแล้ว..
สายตาของเราจับจ้องไปที่เด็กผู้ชายคนสุดท้ายที่เดินรั้งท้าย คนที่เดินก้มหน้าก้มตาตามเพื่อนๆออกมา
เด็กคนนี้ผมสีน้ำตาลอ่อน ผิวขาว ปากแดง เด่นกว่าใครๆทุกคน ไม่ยากที่จะสังเกตเห็นได้โดยง่าย
อยู่ๆหัวใจของเราก็เต้นแรง เขินอาย ทำตัวไม่ถูก เราเป็นคนไม่เคยเชื่อในรักแรกพบมากก่อนในชีวิต
อาจจะเพราะเรายังเด็กเกินว่าจะคิดเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนั้นเรารู้แค่ว่า เราตกหลุมรักผู้ชายคนนี้อย่างจังไปแล้ว ..


พอไปถึงที่ห้าง เพื่อนก็บอกว่ามีคนจะแนะนำ แล้วก็ดึงเด็กผู้ชายคนนั้นออกมา
คนๆเดียวกับที่เราตกหลุมรัก บอกว่าคนนี้แหละ ชื่อพ. อายุน้อยกว่าพวกเรา2ปี
เราก็อืมๆไป ทำเป็นไม่แคร์ วางท่า เก็บความเขินอายไว้ แต่ข้างในลึกๆ แม่เจ้า อยากจะกรี๊ด 55555555
พวกเราก็กินข้าว ดูหนังกันปกติ (หนังเรื่องแรกของเราคือเรื่อง300ค่ะ) แล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับ
เราตัดสินใจบอกเพื่อนเราว่าเราชอบน้องคนนี้ นี่คือจุดเริ่มต้นของเราสองคนค่ะ ..


หลังจากวันนั้น เราพยายามแอดmsn น้องพ.ไป ด้วยความที่เราเป็นคนเขินอาย และขี้เกรงใจ
เราไม่ค่อยกล้าทักอะไรเค้าไปมาก สามสี่วัน หรือซักอาทิตย์จะทักน้องเค้าไปว่า ”สวัสดี” อย่างมากที่สุดคือ ”ทำอะไรอยู่”
สิ่งที่ได้กลับมาคือ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ 55555555
วันไหนเค้าตอบกลับมา เราจะดีใจลั่นบ้าน ร้องไห้กอดจอคอมอันหนาเต่อะในยุคสมัยนั้น
เรารอพ.ออนเอ็มจนเค้าออฟไลน์ไปทุกวันๆ เป็นแบบนี้ไปซักปีกว่า
แล้วช่วงเวลานั้นก็มาถึงช่วงเวลาปิดเทอม
พ.ได้มาเล่าว่าชอบเพื่อนผู้หญิงคนนึงในห้อง และก็ด้วยความที่ฮอต ก็มีสาวอีกคนมาชอบพ.เหมือนกัน
(ซึ่งสาวคนนี้นิสัยไม่ดีมากๆ รู้ทั้งรู้ อวดเสมอว่ากำลังจะเป็นดารา ทำตัวไม่ดีเลย ตอนนี้เป็นดาราไปแล้ว อยากแฉแต่เดี๋ยวมันดัง 55555555)
ตอนนั้นเราได้เป็นศิราณี ปรับฟัง ให้คำปรึกษา รักสาม-สี่เส้านี้ เราได้แต่ร้องไห้ แต่ก็มักจะหัวเราะให้เค้าเห็น
เราเจ็บมากๆ แต่เราทนได้ เพราะคิดว่าอย่างน้อยเราก็ได้คุยกันมากขึ้น
เราคุยกันทั้งวัน และแทบจะทั้งคืน เราสนิทกันมากขึ้น มากขึ้น สุดท้าย พอเปิดเทอม พ.ก็หายไป


1ปีผ่านไป เรายังคงพยายามหาทางติดต่อพ. ทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่เจอ ทั้งmsn ทั้งhi5
และแล้วเราก็ได้มารู้ว่า เค้ามีแฟนแล้ว ตอนนั้นพ.กำลังจะขึ้นม.4 เรากำลังจะขึ้นม.6 และแฟนพ.อายุเท่าเรา
ผู้หญิงคนนี้หึงและหวงมาก ด้วยความที่พ.มีสาวเยอะ นางเลยบล็อคทุกอย่าง นั้นคือเหตุผลว่าพ.ถึงหายไปเลย
เราเลยเข้าทางแฟนพ. และบอกไปว่า เราชอบพ.นะ แต่เราไม่ได้คิดจะแย่งกับเธอ เราจะคุยและจะติดต่อพ.ให้เธอรับรู้
เราเป็นเพื่อนกันได้นะ ทางแฟนพ.ก็ยอมรับเรา เราก็คอยช่วยเหลือสองคนนี้มาโดยตลอด แสดงให้เห็นความจริงใจ
ช่วยเหลือไม่ว่าจะเรื่องผู้หญิงคนอื่น หรือเค้าจะทะเลาะกันเอง เราทำไปทั้งๆที่เราก็เจ็บ แต่เรากลับเลือกที่จะเจ็บ
หลังจากสนิทกับแฟนพ. ทำให้เราได้รู้ข่าวเกี่ยวกับพ.บ้าง เช่น ถ้าวันไหนเค้ามีเรียนพิเศษหรือว่าไปไหน
เราจะแอบเดินตามบ้าง แอบตามเสาห้างบ้าง เหมือนโรคจิตเลย แต่มีความสุขบนความทุกข์ คือเค้าไปกับแฟนเค้า
คอยซื้อของกินไว้ตามร้าน แล้วบอกให้เค้ากับแฟนไปเอา เคยแม้กระทั่งแอบหลังป้ายบอร์ดหนัง ดูเค้ากินMcที่เราซื้อให้
สองคนนี้คบกันสามปีกว่า เรื่องก็ดำเนินแบบนี้ไปเรื่อยๆ เรารับรู้สถานการณ์ตลอด ยอมรับว่าพ.ทำร้ายจิตใจแฟนมาก
เกเร กินเหล้า สูบบุหรี่ ลองของไม่ดี มีผญคนอื่น อารมณ์รุนแรง แต่เค้าก็ยังเป็นน้องที่ดีของเรามาตลอด


เวลาก็ผ่านไป จนถึงวันที่พ.เข้ามหาลัย เรากับพ.ก็ห่างกัน เราไปเรียนภาษาที่อังกฤษช่วงปิดเทอม
ได้เจอคนใหม่ๆ แต่เราก็รู้สึกว่าไม่ใช่ ไม่คิดแม้แต่จะลองคุย ไปถึงโน้นเรายังโทรหาพ.อยู่เลย
แต่ก็แอบคิดแล้วว่านี่มันนานไปแล้วนะ 6ปีแล้ว เราควรจะทำใจสักที แล้วเราก็ลืม จนกระทั่งกลับมาไทย
พอกลับมา เราย้ายไปอยู่คอนโดเพื่อนแถวราชเทวี ชีวิตเสรีมาก ที่บ้านกำลังดีขึ้นๆ มีเงินใช้อาทิตย์ละเกือบหมื่น
(พ่อเราเสียเพราะไข้หวัดนกตอนม.6 บ้านล้ม เสาหลักของบ้านหายไป เราเสียศูนย์ไปพักใหญ่ แล้วก็รีบลุกเป็นหลักให้แม่และน้อง)
ถือว่าเป็นช่วงดาร์ก 55555 แต่ขอออกตัวก่อนเลยว่า ดาร์กของเราคือกลับบ้านสองสามทุ่ม เที่ยวห้างดึกจนห้างปิด
เราเป็นเด็กเรียน ไม่เคยกินเหล้าหรืออะไร แม้แต่เข้าผับครั้งแรกก็ลอนดอนเลย
พอซักพัก รุ่นพี่ที่สนิทที่อังกฤษกลับมา ก็เลยนัดเจอกัน แกรู้เรารักใคร ทุกคนรู้จักอ.ก็ต้องรู้จักพ. รู้จักพ.ก็ต้องรู้จักอ.
แกเลยอาสานัดพ.มาหา แล้ววันนั้นพ.ก็มาจริงๆ เราไปเที่ยวกัน
แต่ไม่ค่อยคุยกัน ไม่มองหน้ากัน เราอายมากๆ เขิน ได้แต่เคยแอบมองพ.มาตลอด 555555
พ.ขอยืมมือถือเราตลอด ไม่ค่อยจะได้อยู่ที่โต๊ะ เราก็ไม่เอะใจอะไร คิดว่าเค้าคงคุยกับแฟนเค้า
พอผับปิด พี่เค้าก็ชวนพ.ไปต่อคอนโดพี่เค้าที่อโศก เราซื้อเหล้ามาเลี้ยง แต่เราไม่กิน ส่วนพ.กินจนสว่าง
พอสว่างแล้ว เราก็ตัดสินใจกลับ พ.บอกว่าจะนั่งแท๊กซี่ไปส่งเราที่คอนโดก่อน ดีใจมากกก ไม่เคยใกล้ชิดขนาดนี้
6-7ปี ที่รอมา โ-ตรสุขสุดๆวันนี้แหละ เราแอบถ่ายรูปเค้า มองเค้า เหมือนคนบ้า เรากลับมารักพ.มากกว่าเดิม
หลังจากถึงห้อง เราเปิดมือถือดู สรุปพ.ล็อคอินเฟสค้างไว้ คุยกับเด็กผู้หญิงคนนึง เราใจสลาย ช็อค
คิดว่าตัวเองเป็นซินเดอเรลล่า ที่สุขแค่ข้ามคืน 5555555 (โตมากับดิสนีย์น่ะ 555555555)
สิ่งที่แฟนพ.และเรากลัวก็เป็นจริง ตอนนั้นพ.ได้เจอคนใหม่ที่มหาลัย
เป็นเน็ตไอดอลหน้าตาดี ขับรถมินิ เด่นดัง เค้าไปนอนด้วยกัน แต่ไม่ถึงขั้นมีอะไรกัน
เรารู้แค่ว่าน้องคนนี้ดีไปกว่าเราทุกอย่าง หน้าตาดีกว่า รวยกว่า และที่สำคัญพ.รักเค้า
หลังจากร้องไห้จะเป็นจะตาย ก็ได้แต่ทำใจ คิดว่าเค้ามีคนใหม่สักกี่คน คนๆนั้นก็ไม่ใช่เราสักที พอเถอะ


ผ่านไปสักพัก เราก็ได้มารู้ว่า แฟนพ.เป็นมะเร็ง กำลังรักษาตัว เราก็สงสารเค้ามาก แต่ก็ไม่อยากบอกเค้าไปว่า
พ.มีคนอื่นที่มหาลัยละนะ กลัวเค้าทรุดกว่าเดิม จนสุดท้าย พ.ก็ทิ้งแฟนไป ไปหาเน็ตไอดอลคนนั้น
ช่วงนั้นเราได้เข้ามาคุยกับพ.มากขึ้น จนพอรู้สึกดีกับเรา แต่พอก็บอกนะว่า ให้ตายยังไงก็ไม่เอาเราเป็นแฟน
เราก็โอเค ใครจะไปสู้เน็ตไอดอลได้ล่ะ คุยกันไปแบบเดิมน่ะดีแล้ว (เรากับพ.ไม่เคยคุยทางชู้สาวเลย เพื่อนตลอด)


ต่อไปโอกาสของเรากับพ.ก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นค่ะ
(อาจจะอ่านยากสักนิด ขออภัยค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่