[หนังโรงเรื่องที่ 127] London Has Fallen-ตัวซวยมาเยือนลอนดอน ; (Babak Najafi,2016)
คะแนน : 9.0/10
เรื่องย่อ : เป็นหนังภาคต่อจาก Olympus Has Fallen, มาภาคนี้ตัวเอกทั้งสองอย่าง ปธน.แอชเชอร์ (Aaron Eckhart)และบอดี้การ์ดประจำตัวไมค์ แบนนิ่ง (Gerard Butler)ต้องไปเข้าร่วมพิธีงานศพของผู้นำอังกฤษ ณ กรุงลอนดอนร่วมกับผู้นำประเทศทั่วโลก ซึ่งอีงานนี้ก็ตกเป็นเป้าของหน่วยก่อการร้ายที่วางแผนสังหารผู้นำทั้งหมดให้เกลี้ยง งานบู๊เพื่ออารักขาประธานาธิบดีาสหรัฐสุดระห่ำจึงเกิดขึ้น
.
โอเค คือถ้าใครเคยดูหนังภาคแรกมาก่อนก็คงจะเตรียมใจไว้ก่อนแล้วว่ามันเป็นหนังที่ไม่เน้นบทแต่เน้นความมันส์ล้วนๆ .. มาภาคนี้บอกเลยว่าหนังมันอัพเกรดตัวเองขึ้นมาอีกขั้นวุ้ย! หนึ่งคือสเกลของฉากต่อสู้มันขยายใหญ่ขึ้น จากพื้นที่จำกัดในรอบๆทำเนียบขาวเปลี่ยนเป็นสงครามกลางกรุงลอนดอนทำให้ดีกรีฉากแอคชั่นมันดุดันมากขึ้น อีกทั้งคิวบู๊ของพระเอกที่รวดเร็วฉับไวให้ความรู้สึกสมจริงมากกว่าแตกต่างกับภาคแรกที่หนักไปทางต่อสู้ยืดเยื้อแบบหนังการ์ตูนไปนิดนึง ซึ่งส่วนตัวแล้วรู้สึกโอเคมากกับพัฒนาการตรงนี้นะ
.
ซึ่งธีมในเรื่องก็จะอยู่ในลักษณะเดิม คือตัวเอกทั้งสองตัวต้องตกอยู่กลางดงกระสุนแถมแยกไม่ออกอีกว่าใครเป็นเพื่อนใครเป็นศัตรู ภายใต้สถานการณ์ค่อนข้างบีบคั้นในเวลาที่จำกัด, ซึ่งด้วยความที่มันเป็นหนังของเจอร์ราด บัทเลอร์ 'ความเท่-เข้ม' ก็เลยเป็นซิกเนเจอร์ของนักแสดงไปโดยปริยาย ซึ่งในตลอดเรื่องนั้นเราจะไม่มีโอกาสได้เห็นฉากที่ตัวร้ายลื่นล้มหรือพลาดโง่ๆแบบในหนังแอคชั่น-คอเมดี้เรื่องอื่นเขาทำกัน แต่ตัวร้ายในเรื่องนี้จะมีความเป็นโปรสูงลิบ, ทำงานเป็นระบบ แล้วก็ไม่ตลกพร่ำเพรื่อด้วย ทำให้อารมณ์ของหนังมันขรึม-เงียบเต็มที่ ซึ่งในส่วนนี้ช่วยส่งให้พาร์ทแอคชั่นมันดูสมจริงมากขึ้นด้วย
.
ถ้าใครติดตามมาก็น่าจะพอรู้ว่าผู้เขียนไม่ใช่คอหนังแอคชั่นเท่าไหร่แต่กับหนังเรื่องนี้มันก็มีปัจจัยหลายๆอย่างให้เรารู้สึก 'อิน' กับมันได้ไม่ยาก อาทิลีลาการต่อสู้ของเจ้าหน้าที่แบนนิ่งที่มีความดุดันฉับไวและ'ไม่ปราณี' (ruthless)กับศัตรูหน้าไหนทั้งนั้น คือเรียกได้ว่าพี่แกไม่พูดพร่ำให้เปลืองน้ำลาย-ถ้าเป็นศัตรูก็ยิงทิ้งหมด แล้วด้วยความที่มันเป็นเรต R ในอเมริกาทำให้หนังสามารถเล่นกับฉากแอคชั่นได้เต็มที่มากขึ้น เราจะไม่ได้เห็นพระเอกง่อยๆที่ชอบต่อยตัวร้ายให้สลบ (รอมันตื่นขึ้นมายิงเอ็งรึไง?)ให้หงุดหงิดใจกัน หนังเรื่องนี้คือแทงเป็นแทง ยิงเป็นยิง สะใจคอบู๊แน่นอน
.
ในเรื่องเสน่ห์ของตัวละครก็ยังถือว่ารักษามาตรฐานได้ดี หนังยังใจดีแบ่งเวลามาให้พาร์ทชีวิตส่วนตัวของพระเอกให้เกิดความดราม่าขึ้นมานิสนึง ... แต่หนังก็ไม่ได้นำพาเอาไปใช้ประโยชน์อะไรเท่าไหร่ มีความรู้สึกเหมือนเสียเวลาไป 15 นาทีเปล่าๆปลี้ๆกับการที่เราต้องมารับรู้เรื่องราวครอบครัวสุขสันต์ของพระเอกที่มันไม่ได้มี impact อะไรกับเนื้อเรื่องหลักเลย นอกเหนือจากนี้คือหนังยังมีปูมหลังของตัวละครเสริมต่างๆในเรื่องที่หลวมมากราวกับไม่ได้ใส่ใจกับมันเท่าไหร่ คือถ้าไม่ติดว่าหนังมันจับทางตัวเองได้ถูกต้องในการขายฉากแอคชั่นมันส์ๆแบบนี้คงจะน่าตลกพิลึก
.
แต่ขอหักไป 1 คะแนนเต็มๆจาก CG ที่สื่อออกมาดูราคาถูกมาก กราฟฟิกในเรื่องส่วนใหญ่จะอยู่ในเกณฑ์ 'ไม่เนียนอย่างแรง' ซึ่งผกก.ก็ยังซาดิสพยายามจะใส่ซีนกราฟฟิกเข้าเยอะๆให้คนดูเคืองลูกตาเล่น ในความเห็นคือในเมื่อถ้ารู้ตัวแล้วว่ามันไม่เนียนก็อย่าพยายามเอามาอวดมากเถอะ ได้โปรด
.
"London Has Fallen เป็นหนังแอคชั่นที่มีรสชาดเหมือนกาแฟดำ คือมีทั้งความเข้ม ไม่ปนความหวาน ไม่ใส่ท็อปปิ้งให้เนื้อเรื่องเจือจาง แต่อัดแน่นกับความดุดันในฉากต่อสู้สุดมันส์ได้เต็มที่ โดยเฉพาะในฉากพระเอกถล่มตึกในตอนท้ายที่ขอยกนิ้วให้เลยว่ามันส์มาก คือถ้าใครที่รักหนังแอคชั่นเพียวๆไม่ปนความฮาเลย หนังเรื่องนี้แหละคือคำตอบของสุดสัปดาห์นี้ของท่านครับ"
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า FB ครับ ...
[หนังโรงเรื่องที่ 127] London Has Fallen/ตัวซวยมาเยือนลอนดอน by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 127] London Has Fallen-ตัวซวยมาเยือนลอนดอน ; (Babak Najafi,2016)
คะแนน : 9.0/10
เรื่องย่อ : เป็นหนังภาคต่อจาก Olympus Has Fallen, มาภาคนี้ตัวเอกทั้งสองอย่าง ปธน.แอชเชอร์ (Aaron Eckhart)และบอดี้การ์ดประจำตัวไมค์ แบนนิ่ง (Gerard Butler)ต้องไปเข้าร่วมพิธีงานศพของผู้นำอังกฤษ ณ กรุงลอนดอนร่วมกับผู้นำประเทศทั่วโลก ซึ่งอีงานนี้ก็ตกเป็นเป้าของหน่วยก่อการร้ายที่วางแผนสังหารผู้นำทั้งหมดให้เกลี้ยง งานบู๊เพื่ออารักขาประธานาธิบดีาสหรัฐสุดระห่ำจึงเกิดขึ้น
.
โอเค คือถ้าใครเคยดูหนังภาคแรกมาก่อนก็คงจะเตรียมใจไว้ก่อนแล้วว่ามันเป็นหนังที่ไม่เน้นบทแต่เน้นความมันส์ล้วนๆ .. มาภาคนี้บอกเลยว่าหนังมันอัพเกรดตัวเองขึ้นมาอีกขั้นวุ้ย! หนึ่งคือสเกลของฉากต่อสู้มันขยายใหญ่ขึ้น จากพื้นที่จำกัดในรอบๆทำเนียบขาวเปลี่ยนเป็นสงครามกลางกรุงลอนดอนทำให้ดีกรีฉากแอคชั่นมันดุดันมากขึ้น อีกทั้งคิวบู๊ของพระเอกที่รวดเร็วฉับไวให้ความรู้สึกสมจริงมากกว่าแตกต่างกับภาคแรกที่หนักไปทางต่อสู้ยืดเยื้อแบบหนังการ์ตูนไปนิดนึง ซึ่งส่วนตัวแล้วรู้สึกโอเคมากกับพัฒนาการตรงนี้นะ
.
ซึ่งธีมในเรื่องก็จะอยู่ในลักษณะเดิม คือตัวเอกทั้งสองตัวต้องตกอยู่กลางดงกระสุนแถมแยกไม่ออกอีกว่าใครเป็นเพื่อนใครเป็นศัตรู ภายใต้สถานการณ์ค่อนข้างบีบคั้นในเวลาที่จำกัด, ซึ่งด้วยความที่มันเป็นหนังของเจอร์ราด บัทเลอร์ 'ความเท่-เข้ม' ก็เลยเป็นซิกเนเจอร์ของนักแสดงไปโดยปริยาย ซึ่งในตลอดเรื่องนั้นเราจะไม่มีโอกาสได้เห็นฉากที่ตัวร้ายลื่นล้มหรือพลาดโง่ๆแบบในหนังแอคชั่น-คอเมดี้เรื่องอื่นเขาทำกัน แต่ตัวร้ายในเรื่องนี้จะมีความเป็นโปรสูงลิบ, ทำงานเป็นระบบ แล้วก็ไม่ตลกพร่ำเพรื่อด้วย ทำให้อารมณ์ของหนังมันขรึม-เงียบเต็มที่ ซึ่งในส่วนนี้ช่วยส่งให้พาร์ทแอคชั่นมันดูสมจริงมากขึ้นด้วย
.
ถ้าใครติดตามมาก็น่าจะพอรู้ว่าผู้เขียนไม่ใช่คอหนังแอคชั่นเท่าไหร่แต่กับหนังเรื่องนี้มันก็มีปัจจัยหลายๆอย่างให้เรารู้สึก 'อิน' กับมันได้ไม่ยาก อาทิลีลาการต่อสู้ของเจ้าหน้าที่แบนนิ่งที่มีความดุดันฉับไวและ'ไม่ปราณี' (ruthless)กับศัตรูหน้าไหนทั้งนั้น คือเรียกได้ว่าพี่แกไม่พูดพร่ำให้เปลืองน้ำลาย-ถ้าเป็นศัตรูก็ยิงทิ้งหมด แล้วด้วยความที่มันเป็นเรต R ในอเมริกาทำให้หนังสามารถเล่นกับฉากแอคชั่นได้เต็มที่มากขึ้น เราจะไม่ได้เห็นพระเอกง่อยๆที่ชอบต่อยตัวร้ายให้สลบ (รอมันตื่นขึ้นมายิงเอ็งรึไง?)ให้หงุดหงิดใจกัน หนังเรื่องนี้คือแทงเป็นแทง ยิงเป็นยิง สะใจคอบู๊แน่นอน
.
ในเรื่องเสน่ห์ของตัวละครก็ยังถือว่ารักษามาตรฐานได้ดี หนังยังใจดีแบ่งเวลามาให้พาร์ทชีวิตส่วนตัวของพระเอกให้เกิดความดราม่าขึ้นมานิสนึง ... แต่หนังก็ไม่ได้นำพาเอาไปใช้ประโยชน์อะไรเท่าไหร่ มีความรู้สึกเหมือนเสียเวลาไป 15 นาทีเปล่าๆปลี้ๆกับการที่เราต้องมารับรู้เรื่องราวครอบครัวสุขสันต์ของพระเอกที่มันไม่ได้มี impact อะไรกับเนื้อเรื่องหลักเลย นอกเหนือจากนี้คือหนังยังมีปูมหลังของตัวละครเสริมต่างๆในเรื่องที่หลวมมากราวกับไม่ได้ใส่ใจกับมันเท่าไหร่ คือถ้าไม่ติดว่าหนังมันจับทางตัวเองได้ถูกต้องในการขายฉากแอคชั่นมันส์ๆแบบนี้คงจะน่าตลกพิลึก
.
แต่ขอหักไป 1 คะแนนเต็มๆจาก CG ที่สื่อออกมาดูราคาถูกมาก กราฟฟิกในเรื่องส่วนใหญ่จะอยู่ในเกณฑ์ 'ไม่เนียนอย่างแรง' ซึ่งผกก.ก็ยังซาดิสพยายามจะใส่ซีนกราฟฟิกเข้าเยอะๆให้คนดูเคืองลูกตาเล่น ในความเห็นคือในเมื่อถ้ารู้ตัวแล้วว่ามันไม่เนียนก็อย่าพยายามเอามาอวดมากเถอะ ได้โปรด
.
"London Has Fallen เป็นหนังแอคชั่นที่มีรสชาดเหมือนกาแฟดำ คือมีทั้งความเข้ม ไม่ปนความหวาน ไม่ใส่ท็อปปิ้งให้เนื้อเรื่องเจือจาง แต่อัดแน่นกับความดุดันในฉากต่อสู้สุดมันส์ได้เต็มที่ โดยเฉพาะในฉากพระเอกถล่มตึกในตอนท้ายที่ขอยกนิ้วให้เลยว่ามันส์มาก คือถ้าใครที่รักหนังแอคชั่นเพียวๆไม่ปนความฮาเลย หนังเรื่องนี้แหละคือคำตอบของสุดสัปดาห์นี้ของท่านครับ"
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า FB ครับ ...