จิตรกร นักบวช หรือพ่อค้ายา
Intro
.
.
จะว่าไปแล้ว ถ้าใครได้ติดตามวงการฮิพฮอพมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายๆคนคงได้เห็นข่าวของแร็พเปอร์อีโก้ค้ำกบาลอย่าง Kanye West เต็มหน้า News Feed แน่นอน อัลบั้มชุดที่ 7 The Life Of Pablo มีแผนการโปรโมทที่ไม่ธรรมดาเอามากๆฮับ สร้างความสับสนให้แฟนเพลงเป็นระยะๆด้วยการเปลี่ยนชื่ออัลบั้มมาแล้ว 3 รอบ ตั้งแต่ So Help Me God >> SWISH >>> WAVES ซึ่งชื่อนี้มีปัญหาดราม่ากับ Wiz Khalifa ที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก ต่อต้านคานเยที่ไม่ให้ความเคารพแร็พเปอร์ในตำนาน Max B ที่เป็นต้นแบบของคำว่า WAVES จนมาถึง TLOP ชื่อปัจจุบันที่คานเยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเนื้อเพลง No More Parties In LA เพลงแถมในอัลบั้มที่ตัวเองที่ปล่อยออกมาให้ฟังก่อนหน้านั้น ซึ่งคานเย reference ถึงชื่อ Pablo อยู่บ่อยๆ Pablo ในที่นี้สื่อถึงบุคคลต้นแบบ 3 คน 3 สไตล์ไม่ว่าจะเป็น Pablo Picasso จิตรกรเอกระดับโลก Pablo Escobar พ่อค้ายาเสพติดผู้อื้อฉาว และ Saint Paul (a.k.a Pablo in spanish) ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล นอกจากเปลี่ยนชื่ออัลบั้มแล้ว ยังเปลี่ยนเพลงในอัลบั้มอีกต่างหาก สลับกันไปสลับกันมา เปลี่ยนจนนาทีสุดท้ายเลยล่ะครับ การพรีเมียร์อัลบั้มชุดนี้ก็มาในรูปแบบกึงแฟชั่นโชว์กึ่ง Listening Party ไหนๆกูก็จะปล่อยอัลบั้มใหม่แล้ว จัดงานงานแฟชั่นโชว์ Yeezy Season 3 พร้อมกัน
เลย โดยงานพรีเมียร์อัลบั้มก็ใช้ลาน Madison Square Garden ก่อนจะได้ฟังอัลบั้มเต็มก็แกล้งทำเป็นมีปัญหากับ แร็พเปอร์รุ่นน้อง Chance The Rapper ที่มีเจตนารมย์ต้องการให้ใช้ชื่อ WAVES ดังเดิม จนเกิดกระแส viral Blame Chance เต็มโซเชี่ยล จนในที่สุดอัลบั้ม TLOP ก็ได้ฤกษ์ปล่อยให้ฟังก่อนใครใน Tidal ในวันแห่งความรัก 14 กุมภา
หนึ่งสัปดาห์ถัดมา คานเยก็ดับฝันแฟนเพลงที่ต้องการอัลบั้ม TLOP ไว้ในครอบครองด้วยการประกาศว่า มีให้ฟังแค่ Tidal ที่เดียวเท่านั้น ไม่มีแผ่นวางขายและไม่ขายในiTunes หรือสตรีมมิ่งเจ้าอื่นใดๆทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นลูกเพจคนไหนอยากได้ก็ต้องฟังผ่าน Tidal สตรีมมิ่งของพี่ชายสุดที่รัก Jay-Z แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น กระแสของอัลบั้มชุดนี้ก็ทำให้แอพ Tidal ที่แทบจะเป็น Uncharted ในชารต์ดาวน์โหลดแอพ กลับกลายเป็นว่าแอพ Tidal ถูกโหลดมากที่สุดจนติดท็อปชาร์ตได้ในที่สุด กระแสที่ตามมาในอัลบั้มชุดนี้คงหนีไม่พ้นเนื้อเพลงที่ reference ถึงอดีตเกาเหลา Taylor Swift ในเพลง Famous ว่า เทย์เลอร์ดังได้เพราะกูเนี่ยแหละ หลายคนคงทราบกันดีว่า เทย์เลอร์เคยโดนคานเยป่วนเวทีมาแล้ว เมื่อปีที่แล้วทั้งคู่ยังดีกันอยู่ แทนที่จะปิดฉากเกาเหลา แต่กลับกลายเป็นว่าคานเยก็เปิดประเด็นให้เกิดศึกเกาเหลาอีกระลอก คราวนี้ดูท่าจะจบไม่สวย เพราะ เทย์เลอร์ก็ออกมาประกาศศักดิ์ดาตบหน้าคานเยบนเวทีแกรมมี่เป็นที่เรียบร้อย ถึงคานเยจะเป็นคนปากจะหมา ทำตัวเกรียน หลงตัวเอง พล่ามหน้าทวิตเตอร์ ทำตัวน่ารำคาญเป็นศิลปินเจ้าปัญหามากเท่าไร ความมีศักยภาพทางดนตรีบวกกับการแร็พที่ไม่เป็นสองรองใคร ผมเชื่อว่าสาวกฮิพฮอพหลายคนก็ยังอยากจะฟังผลงานชุดใหม่ด้วยความฉงนสนเท่ห์อยู่ดีครับ
ผลงานชุดนี้มีความแตกต่างจากชุดที่แล้วตรงที่ อัลบั้มนี้เพิ่มความเป็น gospel เข้าไป ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของเจ้าตัวที่ประกาศทิศทางของอัลบั้มผ่านทางทวิตเตอร์ ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของคานเยที่ชอบเอาเพลงเก่าๆมาแซมเปิ้ลเป็นส่วนประกอบสำคัญของเพลง รวมไปถึงการใช้ autotune มี่หนักกว่าเดิม แขกรับเชิญในอัลบั้มนี้มีเพียบ มีทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าในวงการเริ่มตั้งแต่ Chance The Rapper , Kid Cudi , Desiigner , Rihanna , The Weeknd , Ty Dolla $ign , Young Thug , The Dream , Chris Brown , Frank Ocean และ Kendrick Lamar ส่วนโปรดิวเซอร์ก็มาแบบอุ่นหนาฝาคั่งจริงๆ อาทิ Swizz Beatz , Mike Dean , Rick Rubin , Metro Boomin , Southside และ Hudson Mohawke มาร่วมโปรดิวซ์ให้งานชุดนี้อย่างเต็มที่ ส่วนหลายๆคนที่ดูรายชื่อคนเขียนเพลงและโปรดิวเซอร์ที่มีมากมายซะเหลือเกิน จริงๆแล้วเพลงในชุดนี้เกือบทุกแทร็คเค้ามีแซมเปิ้ลเป็นส่วนนึงของเพลงด้วย จึงไม่แปลกใจที่คานเยจะหยิบชื่อนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ที่เกี่ยวข้องกับเพลงที่นำแซมเปิ้ลเอามารวมไว้ในเครดิตผลงานชุดนี้ด้วย เนื้อหาเพลงในอัลบั้มชุดนี้พูดถึงชีวิตส่วนตัวของคานเยทั้งในอดีตและปัจจุบัน โอ้อวดความสำเร็จ บ่นชีวิตอันยุ่งเหยิงในวงการบันเทิง สอดแทรกเรื่องศาสนามาเป็นเนืองๆ ไม่เล่นประเด็นเรื่องเหยียดสีผิวเหมือนผลงานชุดก่อน
1
.
.
เปิดอัลบั้มด้วยเพลงแร็พผสมผสานกับกอสเปลและโซล Ultralight Beam มาแบบเงียบๆ บีทสังเคราะห์มาเป็นระยะๆ ฟังผิวเผินตอนแรกชวนง่วงใช้ได้เลยล่ะ เพราะจังหวะเพลงมันเนิบนาบอ่ะนะ ไม่เหมาะกับการเป็นเพลงเปิดอัลบั้มชุดนี้เอาเสียเหลือ แต่ฟังไปหลายๆรอบ ผมกลับชื่นชอบเพลงนี้มากๆ มันมีความละเมียดละไมอย่างยิ่งทั้งคอรัสที่คานเยเลือกใช้บริการชาวคณะประสานเสียงที่เคยร่วมงานในเพลง Never Let Me Down และ Two Words เพลงจากอัลบั้มสุดคลาสิคของคานเย The Colledge Dropout ชาวคณะประสานเสียงและ The Dream เนี่ยแหละมีส่วนช่วยให้เพลงนี้มันละเมียดละไมมากขึ้น ลึกซึ้งเข้าถึงอารมณ์ได้ดียิ่งยวด ถ้าขาดพวกเขาไปเพลงนี้คงต้องจืดแน่นอนเพราะคานเยแร็พแค่นิดเดียวเอาเพลงไม่อยู่แน่นอนครับ อีกหนึ่งคนที่ผมขอยกความดีความชอบให้ก็คือ Chance The Rapper ที่ดึงศักยภาพในการแร็พของเขาออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ดูมีความพยายามดี สังเกตได้จากท่อนที่เขาแร็พว่า
"I met Kanye West, I'm never going to fail/He said let's do a good ass job with Chance three
I hear you gotta sell it to snatch the Grammy/Let's make it so free and the bars so hard
That there ain't one gosh darn part you can't tweet"
เป็นท่อนที่ผมชอบมากๆ ผมคิดว่าแร็พท่อนนี้น่าจะเป็นท่อนที่ดีที่สุดในอาชีพการเป็นแร็พเปอร์ของ Chance ณ ขณะนี้เลยล่ะครับ นอกจากแขกรับเชิญที่ดีงามแล้ว เนื้อหาก็ Link ไปเรื่องศาสนาอีกต่างหาก จากที่กระผมได้หาข้อมูลจาก Genius.com เพลงนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่มีตำนานอันเล่าขานของนักบวช Saint Paul ที่ได้รับลำแสงจากสรวงสวรรค์จนตาบอดไปสามวัน ต่อมาก็เกิดปาฏิหารย์จากพระเจ้า Saint Paul กลับมามองเห็นได้อีกครั้งอย่างมหัศจรรย์ หลังจากที่ Saint Paul กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ก็อุทิศตนต่อพระบิดาด้วยการเขียนพระคัมภีร์มากถึง 13 เล่ม การอุทิศตนของ Saint Paul ในครั้งนี้ทำให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญของศาสนาคริสต์ที่ถูกเล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้ Kanye กำลังเปรียบเปรยชีวิตของตัวเองที่ได้รับพรบางอย่างจากพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการได้รับพรสวรรค์ทางดนตรี ประสบความสำเร็จในการเป็นแร็พเปอร์ ความรักกับเจ๊คิมที่กำลังไปได้สวย รวมทั้งธุรกิจแบรนด์แฟชั่นที่กำลังรุ่งอยู่ ณ ขณะนี้ แต่เขาจะไม่หยุดความสำเร็จไว้แค่นี้ เพราะมีภารกิจบางอย่างที่ต้องทำเพื่อพระบิดาอีกเช่นกัน
2
.
.
Father Stretch My Hands Pt.1 และ Pt.2 ซาวนด์มีความเป็น Trap Rap คล้ายๆ Future ไม่ค่อยมีความเป็นคานเยมากเท่าไหร่นัก ได้ Metro Boomin มาโปรดิวซ์ให้ ทั้งสองพาร์ทสั้นมากๆ Pt.2 คานเยแทบไม่ได้แร็พเลย ปล่อยให้เด็กปั้นคนใหม่ Desiigner แร็พยาวเกือบทั้งพาร์ท โดยพาร์ทแรกค่อนข้างโลกสวยไปในทางความรักที่มีให้ต่อเจ๊คิม ส่วนพาร์ทสองดราม่าเรื่องพ่อที่ทิ้งให้อยู่กับแม่ตามลำพังตั้งแต่คานเยยังอายุน้อยๆ จะว่าไปแล้วพาร์ทแรกเป็นการวาดภาพครอบครัวอันอบอุ่นของคานเย ในขณะเดียวกันคานเยก็กลับกลัวอยู่เหมือนกันว่า ครอบครัวของคานเยจะแตกแยกเหมือนครอบครัวเขาตอนเด็กๆอีกหรือเปล่า ซึ่งคานเยเองจะทำหน้าที่เป็นเสาหลักครอบครัวให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ในอนาคต คานเยเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า เขาน้ำตาไหลที่ได้แต่งเพลงนี้ และแอบคิดถึงพ่อผู้ห่างไกลอยู่เหมือนกัน ต่อด้วยเพลงเจ้าปัญหาอย่าง Famous ยังคงโอ้อวดความดังไปตามสไตล์ ไม่เกรงใจหญิงอีกต่างหาก ได้ Rihanna มาร้องท่อนฮุกเปิดเพลงได้มีเสน่ห์สุดๆ Swizz Beats ยังคงทำบีทออกมาได้มันส์สะท้านอีกเช่นเคย ห้อยท้ายด้วยแซมเปิ้ลเพลง Bam Bam ของ Sister Nancy และเพลง Do What You Gotta Do ของ Nina Simone เป็นรอบที่ห้าแล้วที่คานเยใช้เพลงของนักร้องตำนานผู้นี้มาแปะเป็นแซมเปิ้ลในเพลงตัวเอง
ตอก Haters ทั้งหลายด้วย Feedback เจ้าตัวคงภาคภูมิใจกับความสำเร็จที่ผ่านมาในอดีตที่ผลงานเพลงที่ผ่านมาของตัวเอง รวมถึงธุรกิจแฟชั่นกำลังไปได้สวย ในขณะเดียวกันเขาไม่ทิ้งคอนเซปต์ของอัลบั้มด้วยการเปรียบเปรยตัวเองกับพ่อค้ายาสุดฉาว Pablo Escobar อีกตัวตนนึงของนาย Pablo ที่ร้ายกาจและเป็นตัวป่วนในวงการบันเทิง พอๆกับ Pablo Escobar ที่เป็นตัวป่วนในวงการอาชญากรรม ซาวนด์สังเคราะห์สุดฉวัดเฉวียน มีลูกเล่นน่าสนใจ ตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง ได้ความเป็นคานเยกลับคืนมา
3
.
.
Low Lights เพลง Prelude ก่อนที่จะถึงเพลงถัดไป ไม่มีการแร็พจากคานเย มีแค่สุนทรพจน์ผู้หญิงนิรนามรายนึงในเพลง So Alive (Remix) ของ Sandy Rivera ที่มีการพูดถึงความความรักของผู้เป็นแม่ที่มีต่อลูกอย่างเต็มเปี่ยม โดยคานเยบอกว่าเนื้อหา Skit อารมณ์คล้ายๆแม่ที่ส่งลูกไปโรงเรียน ให้ไปเผชิญหน้าในโลกกว้าง ถึงแม้ว่าจะปล่อยลูกให้ไปเผชิญโลกตามลำพัง จิตวิญญาณและดวงใจของลูกสุดที่รักยังคงอยู่กับแม่อยู่เสมอ ไม่ไปไหน เป็น Speech ที่ทรงพลังมากๆ จนข้าพเจ้าไม่อยากกดข้าม มาถึงเพลงตัวเต็ม
Hilights เป็นการแสดงแสงยานุภาพทางงานดนตรีของตัวเองอย่างเต็มที่ แถมข่ม Ray J อดีตแฟนเก่าของเจ๊คิม ประมาณว่า กับกุชอบผู้หญิงคนเดียวกัน แต่กูรวยกว่าเลยได้ใจนางไป อวดความสำเร็จที่ผ่านมาไปเรื่อย ได้ Young Thug มาครวญครางช่วงต้นเพลง
จังหวะบีททำได้ดี
หลังจากอวดร่ำอวดรวยอวดความสำเร็จมาตั้งหลายแทร็คที่ผ่านมา เรามาดูมุมดาร์กกันบ้าง เริ่มจาก Freestyle 4 เพลงสั้นดาร์กหลอนสุดๆ ชอบเทคนิคการเล่นเสียงแบบเอคโค่ในเพลงนี้มากๆ มันดูมีมิติดี มันทำให้ผู้ฟังตกอยู่ในภวังค์สับสนตัวเอง ควบคุมตัวเองไม่อยู่เหมือนในเนื้อหาเพลงจริงๆ สับสนตัวเองมาซักพักก็เริ่มคิดถึงตัวตนเก่าๆที่คานเยเคยเป็นในเพลงแร็พแบบ accapellaแฝงอารมณ์ขัน ในแทร็ค I Love Kanye หลายๆคนให้ความสนใจเพลงนี้มากๆอาจจะเป็นเพราะช่วงปัจจุบันนี้เราเห็นคานเยทำตัวเป็นคนเลือดร้อนแทบทุกวัน ไม่เหมือนกับตอนเข้าวงการใหม่ที่ค่อนข้างถ่อมตัว ไม่มีอารมณ์ก้าวราว เป็นแร็พสดที่ทำออกมาเพื่อ diss ตัวเองชัดๆ
4
.
.
WAVES เพลงที่เกือบได้เป็น Title Track ประจำชุดนี้ บีทมาเป็นคลื่นๆสมชื่อเพลงได้ Chris Brown มาร่วมถ่ายทอดพลังงานในเพลงนี้ ผมแอบตะขิดตะขวงใจนิดนึงว่าข้าพเจ้ากำลังฟังเพลงของคานเยอยู่รึเปล่าว่ะเนี่ย เพราะเพลงมันมีสไตล์ความเป็น Chris Brown จ๋าซะเหลือเกิน คานเยแร็พน้อยมาก ให้คริสร้องซะเยอะ จนดูเหมือนว่าเจ้าของเพลงไม่ได้ถ่ายทอดพลังคลื่นนั้นด้วยตัวเอง ถ้าเพลงนี้ได้เป็น Title Trackตามท้องเรื่องชื่ออัลบั้มเก่าอย่าง WAVES จริงๆ คงเป็นคลื่นที่ไม่ค่อยมีความขลังมากนัก ดีแล้วล่ะที่ไม่ใช้ชื่อนี้ตั้งเป็นชื่ออัลบั้มแบบเก่า มาดราม่ากันต่อในเพลง FML ซาวนด์อิเล็กโทรดาร์กๆเงียบๆแร็พเนิบๆแอบหวือหวา ได้ The Weeknd มาตอกย้ำความดาร์กในท่อนฮุก ปิดท้ายด้วยเสียงคอรัสบิดเบี้ยวๆแลดูคล้ายๆมนุษย์ต่างดาวเพิ่มความแปลกใหม่เข้าไป ชื่อย่อเพลงนี้เป็นไปได้สองอย่าง My Life ที่ต้องการบ่นชีวิตการเป็นเซเลปของตัวเองที่มีความยุ่งเหยิง อีกชื่อนึงอย่าง For My Lady คงเป็นปณิธานที่ตัวเองตั้งใจที่จะเป็นสามีที่ดีของเจ๊คิมให้ได้ ถึงแม้ว่าสื่อจะมองว่าเจ๊คิมเนี่ยแหละที่จะทำให้คานเยแย่ลงกว่าเดิม เป็นการตอกสื่อเบาๆ
[CR] [รีวิวอัลบั้ม] The Life Of Pablo - Kanye West (เวอร์ชั่น ยาวไป)
Intro
.
.
จะว่าไปแล้ว ถ้าใครได้ติดตามวงการฮิพฮอพมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายๆคนคงได้เห็นข่าวของแร็พเปอร์อีโก้ค้ำกบาลอย่าง Kanye West เต็มหน้า News Feed แน่นอน อัลบั้มชุดที่ 7 The Life Of Pablo มีแผนการโปรโมทที่ไม่ธรรมดาเอามากๆฮับ สร้างความสับสนให้แฟนเพลงเป็นระยะๆด้วยการเปลี่ยนชื่ออัลบั้มมาแล้ว 3 รอบ ตั้งแต่ So Help Me God >> SWISH >>> WAVES ซึ่งชื่อนี้มีปัญหาดราม่ากับ Wiz Khalifa ที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก ต่อต้านคานเยที่ไม่ให้ความเคารพแร็พเปอร์ในตำนาน Max B ที่เป็นต้นแบบของคำว่า WAVES จนมาถึง TLOP ชื่อปัจจุบันที่คานเยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเนื้อเพลง No More Parties In LA เพลงแถมในอัลบั้มที่ตัวเองที่ปล่อยออกมาให้ฟังก่อนหน้านั้น ซึ่งคานเย reference ถึงชื่อ Pablo อยู่บ่อยๆ Pablo ในที่นี้สื่อถึงบุคคลต้นแบบ 3 คน 3 สไตล์ไม่ว่าจะเป็น Pablo Picasso จิตรกรเอกระดับโลก Pablo Escobar พ่อค้ายาเสพติดผู้อื้อฉาว และ Saint Paul (a.k.a Pablo in spanish) ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล นอกจากเปลี่ยนชื่ออัลบั้มแล้ว ยังเปลี่ยนเพลงในอัลบั้มอีกต่างหาก สลับกันไปสลับกันมา เปลี่ยนจนนาทีสุดท้ายเลยล่ะครับ การพรีเมียร์อัลบั้มชุดนี้ก็มาในรูปแบบกึงแฟชั่นโชว์กึ่ง Listening Party ไหนๆกูก็จะปล่อยอัลบั้มใหม่แล้ว จัดงานงานแฟชั่นโชว์ Yeezy Season 3 พร้อมกันเลย โดยงานพรีเมียร์อัลบั้มก็ใช้ลาน Madison Square Garden ก่อนจะได้ฟังอัลบั้มเต็มก็แกล้งทำเป็นมีปัญหากับ แร็พเปอร์รุ่นน้อง Chance The Rapper ที่มีเจตนารมย์ต้องการให้ใช้ชื่อ WAVES ดังเดิม จนเกิดกระแส viral Blame Chance เต็มโซเชี่ยล จนในที่สุดอัลบั้ม TLOP ก็ได้ฤกษ์ปล่อยให้ฟังก่อนใครใน Tidal ในวันแห่งความรัก 14 กุมภา
หนึ่งสัปดาห์ถัดมา คานเยก็ดับฝันแฟนเพลงที่ต้องการอัลบั้ม TLOP ไว้ในครอบครองด้วยการประกาศว่า มีให้ฟังแค่ Tidal ที่เดียวเท่านั้น ไม่มีแผ่นวางขายและไม่ขายในiTunes หรือสตรีมมิ่งเจ้าอื่นใดๆทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นลูกเพจคนไหนอยากได้ก็ต้องฟังผ่าน Tidal สตรีมมิ่งของพี่ชายสุดที่รัก Jay-Z แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น กระแสของอัลบั้มชุดนี้ก็ทำให้แอพ Tidal ที่แทบจะเป็น Uncharted ในชารต์ดาวน์โหลดแอพ กลับกลายเป็นว่าแอพ Tidal ถูกโหลดมากที่สุดจนติดท็อปชาร์ตได้ในที่สุด กระแสที่ตามมาในอัลบั้มชุดนี้คงหนีไม่พ้นเนื้อเพลงที่ reference ถึงอดีตเกาเหลา Taylor Swift ในเพลง Famous ว่า เทย์เลอร์ดังได้เพราะกูเนี่ยแหละ หลายคนคงทราบกันดีว่า เทย์เลอร์เคยโดนคานเยป่วนเวทีมาแล้ว เมื่อปีที่แล้วทั้งคู่ยังดีกันอยู่ แทนที่จะปิดฉากเกาเหลา แต่กลับกลายเป็นว่าคานเยก็เปิดประเด็นให้เกิดศึกเกาเหลาอีกระลอก คราวนี้ดูท่าจะจบไม่สวย เพราะ เทย์เลอร์ก็ออกมาประกาศศักดิ์ดาตบหน้าคานเยบนเวทีแกรมมี่เป็นที่เรียบร้อย ถึงคานเยจะเป็นคนปากจะหมา ทำตัวเกรียน หลงตัวเอง พล่ามหน้าทวิตเตอร์ ทำตัวน่ารำคาญเป็นศิลปินเจ้าปัญหามากเท่าไร ความมีศักยภาพทางดนตรีบวกกับการแร็พที่ไม่เป็นสองรองใคร ผมเชื่อว่าสาวกฮิพฮอพหลายคนก็ยังอยากจะฟังผลงานชุดใหม่ด้วยความฉงนสนเท่ห์อยู่ดีครับ
ผลงานชุดนี้มีความแตกต่างจากชุดที่แล้วตรงที่ อัลบั้มนี้เพิ่มความเป็น gospel เข้าไป ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของเจ้าตัวที่ประกาศทิศทางของอัลบั้มผ่านทางทวิตเตอร์ ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของคานเยที่ชอบเอาเพลงเก่าๆมาแซมเปิ้ลเป็นส่วนประกอบสำคัญของเพลง รวมไปถึงการใช้ autotune มี่หนักกว่าเดิม แขกรับเชิญในอัลบั้มนี้มีเพียบ มีทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าในวงการเริ่มตั้งแต่ Chance The Rapper , Kid Cudi , Desiigner , Rihanna , The Weeknd , Ty Dolla $ign , Young Thug , The Dream , Chris Brown , Frank Ocean และ Kendrick Lamar ส่วนโปรดิวเซอร์ก็มาแบบอุ่นหนาฝาคั่งจริงๆ อาทิ Swizz Beatz , Mike Dean , Rick Rubin , Metro Boomin , Southside และ Hudson Mohawke มาร่วมโปรดิวซ์ให้งานชุดนี้อย่างเต็มที่ ส่วนหลายๆคนที่ดูรายชื่อคนเขียนเพลงและโปรดิวเซอร์ที่มีมากมายซะเหลือเกิน จริงๆแล้วเพลงในชุดนี้เกือบทุกแทร็คเค้ามีแซมเปิ้ลเป็นส่วนนึงของเพลงด้วย จึงไม่แปลกใจที่คานเยจะหยิบชื่อนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ที่เกี่ยวข้องกับเพลงที่นำแซมเปิ้ลเอามารวมไว้ในเครดิตผลงานชุดนี้ด้วย เนื้อหาเพลงในอัลบั้มชุดนี้พูดถึงชีวิตส่วนตัวของคานเยทั้งในอดีตและปัจจุบัน โอ้อวดความสำเร็จ บ่นชีวิตอันยุ่งเหยิงในวงการบันเทิง สอดแทรกเรื่องศาสนามาเป็นเนืองๆ ไม่เล่นประเด็นเรื่องเหยียดสีผิวเหมือนผลงานชุดก่อน
1
.
.
เปิดอัลบั้มด้วยเพลงแร็พผสมผสานกับกอสเปลและโซล Ultralight Beam มาแบบเงียบๆ บีทสังเคราะห์มาเป็นระยะๆ ฟังผิวเผินตอนแรกชวนง่วงใช้ได้เลยล่ะ เพราะจังหวะเพลงมันเนิบนาบอ่ะนะ ไม่เหมาะกับการเป็นเพลงเปิดอัลบั้มชุดนี้เอาเสียเหลือ แต่ฟังไปหลายๆรอบ ผมกลับชื่นชอบเพลงนี้มากๆ มันมีความละเมียดละไมอย่างยิ่งทั้งคอรัสที่คานเยเลือกใช้บริการชาวคณะประสานเสียงที่เคยร่วมงานในเพลง Never Let Me Down และ Two Words เพลงจากอัลบั้มสุดคลาสิคของคานเย The Colledge Dropout ชาวคณะประสานเสียงและ The Dream เนี่ยแหละมีส่วนช่วยให้เพลงนี้มันละเมียดละไมมากขึ้น ลึกซึ้งเข้าถึงอารมณ์ได้ดียิ่งยวด ถ้าขาดพวกเขาไปเพลงนี้คงต้องจืดแน่นอนเพราะคานเยแร็พแค่นิดเดียวเอาเพลงไม่อยู่แน่นอนครับ อีกหนึ่งคนที่ผมขอยกความดีความชอบให้ก็คือ Chance The Rapper ที่ดึงศักยภาพในการแร็พของเขาออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ดูมีความพยายามดี สังเกตได้จากท่อนที่เขาแร็พว่า
"I met Kanye West, I'm never going to fail/He said let's do a good ass job with Chance three
I hear you gotta sell it to snatch the Grammy/Let's make it so free and the bars so hard
That there ain't one gosh darn part you can't tweet"
เป็นท่อนที่ผมชอบมากๆ ผมคิดว่าแร็พท่อนนี้น่าจะเป็นท่อนที่ดีที่สุดในอาชีพการเป็นแร็พเปอร์ของ Chance ณ ขณะนี้เลยล่ะครับ นอกจากแขกรับเชิญที่ดีงามแล้ว เนื้อหาก็ Link ไปเรื่องศาสนาอีกต่างหาก จากที่กระผมได้หาข้อมูลจาก Genius.com เพลงนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่มีตำนานอันเล่าขานของนักบวช Saint Paul ที่ได้รับลำแสงจากสรวงสวรรค์จนตาบอดไปสามวัน ต่อมาก็เกิดปาฏิหารย์จากพระเจ้า Saint Paul กลับมามองเห็นได้อีกครั้งอย่างมหัศจรรย์ หลังจากที่ Saint Paul กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ก็อุทิศตนต่อพระบิดาด้วยการเขียนพระคัมภีร์มากถึง 13 เล่ม การอุทิศตนของ Saint Paul ในครั้งนี้ทำให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญของศาสนาคริสต์ที่ถูกเล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้ Kanye กำลังเปรียบเปรยชีวิตของตัวเองที่ได้รับพรบางอย่างจากพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการได้รับพรสวรรค์ทางดนตรี ประสบความสำเร็จในการเป็นแร็พเปอร์ ความรักกับเจ๊คิมที่กำลังไปได้สวย รวมทั้งธุรกิจแบรนด์แฟชั่นที่กำลังรุ่งอยู่ ณ ขณะนี้ แต่เขาจะไม่หยุดความสำเร็จไว้แค่นี้ เพราะมีภารกิจบางอย่างที่ต้องทำเพื่อพระบิดาอีกเช่นกัน
2
.
.
Father Stretch My Hands Pt.1 และ Pt.2 ซาวนด์มีความเป็น Trap Rap คล้ายๆ Future ไม่ค่อยมีความเป็นคานเยมากเท่าไหร่นัก ได้ Metro Boomin มาโปรดิวซ์ให้ ทั้งสองพาร์ทสั้นมากๆ Pt.2 คานเยแทบไม่ได้แร็พเลย ปล่อยให้เด็กปั้นคนใหม่ Desiigner แร็พยาวเกือบทั้งพาร์ท โดยพาร์ทแรกค่อนข้างโลกสวยไปในทางความรักที่มีให้ต่อเจ๊คิม ส่วนพาร์ทสองดราม่าเรื่องพ่อที่ทิ้งให้อยู่กับแม่ตามลำพังตั้งแต่คานเยยังอายุน้อยๆ จะว่าไปแล้วพาร์ทแรกเป็นการวาดภาพครอบครัวอันอบอุ่นของคานเย ในขณะเดียวกันคานเยก็กลับกลัวอยู่เหมือนกันว่า ครอบครัวของคานเยจะแตกแยกเหมือนครอบครัวเขาตอนเด็กๆอีกหรือเปล่า ซึ่งคานเยเองจะทำหน้าที่เป็นเสาหลักครอบครัวให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ในอนาคต คานเยเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า เขาน้ำตาไหลที่ได้แต่งเพลงนี้ และแอบคิดถึงพ่อผู้ห่างไกลอยู่เหมือนกัน ต่อด้วยเพลงเจ้าปัญหาอย่าง Famous ยังคงโอ้อวดความดังไปตามสไตล์ ไม่เกรงใจหญิงอีกต่างหาก ได้ Rihanna มาร้องท่อนฮุกเปิดเพลงได้มีเสน่ห์สุดๆ Swizz Beats ยังคงทำบีทออกมาได้มันส์สะท้านอีกเช่นเคย ห้อยท้ายด้วยแซมเปิ้ลเพลง Bam Bam ของ Sister Nancy และเพลง Do What You Gotta Do ของ Nina Simone เป็นรอบที่ห้าแล้วที่คานเยใช้เพลงของนักร้องตำนานผู้นี้มาแปะเป็นแซมเปิ้ลในเพลงตัวเอง
ตอก Haters ทั้งหลายด้วย Feedback เจ้าตัวคงภาคภูมิใจกับความสำเร็จที่ผ่านมาในอดีตที่ผลงานเพลงที่ผ่านมาของตัวเอง รวมถึงธุรกิจแฟชั่นกำลังไปได้สวย ในขณะเดียวกันเขาไม่ทิ้งคอนเซปต์ของอัลบั้มด้วยการเปรียบเปรยตัวเองกับพ่อค้ายาสุดฉาว Pablo Escobar อีกตัวตนนึงของนาย Pablo ที่ร้ายกาจและเป็นตัวป่วนในวงการบันเทิง พอๆกับ Pablo Escobar ที่เป็นตัวป่วนในวงการอาชญากรรม ซาวนด์สังเคราะห์สุดฉวัดเฉวียน มีลูกเล่นน่าสนใจ ตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง ได้ความเป็นคานเยกลับคืนมา
3
.
.
Low Lights เพลง Prelude ก่อนที่จะถึงเพลงถัดไป ไม่มีการแร็พจากคานเย มีแค่สุนทรพจน์ผู้หญิงนิรนามรายนึงในเพลง So Alive (Remix) ของ Sandy Rivera ที่มีการพูดถึงความความรักของผู้เป็นแม่ที่มีต่อลูกอย่างเต็มเปี่ยม โดยคานเยบอกว่าเนื้อหา Skit อารมณ์คล้ายๆแม่ที่ส่งลูกไปโรงเรียน ให้ไปเผชิญหน้าในโลกกว้าง ถึงแม้ว่าจะปล่อยลูกให้ไปเผชิญโลกตามลำพัง จิตวิญญาณและดวงใจของลูกสุดที่รักยังคงอยู่กับแม่อยู่เสมอ ไม่ไปไหน เป็น Speech ที่ทรงพลังมากๆ จนข้าพเจ้าไม่อยากกดข้าม มาถึงเพลงตัวเต็ม
Hilights เป็นการแสดงแสงยานุภาพทางงานดนตรีของตัวเองอย่างเต็มที่ แถมข่ม Ray J อดีตแฟนเก่าของเจ๊คิม ประมาณว่า กับกุชอบผู้หญิงคนเดียวกัน แต่กูรวยกว่าเลยได้ใจนางไป อวดความสำเร็จที่ผ่านมาไปเรื่อย ได้ Young Thug มาครวญครางช่วงต้นเพลง
จังหวะบีททำได้ดี
หลังจากอวดร่ำอวดรวยอวดความสำเร็จมาตั้งหลายแทร็คที่ผ่านมา เรามาดูมุมดาร์กกันบ้าง เริ่มจาก Freestyle 4 เพลงสั้นดาร์กหลอนสุดๆ ชอบเทคนิคการเล่นเสียงแบบเอคโค่ในเพลงนี้มากๆ มันดูมีมิติดี มันทำให้ผู้ฟังตกอยู่ในภวังค์สับสนตัวเอง ควบคุมตัวเองไม่อยู่เหมือนในเนื้อหาเพลงจริงๆ สับสนตัวเองมาซักพักก็เริ่มคิดถึงตัวตนเก่าๆที่คานเยเคยเป็นในเพลงแร็พแบบ accapellaแฝงอารมณ์ขัน ในแทร็ค I Love Kanye หลายๆคนให้ความสนใจเพลงนี้มากๆอาจจะเป็นเพราะช่วงปัจจุบันนี้เราเห็นคานเยทำตัวเป็นคนเลือดร้อนแทบทุกวัน ไม่เหมือนกับตอนเข้าวงการใหม่ที่ค่อนข้างถ่อมตัว ไม่มีอารมณ์ก้าวราว เป็นแร็พสดที่ทำออกมาเพื่อ diss ตัวเองชัดๆ
4
.
.
WAVES เพลงที่เกือบได้เป็น Title Track ประจำชุดนี้ บีทมาเป็นคลื่นๆสมชื่อเพลงได้ Chris Brown มาร่วมถ่ายทอดพลังงานในเพลงนี้ ผมแอบตะขิดตะขวงใจนิดนึงว่าข้าพเจ้ากำลังฟังเพลงของคานเยอยู่รึเปล่าว่ะเนี่ย เพราะเพลงมันมีสไตล์ความเป็น Chris Brown จ๋าซะเหลือเกิน คานเยแร็พน้อยมาก ให้คริสร้องซะเยอะ จนดูเหมือนว่าเจ้าของเพลงไม่ได้ถ่ายทอดพลังคลื่นนั้นด้วยตัวเอง ถ้าเพลงนี้ได้เป็น Title Trackตามท้องเรื่องชื่ออัลบั้มเก่าอย่าง WAVES จริงๆ คงเป็นคลื่นที่ไม่ค่อยมีความขลังมากนัก ดีแล้วล่ะที่ไม่ใช้ชื่อนี้ตั้งเป็นชื่ออัลบั้มแบบเก่า มาดราม่ากันต่อในเพลง FML ซาวนด์อิเล็กโทรดาร์กๆเงียบๆแร็พเนิบๆแอบหวือหวา ได้ The Weeknd มาตอกย้ำความดาร์กในท่อนฮุก ปิดท้ายด้วยเสียงคอรัสบิดเบี้ยวๆแลดูคล้ายๆมนุษย์ต่างดาวเพิ่มความแปลกใหม่เข้าไป ชื่อย่อเพลงนี้เป็นไปได้สองอย่าง My Life ที่ต้องการบ่นชีวิตการเป็นเซเลปของตัวเองที่มีความยุ่งเหยิง อีกชื่อนึงอย่าง For My Lady คงเป็นปณิธานที่ตัวเองตั้งใจที่จะเป็นสามีที่ดีของเจ๊คิมให้ได้ ถึงแม้ว่าสื่อจะมองว่าเจ๊คิมเนี่ยแหละที่จะทำให้คานเยแย่ลงกว่าเดิม เป็นการตอกสื่อเบาๆ