สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
เก็บตกมาจาก fb Atukkit Sawangsuk (ใบตองแห้ง)
ภายหลังคำพิพากษา ที่สะใจสื่อสลิ่ม สรยุทธ์ควรจัดรายการต่อไปหรือไม่
ผมไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย ในเมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด และศาลไม่ได้สั่งห้าม เพียงแต่
1.สรยุทธ์ต้องไม่ใช้รายการแก้ต่างให้ตัวเอง
2.สรยุทธ์ต้องรายงานข่าวนี้เช่นเดียวกับช่องอื่นๆ ถ้าจะมีตัวเองพูด ก็คือตัวเองที่หน้าศาล
พูดเป็นข่าวเหมือนทุกช่องทั่วไป ไม่ให้เวลาตัวเองเป็นพิเศษ
คนดูจะยอมรับหรือไม่ ก็ให้วัดจากเรตติ้ง เป็นเรื่องของช่อง 3 ที่จะประเมิน
แน่ละ พวกต่อมศีลธรรมสูงคงด่าลั่น เรียกร้องให้บอยคอตต์ช่อง 3 เอเยนซีถอนโฆษณา
พร้อมกับด่าคนดูว่าจริยธรรมต่ำ ยอมรับคนโกงได้อย่างไร
ทั้งที่คนดูไม่ได้ดูเพราะเชื่อว่าสรยุทธ์โกงไม่โกง แต่คนดูดูเพราะสรยุทธ์จับประเด็นข่าว
นำเสนอได้แหลมคม เข้าเป้า น่าสนใจกว่าคนอื่นว่าที่จริง กรณีนี้ถ้าเป็นสังคมฝรั่ง
กระบวนการยุติธรรมฝรั่ง "จริยธรรมฝรั่ง" สถานีจะต้องสั่งพักงานสรยุทธ์จนกว่าคดีจะสิ้นสุด
และผมก็คงเห็นด้วย อ้าว ไหงงั้น
ก็เพราะเราอยู่ในสังคมดัดจริตไง อยู่ในสังคมล่าแม่มด ที่ไล่ขึงพืดคนอื่นเพื่อให้ตัวเองเป็นคนดี
สื่อไทยไล่ล่าสรยุทธ์ ไม่เพียงเพราะความ "ริษยารวมหมู่" ที่สรยุทธ์แม่-รวยจากการ "ขายข่าว"
(ผู้ประกาศเป็นดาราหรู นักข่าวไส้แห้ง ทั้งที่ความจริงต้องโทษต้นสังกัดเมริงสิ จ่ายเงินเดือนน้อย
ข่าวเมื่อรายงานออกไปก็เป็นสาธารณะ ใครจะหยิบประเด็นไปขาย ไปขยาย ไปสานต่อ
ก็อยู่ที่ความสามารถแต่ละคน)
แต่สื่อไทยยังไล่ล่าสรยุทธ์ เพื่อหาคนบาป เบี่ยงเบนจากบาปตัวเอง ที่เลือกข้างทำลายล้างประชาธิปไตย
แถอย่างไร้เหตุผล อ้างตนเป็นคนดี เห็นไหม เราเป็นคนดีมีศีลธรรม เราควรมีอำนาจชี้นำสังคม
สรยุทธื์สิ แม่-เลวถ้าจำกันได้ บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ถอนโฆษณาช่อง 3 รายแรก คือโตชิบ้า
แล้วมาดามโตชิบ้าคนดีมีศีลธรรมก็กระโดดอ้าซ่าไปเป็นรัฐมนตรีรัฐประหาร
(ตามด้วยผัวได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจ)
ไม่แน่นะ ถ้าสรยุทธ์เป็นสลิ่ม ต่อให้โดนคำพิพากษาหนักกว่านี้ สื่ออาจเห็นใจก็ได้
ภายหลังคำพิพากษา ที่สะใจสื่อสลิ่ม สรยุทธ์ควรจัดรายการต่อไปหรือไม่
ผมไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย ในเมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด และศาลไม่ได้สั่งห้าม เพียงแต่
1.สรยุทธ์ต้องไม่ใช้รายการแก้ต่างให้ตัวเอง
2.สรยุทธ์ต้องรายงานข่าวนี้เช่นเดียวกับช่องอื่นๆ ถ้าจะมีตัวเองพูด ก็คือตัวเองที่หน้าศาล
พูดเป็นข่าวเหมือนทุกช่องทั่วไป ไม่ให้เวลาตัวเองเป็นพิเศษ
คนดูจะยอมรับหรือไม่ ก็ให้วัดจากเรตติ้ง เป็นเรื่องของช่อง 3 ที่จะประเมิน
แน่ละ พวกต่อมศีลธรรมสูงคงด่าลั่น เรียกร้องให้บอยคอตต์ช่อง 3 เอเยนซีถอนโฆษณา
พร้อมกับด่าคนดูว่าจริยธรรมต่ำ ยอมรับคนโกงได้อย่างไร
ทั้งที่คนดูไม่ได้ดูเพราะเชื่อว่าสรยุทธ์โกงไม่โกง แต่คนดูดูเพราะสรยุทธ์จับประเด็นข่าว
นำเสนอได้แหลมคม เข้าเป้า น่าสนใจกว่าคนอื่นว่าที่จริง กรณีนี้ถ้าเป็นสังคมฝรั่ง
กระบวนการยุติธรรมฝรั่ง "จริยธรรมฝรั่ง" สถานีจะต้องสั่งพักงานสรยุทธ์จนกว่าคดีจะสิ้นสุด
และผมก็คงเห็นด้วย อ้าว ไหงงั้น
ก็เพราะเราอยู่ในสังคมดัดจริตไง อยู่ในสังคมล่าแม่มด ที่ไล่ขึงพืดคนอื่นเพื่อให้ตัวเองเป็นคนดี
สื่อไทยไล่ล่าสรยุทธ์ ไม่เพียงเพราะความ "ริษยารวมหมู่" ที่สรยุทธ์แม่-รวยจากการ "ขายข่าว"
(ผู้ประกาศเป็นดาราหรู นักข่าวไส้แห้ง ทั้งที่ความจริงต้องโทษต้นสังกัดเมริงสิ จ่ายเงินเดือนน้อย
ข่าวเมื่อรายงานออกไปก็เป็นสาธารณะ ใครจะหยิบประเด็นไปขาย ไปขยาย ไปสานต่อ
ก็อยู่ที่ความสามารถแต่ละคน)
แต่สื่อไทยยังไล่ล่าสรยุทธ์ เพื่อหาคนบาป เบี่ยงเบนจากบาปตัวเอง ที่เลือกข้างทำลายล้างประชาธิปไตย
แถอย่างไร้เหตุผล อ้างตนเป็นคนดี เห็นไหม เราเป็นคนดีมีศีลธรรม เราควรมีอำนาจชี้นำสังคม
สรยุทธื์สิ แม่-เลวถ้าจำกันได้ บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ถอนโฆษณาช่อง 3 รายแรก คือโตชิบ้า
แล้วมาดามโตชิบ้าคนดีมีศีลธรรมก็กระโดดอ้าซ่าไปเป็นรัฐมนตรีรัฐประหาร
(ตามด้วยผัวได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจ)
ไม่แน่นะ ถ้าสรยุทธ์เป็นสลิ่ม ต่อให้โดนคำพิพากษาหนักกว่านี้ สื่ออาจเห็นใจก็ได้
แสดงความคิดเห็น
สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้โดน "แรงริษยา" จากสื่อด้วยกัน
นั่นเป็นข้อหาในฐานะ ผู้บริหารบริษัทไร่ส้ม
ไม่ใช่ในฐานะสื่อ
โดนกระหน่ำหนัก โดนกระหน่ำมาตั้งแต่โดน ป.ป.ช. ชี้มูล
ว่าควรเลิกทำหน้าที่
นี่คือแรงริษยาของสื่อด้วยกัน เพราะสรยุทธประสบความสำเร็จสูง ร่ำรวย
เกินหน้าเกินตาสื่อริษยาทั้งหลาย
สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นผู้บริหารสื่อ มีคดีติดตัวไม่รู้กี่คดี มีคดีก่อนสรยุทธ แต่ไม่มีใครแตะต้อง
สุทธิชัย หยุ่น หลีกเลี่ยงไม่รับทราบข้อกล่าวหามาเป็นปี (แปลก ไม่รู้ทำได้ไง ทำไมตำรวจไม่ออกหมายจับ)
แต่ไม่มีสื่อเอ่ยถึง
สื่อบางคน หากไม่ใช่เพราะความเป็นสื่อ ไม่มีทางที่จะได้แอ้มสาว
แต่ไม่มีคำตำหนิจากสื่อริษยาด้วยกัน เพราะถือว่า "พวกเดียวกัน"
สื่อทุกวันนี้ สำหรับสรยุทธ จะดีจะเลวยัง ผมก็เห็นว่าเขาไม่เคย "ชี้นำ"
อย่างที่สื่อทั้งหลายในวันนี้กระทำ
เขาแค่รายงานข่าว สัมภาษณ์ ไม่เคย หรือหากมีก็น้อยนิดมาก ที่จะใส่ความเห็นเข้าไปในข่าว
อันเป็นเรื่องผิดจรรยาบรรณสื่อ เพราะนั่นตือการชี้นำ
สื่อวันนี้ แทบจะไร้คุณค่า
สื่อหลายค่ายก็อยู่ได้ด้วยเงินลึกลับ ไม่ใช่อยู่ได้ด้วยผลประกอบการ
หลายค่าย หลายสำนัก หลายคนก็ทำมาหากินด้วยการเสี้ยม โจมตีทางการเมือง แต่ยังกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นสื่อ
หากพิจารณาในความเป็นสื่อแล้ว
ผมว่าสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นสื่อมากกว่าพวกคนที่รุมโจมตีเขาในตอนนี้ครับ