เราเป็นวิชาชีพทางการแพทย์เคยทำงานรพ.เอกชน เงินเดือน+โอทีประมาณ35k สักพักก็ออกมาอยู่outsourceรายรับประมาณ45-50k แต่เชื่อมั๊ย เงินเราไม่เคยเหลือเลย ตอนนั้นท้อใจมาก อยู่ที่นั่นปี51-57 เรามีหนี้เพิ่มขึ้นๆทุกปี น้ำหนักตัวก็เพิ่มจาก 57ขึ้นไปเป็น83และไม่ลดลงเลย แต่เพราะกินเก่ง ซื้อของก็ไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่เคยมีคำว่าประหยัดอยู่ในหัวเลย
ตอนนั้นชีวิตอยู่ในภาวะเครียดมาก หนี้บัตรเครดิตว่าเยอะแล้ว เรามีหนี้กับบริษัทอีกต่างหาก คือเราต้องดูแลเงินประจำสาขา ตลอดเวลาเราต้องหมุนเงินให้เขาแต่เรารู้เลยว่าเราติดลบเงินเขาอยู่ เราไม่เคยคิดจะโกงเขานะ แต่เงินมันยังไม่ถึงรอบจ่ายมันจะอยู่ที่เรา ถึงเวลาที่ต้องจ่าย เราก็จ่ายตรงเป๊ะตลอด
แต่เมื่อประมาณปี57นั่นแหล่ะ ช่วงที่ไม่ไหวแล้ว ในหัวมันก็แวบขึ้นมาว่าเราต้องหักดิบ เราเลยกดบัตรเครดิตมาโปะเงินบริษัทจนหมดแล้วเราก็ออก บังเอิญสายงานเรามันก็หางานไม่ยากมาก เลยจับพลัดจับผลูได้มาอยู่รพ.ชุมชนแห่งหนึ่ง แต่เป็นลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งช่วงนี้กระทรวงก็จะทะยอยเรียกบรรจุเรื่อยๆ จริงๆไม่ได้หวังมากมาย แต่เหมือนมันเป็นเรื่องที่ดวงชักนำให้เราได้ออกมาอยู่ตรงนี้
แรกๆมางงงวยกับชีวิตมาก จากรายรับเยอะๆเหลือรับแค่ 15k ไปไม่เป็นเลยทีเดียว แต่สิ่งที่เราได้มาคือเรารู้จักประหยัดมากขึ้น บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ เงินเดือนใช้หนี้อย่างเดียว เงินสักบาทแทบไม่กระเด็นออกจากกระเป๋าเลย เราประหยัดมากๆจริงๆ(ร้องไห้) ถ้าเทียบกับคนอื่นมันก็ไม่สวยหรูหรอก แต่ถ้าเทียบกับตัวเองสมัยอยู่outsourceตอนนี้เราสบายกว่ามาก แถมน้ำหนักลดเหลือ55 555555(ไอ้5555555ข้างหลังคือเสียงหัวเราะ)
มาถึงตอนนี้รายรับประมาณ28-30k เราทยอยใช้หนี้คาดว่าจะหมดภายในปีนี้ มันรู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก จากเดิมที่เราจะต้องหมุนบัตรเครดิตกันจนหัวปูด ตอนนี้ก็ลดน้อยลง
บ่อยครั้งที่เราแอบคิดอยากกลับไปอยู่outsourceเพราะรายได้เยอะ และเราก็รู้จักใช้เงินแล้ว คิดว่าคงไม่เตลิดเหมือนเดิม แต่งานตรงนี้มันก็มีโอกาสเป็นขรก.และค่าใช้จ่าย(ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่ากิน) เราแทบเป็น0ในแต่ละเดือนเลยเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ต่อไป
และบังเอิญได้ยินแฟนบ่นว่าหัวหน้างาน เงินเดือนเหยียบแสนมาขอยืมบัตรเครดิตไปใช้เพราะของตัวเองวงเงินเต็ม เรานี่นึกภาพตัวเองตอนนั้นออกเลยอ่ะ คิดแล้วก็ยังสยองไม่หาย เงินเยอะก็ใช้เยอะจริงๆ
ทั้งหมดคือเราแค่อยากเล่าให้ฟังว่าถ้าเงินเยอะแต่ไม่รู้จักใช้จ่าย ไม่รู้จักประหยัด มันก็ทำให้เราทุกข์ ถ้าเราสำนึกช้ากว่านี้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น
อยากแชร์ประสบการณ์การทำงาน เงินเดือน และการบริหารหนี้ค่ะ
ตอนนั้นชีวิตอยู่ในภาวะเครียดมาก หนี้บัตรเครดิตว่าเยอะแล้ว เรามีหนี้กับบริษัทอีกต่างหาก คือเราต้องดูแลเงินประจำสาขา ตลอดเวลาเราต้องหมุนเงินให้เขาแต่เรารู้เลยว่าเราติดลบเงินเขาอยู่ เราไม่เคยคิดจะโกงเขานะ แต่เงินมันยังไม่ถึงรอบจ่ายมันจะอยู่ที่เรา ถึงเวลาที่ต้องจ่าย เราก็จ่ายตรงเป๊ะตลอด
แต่เมื่อประมาณปี57นั่นแหล่ะ ช่วงที่ไม่ไหวแล้ว ในหัวมันก็แวบขึ้นมาว่าเราต้องหักดิบ เราเลยกดบัตรเครดิตมาโปะเงินบริษัทจนหมดแล้วเราก็ออก บังเอิญสายงานเรามันก็หางานไม่ยากมาก เลยจับพลัดจับผลูได้มาอยู่รพ.ชุมชนแห่งหนึ่ง แต่เป็นลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งช่วงนี้กระทรวงก็จะทะยอยเรียกบรรจุเรื่อยๆ จริงๆไม่ได้หวังมากมาย แต่เหมือนมันเป็นเรื่องที่ดวงชักนำให้เราได้ออกมาอยู่ตรงนี้
แรกๆมางงงวยกับชีวิตมาก จากรายรับเยอะๆเหลือรับแค่ 15k ไปไม่เป็นเลยทีเดียว แต่สิ่งที่เราได้มาคือเรารู้จักประหยัดมากขึ้น บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ เงินเดือนใช้หนี้อย่างเดียว เงินสักบาทแทบไม่กระเด็นออกจากกระเป๋าเลย เราประหยัดมากๆจริงๆ(ร้องไห้) ถ้าเทียบกับคนอื่นมันก็ไม่สวยหรูหรอก แต่ถ้าเทียบกับตัวเองสมัยอยู่outsourceตอนนี้เราสบายกว่ามาก แถมน้ำหนักลดเหลือ55 555555(ไอ้5555555ข้างหลังคือเสียงหัวเราะ)
มาถึงตอนนี้รายรับประมาณ28-30k เราทยอยใช้หนี้คาดว่าจะหมดภายในปีนี้ มันรู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก จากเดิมที่เราจะต้องหมุนบัตรเครดิตกันจนหัวปูด ตอนนี้ก็ลดน้อยลง
บ่อยครั้งที่เราแอบคิดอยากกลับไปอยู่outsourceเพราะรายได้เยอะ และเราก็รู้จักใช้เงินแล้ว คิดว่าคงไม่เตลิดเหมือนเดิม แต่งานตรงนี้มันก็มีโอกาสเป็นขรก.และค่าใช้จ่าย(ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่ากิน) เราแทบเป็น0ในแต่ละเดือนเลยเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ต่อไป
และบังเอิญได้ยินแฟนบ่นว่าหัวหน้างาน เงินเดือนเหยียบแสนมาขอยืมบัตรเครดิตไปใช้เพราะของตัวเองวงเงินเต็ม เรานี่นึกภาพตัวเองตอนนั้นออกเลยอ่ะ คิดแล้วก็ยังสยองไม่หาย เงินเยอะก็ใช้เยอะจริงๆ
ทั้งหมดคือเราแค่อยากเล่าให้ฟังว่าถ้าเงินเยอะแต่ไม่รู้จักใช้จ่าย ไม่รู้จักประหยัด มันก็ทำให้เราทุกข์ ถ้าเราสำนึกช้ากว่านี้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น