สวัสดีครับ ช่วงนี้เป็นช่วง
รายย่อยงง ไม่กล้าซื้อ ย่อยส่วนใหญ่ติดสูงกว่า ดัชนี 1400 จุด ทำอะไรไม่ได้
รายย่อยที่ "ได้เล่น" (ไม่ใช่เล่นแล้วได้) ส่วนใหญ่ จะออกแนวเปาะแปะเล่นสั้น ได้ค่าขนมทั้งนักลงทุนและมาร์ฯ
เห็นได้จาก หรั่งดันๆๆ รายย่อยก็ขายๆๆ ให้ตลอดทางเลย ทั้งหุ้นทั้ง TFEX
ทำให้เป็นที่น่าสงสัยว่า
ทำไมรายย่อยส่วนใหญ่ไม่ถือเกาะ Trend ไป??
ซึ่งคำตอบส่วนใหญ่ที่ได้คือ เป็นเพราะติดตัวหลักอยู่ เช่น PTTEP ตอนหลุด 100, PTT ตอนหลุด 300,
ADVANCE ตอนหลุด 200, TRUE ตอนช่วงฟิน 13 บาท และหุ้นกลุ่มธนาคารที่ซื้อตอน PE ต่ำกว่า PE ดัชนี
พอร์ตลบกัน 10-15% ในหุ้นใหญ่ และ 30-50% ในหุ้นเล็ก อีกทั้งสถานะภาพทางการเมือง
ทำให้ไม่มีความกล้าคิดว่า "หุ้นจะวิ่งยาว"
คำตอบเหล่านั้นเอง ทำให้หลายคนยังไม่เข้าตลาด หรือไปแช่เงินใน Property Fund สังเกตได้จาก
การเปรียบเทียบกับเงินปันผลที่จ่ายรอบล่าสุด เมื่อเทียบกับราคาตลาดแล้ว หากซื้อราคานั้นทันที
Property Fund หลายๆตัวเหลืออัตราปันผลไม่ถึง 6% ทั้งทีก่อนหน้านี้ในช่วงดัชนี 1500-1600 จุด
เราสามารถหา Prop Fund ที่จ่ายเกิน 7% ได้ง่ายๆ หลายๆตัวที่ดังๆ ก็ยังมีราคาไม่แพงขนาดนี้
Credit : บทวิเคราะห์ของหลักทรัพย์กสิกรไทย
หลายคนปกติไม่เคย "นั่งทับมือ" แต่หลังจากเจ็บรอบที่แล้ว ตอนนี้เปลี่ยนแนว รอที่ดัชนี 1200 บ้าง PE ต่ำกว่า 8 เท่าบ้าง
หลายคน จากที่เคยเป็น "คนดูกราฟ" เริ่มจะ
"ละทิ้งกราฟ" ไม่ยอมเชื่อในการ Reversal ของกราฟหุ้น(ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ)
ทำให้ต้องกลับมาทบทวนตัวเองว่า "Big shot ที่เสียเพราะอะไร??" และ "Big shot ที่ได้เพราะอะไร??"
คำตอบ...สำหรับ Shot ที่เสีย...เพียบครับ หลายๆคนคงไม่ต่างกัน ไล่หุ้น, รับมีดหวังเด้ง, เชื่อว่า Big cap ไม่ลงแรง(ADVANC)
ซื้อเพราะอัตราปันผลแต่ Cut loss เพราะราคาไหลลงแรง(ช่วง short sale ฮิตๆกันช่วง ตุลา-ธันวาคม 2557)
ที่เจ็บใจที่สุดคือ
ขายหมูหุ้นที่เลือกมาแล้วอย่างดี เพราะกลัวตลาดลงแรงทั้งปี
ส่วน Big shot ที่ได้นั้น มาจากการ
ซื้อทีเดียวแล้วถือ ซึ่งพอทบทวนตัวเองดูแล้ว
การซื้อตอนนั้นดูกราฟก่อน แล้วดูพื้นฐาน(VNG SPA)
กราฟพึ่งเริ่ม ROE สูง กำไรไม่ตก ซื้อแล้วถือ
โดยใช้หลักการเลือกหุ้นที่กราฟมีลักษณะเป็น
"จุดเปลี่ยน Trend" หรือที่อาจารย์ผมแกเรียกว่า
"กราฟเป็นมัดข้าวต้ม"
การส่งสัญญาณทางกราฟแบบนี้เหมือนเป็นการบอกว่า "
ชั้นไม่อยากให้มันลงละนะ"
วันนี้เลยจะมาแชร์วิธีตั้ง Condition การ Scan หุ้นที่มีลักษณะเป็น
"มัดข้าวต้ม" ด้วยวิธีการส่วนตัว หลายๆท่านอาจจะเอาไปประยุกต์ได้
ก่อนลงรายละเอียด ผมขออ้างอิงจากกระทู้เดิมเหล่านี้ก่อน เพราะวิชา "ใยไหมฟ้าเบื้องต้น" อยู่ในนั้นหมดครับ
"แชร์วิธีการใช้กราฟในโปรแกรม E-finance Portal "วิชาใยไหมฟ้า" เทคนิคสาย Indicator ไร้ใจ ไร้อารมณ์ร่วม"
http://topicstock.ppantip.com/sinthorn/topicstock/2012/10/I12763813/I12763813.html
******แชร์วิธี Scan หุ้น Up trend เล่นเองโดยโปรแกรมฟรี Efinance******
http://ppantip.com/topic/33527153
ปกติแล้วหน้าจอ Scan ผมจะขึ้นมาแต่ "
หุ้นกราฟขาขึ้นเต็มตัว" แบบนี้
ซึ่งกราฟที่ออกมา มันจะออกมาประมาณนี้
ซึ่งแบบนี้ ผมบอกเลย "
ทำใจไล่ราคาไม่ลง"
ก็รู้นะครับว่า "
หุ้นจะเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้ม(Trend)นั้นๆ จนกว่าจะหมดแนวโน้ม(Trend)"
แต่กลัวว่าจะเป็นไม้ที่เข้าไปตอน
"หมดแนวโน้ม" เนี่ยแหละ
วันนี้ลองมาปรับ Condition การ Scan กันใหม่ ให้มันเจอหุ้นกราฟหน้าตา
แบบนี้
แบบนี้
หรือว่าแบบนี้
เราจะได้ทำใจรับในราคานี้ได้ ตัดสินใจง่ายขึ้น เพราะ มันมักจะนำไปสู่ "
กราฟปลายทาง" แบบนี้
โหย............ได้เยอะเนาะ ง่ายจางงงงงง.......... ป่ะ
BUY เคาะขวารัวๆๆๆๆๆ
เดี๋ยวๆ
นักกราฟนะครับ ก่อนซื้อต้องมี
1. วิธีการ/จุด รับเพิ่ม
2. วิธีการ/จุด ขายทำกำไร
3. วิธีการหนี/จุดยอมแพ้
ซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน บอกเป็นกฎหรือทฤษฎีไม่ได้เลยนะ เพราะ สภาพจิตใจในการรับ Loss ของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ
แต่เดี๋ยวก่อน
วิธีนี้ผมจะตั้ง Condition ให้กราฟมันมีลักษณะ EMA 10, 25, 75 และ 200 วัน มันพันๆกัน
แต่ว่า ผมจะให้ Close price > EMA 200 วัน ดังนั้น สามารถเลือกจุดนี้เป็น จุดหนีได้
เผื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
(หลาย% อยู่นะ Stop เนี่ย เหอะๆ)
ลองตั้ง Condition กันดูนะครับ ทำยังไงก็ได้ให้เส้น EMA มันพันกัน
ส่วนของตัวผมเอง ตั้งแบบนี้ครับ (ดูเฉพาะอันที่มีเครื่องหมายเช็คถูกนำหน้านะครับ)
พอกด
Scan ปุ๊บก็จะเจอแบบนี้
ลองเปิดกราฟดูซักตัว ก็ออกมาหน้าตาประมาณนี้ครับ
ถึงตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของการเลือกหุ้นครับ แล้วแต่ชอบเลย
จะเอา PE ต่ำ 15, ROE 15%+, ต้องมีปันผลล่าสุดเทียบราคาตลาดปัจจุบัน > 3% อะไรก็ว่ากันไปครับ
ออกตัวก่อนเลยว่า วิธีการแบบนี้จะ เน้นหนัก ไปที่
"วิธีการเลือกหุ้น"
ไม่มีการใช้องค์ความรู้ของ
Money management เลย ซึ่งตัวผมเองไม่ขอเขียนเรื่องนี้
เพราะผมก็ยังทำไม่ได้เหมือนกัน ยังเรียกได้ว่า ยังไม่ประสบความสำเร็จในการจัดการพอร์ตหุ้นแบบยั่งยืน
ยังคงชื่นชอบแนว หุ้นนอก SET100, ยีลด์สุงกว่าฝากธนาคาร, เข้าใจกิจการ, ถือทนได้แม้ไม่วิ่ง ของคุณลุงเอ็นโดฟิน
กับแนว เลือกหุ้นแบบคู่ชีวิต แล้วใช้วิธีซื้อ DCA แบบคุณ Wild Rabbit อยู่เหมือนกันครับ ยังตามอ่านและลองหลายๆแนว
เวลาในตลาดฯ ผมยังมีอีกเยอะ
ล่าสุดก็พึ่งโดน TFEX 8 สัญญา จากเรื่อง BOJ เขาปรับดอกเบี้ยติดลบ เพราะ Short ไว้
วันนั้นเป็นวันเปลี่ยน trend ของตลาดจากขาลงเป็นขาขึ้นพอดี อ่วมเหมือนกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ขอบคุณ พี่ป้าน้าอาในสินธรและตลาดหุ้น ทุกท่านครับ
ขอบคุณที่ช่วยให้ผม เสียเงิน/ได้เงิน/เสียเงิน/ได้เงิน
วนไปวนมา
จนเก็บเงินแต่งงานปลายปีนี้ได้แล้วครับ
เยี่ยมกันได้ในนี้นะครับ www.facebook.com/scanstock
ไม่มีสาระอะไรมากแค่ลงตาราง scan กับบ่นๆ ตลาดครับ
******แชร์วิธีตั้ง Condition การ Scan หุ้นที่กราฟมีลักษณะเป็น "จุดเปลี่ยน Trend" โดยโปรแกรมฟรี Efinance*****
สวัสดีครับ ช่วงนี้เป็นช่วง รายย่อยงง ไม่กล้าซื้อ ย่อยส่วนใหญ่ติดสูงกว่า ดัชนี 1400 จุด ทำอะไรไม่ได้
รายย่อยที่ "ได้เล่น" (ไม่ใช่เล่นแล้วได้) ส่วนใหญ่ จะออกแนวเปาะแปะเล่นสั้น ได้ค่าขนมทั้งนักลงทุนและมาร์ฯ
เห็นได้จาก หรั่งดันๆๆ รายย่อยก็ขายๆๆ ให้ตลอดทางเลย ทั้งหุ้นทั้ง TFEX
ทำให้เป็นที่น่าสงสัยว่า ทำไมรายย่อยส่วนใหญ่ไม่ถือเกาะ Trend ไป??
ซึ่งคำตอบส่วนใหญ่ที่ได้คือ เป็นเพราะติดตัวหลักอยู่ เช่น PTTEP ตอนหลุด 100, PTT ตอนหลุด 300,
ADVANCE ตอนหลุด 200, TRUE ตอนช่วงฟิน 13 บาท และหุ้นกลุ่มธนาคารที่ซื้อตอน PE ต่ำกว่า PE ดัชนี
พอร์ตลบกัน 10-15% ในหุ้นใหญ่ และ 30-50% ในหุ้นเล็ก อีกทั้งสถานะภาพทางการเมือง ทำให้ไม่มีความกล้าคิดว่า "หุ้นจะวิ่งยาว"
คำตอบเหล่านั้นเอง ทำให้หลายคนยังไม่เข้าตลาด หรือไปแช่เงินใน Property Fund สังเกตได้จาก
การเปรียบเทียบกับเงินปันผลที่จ่ายรอบล่าสุด เมื่อเทียบกับราคาตลาดแล้ว หากซื้อราคานั้นทันที
Property Fund หลายๆตัวเหลืออัตราปันผลไม่ถึง 6% ทั้งทีก่อนหน้านี้ในช่วงดัชนี 1500-1600 จุด
เราสามารถหา Prop Fund ที่จ่ายเกิน 7% ได้ง่ายๆ หลายๆตัวที่ดังๆ ก็ยังมีราคาไม่แพงขนาดนี้
Credit : บทวิเคราะห์ของหลักทรัพย์กสิกรไทย
หลายคนปกติไม่เคย "นั่งทับมือ" แต่หลังจากเจ็บรอบที่แล้ว ตอนนี้เปลี่ยนแนว รอที่ดัชนี 1200 บ้าง PE ต่ำกว่า 8 เท่าบ้าง
หลายคน จากที่เคยเป็น "คนดูกราฟ" เริ่มจะ "ละทิ้งกราฟ" ไม่ยอมเชื่อในการ Reversal ของกราฟหุ้น(ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ)
ทำให้ต้องกลับมาทบทวนตัวเองว่า "Big shot ที่เสียเพราะอะไร??" และ "Big shot ที่ได้เพราะอะไร??"
คำตอบ...สำหรับ Shot ที่เสีย...เพียบครับ หลายๆคนคงไม่ต่างกัน ไล่หุ้น, รับมีดหวังเด้ง, เชื่อว่า Big cap ไม่ลงแรง(ADVANC)
ซื้อเพราะอัตราปันผลแต่ Cut loss เพราะราคาไหลลงแรง(ช่วง short sale ฮิตๆกันช่วง ตุลา-ธันวาคม 2557)
ที่เจ็บใจที่สุดคือ ขายหมูหุ้นที่เลือกมาแล้วอย่างดี เพราะกลัวตลาดลงแรงทั้งปี
ส่วน Big shot ที่ได้นั้น มาจากการซื้อทีเดียวแล้วถือ ซึ่งพอทบทวนตัวเองดูแล้ว
การซื้อตอนนั้นดูกราฟก่อน แล้วดูพื้นฐาน(VNG SPA) กราฟพึ่งเริ่ม ROE สูง กำไรไม่ตก ซื้อแล้วถือ
โดยใช้หลักการเลือกหุ้นที่กราฟมีลักษณะเป็น "จุดเปลี่ยน Trend" หรือที่อาจารย์ผมแกเรียกว่า "กราฟเป็นมัดข้าวต้ม"
การส่งสัญญาณทางกราฟแบบนี้เหมือนเป็นการบอกว่า "ชั้นไม่อยากให้มันลงละนะ"
วันนี้เลยจะมาแชร์วิธีตั้ง Condition การ Scan หุ้นที่มีลักษณะเป็น "มัดข้าวต้ม" ด้วยวิธีการส่วนตัว หลายๆท่านอาจจะเอาไปประยุกต์ได้
ก่อนลงรายละเอียด ผมขออ้างอิงจากกระทู้เดิมเหล่านี้ก่อน เพราะวิชา "ใยไหมฟ้าเบื้องต้น" อยู่ในนั้นหมดครับ
"แชร์วิธีการใช้กราฟในโปรแกรม E-finance Portal "วิชาใยไหมฟ้า" เทคนิคสาย Indicator ไร้ใจ ไร้อารมณ์ร่วม"
http://topicstock.ppantip.com/sinthorn/topicstock/2012/10/I12763813/I12763813.html
******แชร์วิธี Scan หุ้น Up trend เล่นเองโดยโปรแกรมฟรี Efinance******
http://ppantip.com/topic/33527153
ปกติแล้วหน้าจอ Scan ผมจะขึ้นมาแต่ "หุ้นกราฟขาขึ้นเต็มตัว" แบบนี้
ซึ่งกราฟที่ออกมา มันจะออกมาประมาณนี้
ซึ่งแบบนี้ ผมบอกเลย "ทำใจไล่ราคาไม่ลง"
ก็รู้นะครับว่า "หุ้นจะเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้ม(Trend)นั้นๆ จนกว่าจะหมดแนวโน้ม(Trend)"
แต่กลัวว่าจะเป็นไม้ที่เข้าไปตอน "หมดแนวโน้ม" เนี่ยแหละ
วันนี้ลองมาปรับ Condition การ Scan กันใหม่ ให้มันเจอหุ้นกราฟหน้าตาแบบนี้
แบบนี้
หรือว่าแบบนี้
เราจะได้ทำใจรับในราคานี้ได้ ตัดสินใจง่ายขึ้น เพราะ มันมักจะนำไปสู่ "กราฟปลายทาง" แบบนี้
โหย............ได้เยอะเนาะ ง่ายจางงงงงง.......... ป่ะ BUY เคาะขวารัวๆๆๆๆๆ
เดี๋ยวๆ
นักกราฟนะครับ ก่อนซื้อต้องมี
1. วิธีการ/จุด รับเพิ่ม
2. วิธีการ/จุด ขายทำกำไร
3. วิธีการหนี/จุดยอมแพ้
ซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน บอกเป็นกฎหรือทฤษฎีไม่ได้เลยนะ เพราะ สภาพจิตใจในการรับ Loss ของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ
แต่เดี๋ยวก่อน
วิธีนี้ผมจะตั้ง Condition ให้กราฟมันมีลักษณะ EMA 10, 25, 75 และ 200 วัน มันพันๆกัน
แต่ว่า ผมจะให้ Close price > EMA 200 วัน ดังนั้น สามารถเลือกจุดนี้เป็น จุดหนีได้
เผื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
(หลาย% อยู่นะ Stop เนี่ย เหอะๆ)
ลองตั้ง Condition กันดูนะครับ ทำยังไงก็ได้ให้เส้น EMA มันพันกัน
ส่วนของตัวผมเอง ตั้งแบบนี้ครับ (ดูเฉพาะอันที่มีเครื่องหมายเช็คถูกนำหน้านะครับ)
พอกด Scan ปุ๊บก็จะเจอแบบนี้
ลองเปิดกราฟดูซักตัว ก็ออกมาหน้าตาประมาณนี้ครับ
ถึงตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของการเลือกหุ้นครับ แล้วแต่ชอบเลย
จะเอา PE ต่ำ 15, ROE 15%+, ต้องมีปันผลล่าสุดเทียบราคาตลาดปัจจุบัน > 3% อะไรก็ว่ากันไปครับ
ออกตัวก่อนเลยว่า วิธีการแบบนี้จะ เน้นหนัก ไปที่ "วิธีการเลือกหุ้น"
ไม่มีการใช้องค์ความรู้ของ Money management เลย ซึ่งตัวผมเองไม่ขอเขียนเรื่องนี้
เพราะผมก็ยังทำไม่ได้เหมือนกัน ยังเรียกได้ว่า ยังไม่ประสบความสำเร็จในการจัดการพอร์ตหุ้นแบบยั่งยืน
ยังคงชื่นชอบแนว หุ้นนอก SET100, ยีลด์สุงกว่าฝากธนาคาร, เข้าใจกิจการ, ถือทนได้แม้ไม่วิ่ง ของคุณลุงเอ็นโดฟิน
กับแนว เลือกหุ้นแบบคู่ชีวิต แล้วใช้วิธีซื้อ DCA แบบคุณ Wild Rabbit อยู่เหมือนกันครับ ยังตามอ่านและลองหลายๆแนว
เวลาในตลาดฯ ผมยังมีอีกเยอะ
ล่าสุดก็พึ่งโดน TFEX 8 สัญญา จากเรื่อง BOJ เขาปรับดอกเบี้ยติดลบ เพราะ Short ไว้
วันนั้นเป็นวันเปลี่ยน trend ของตลาดจากขาลงเป็นขาขึ้นพอดี อ่วมเหมือนกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ขอบคุณ พี่ป้าน้าอาในสินธรและตลาดหุ้น ทุกท่านครับ
ขอบคุณที่ช่วยให้ผม เสียเงิน/ได้เงิน/เสียเงิน/ได้เงิน วนไปวนมา
จนเก็บเงินแต่งงานปลายปีนี้ได้แล้วครับ
เยี่ยมกันได้ในนี้นะครับ www.facebook.com/scanstock
ไม่มีสาระอะไรมากแค่ลงตาราง scan กับบ่นๆ ตลาดครับ