"เงินไม่ได้ซื้อได้แค่ความสบายนะ เงินยังซื้อความลำบากได้ด้วย"
คำพูดจากพี่คนหนึ่งในทริปที่เราจำได้ขึ้นใจ
จริงๆ แล้ว ทริปนี้ก็เป็นอย่างที่พี่เขาพูดนั่นแหละ คนหลงป่าหรือนักเดินป่าทั้งหลายจะเข้าใจดี ทุกๆ ทริปที่ตัดสินใจเข้าป่า ต้องยอมรับไว้ระดับหนึ่งแล้ว ว่าลำบากแน่ๆ แต่ก็นั่นล่ะ คนมันหลงไปแล้ว จะห้ามได้ยังไง ลำบากแค่ไหนก็ต้องไปสินะ
เพื่อนๆ แวะมาทักทาย สอบถาม พูดคุย เม้าท์มอยกับเราต่อได้ที่เพจของเราเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/khonkheetiew/
ทริปนี้ เริ่มต้นขึ้นมาจากคำถามเล็กๆ ของพี่คนหนึ่ง กลางป่าแห่งหนึ่ง
"แกเคยเห็นดาวที่สวยที่สุด ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่วะ" และ "แกเคยขรี้ท่ามกลางทุ่งหญ้าและหมู่ดาวรึยัง"
บอกเลย ว่ากระตุ้นความอยากของเรามาก เราจึงตัดสินใจและบอกพี่ไปทันทีว่า ถ้าพี่ไปดอยทูเลเมื่อไหร่ บอกหนู หนูจะไปด้วย
และแล้ว ความจริงก็มาถึง เรามีกำหนดการไปพิชิตยอดดอยทูเลช่วงปลายปี 2558 เรารู้ล่วงหน้าประมาณ 2 เดือนกว่าๆ
ทุกครั้งก่อนไปเดินป่า เราใช้ความอยากอันแรงกล้า พาตัวเองไปออกกำลังกาย 55555555555555
ความอยากอันแรงกล้าสร้างสิ่งอัศจรรย์ให้แก่ตัวเราได้เสมอ
สิ่งแรก อย่างที่บอกไปคือ การเตรียมตัว ออกกำลังกาย งดแอลกอฮอล์ พักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมร่างกายให้แข็งแรงและไหว ทั้งๆ ที่เราเป็นนักปาร์ตี้ และขี้เกียจออกกำลังกายแทบแย่
สิ่งที่สอง ตอนแรก เรานัดกับเพื่อนสนิทอีก 2 คนว่าจะไปด้วยกัน แต่พอใกล้ถึงเวลา ทั้งสองคนกลับไม่ไปซะงั้น ทำให้เรากลายเป็นไปคนเดียว ไม่มีเพื่อนนอนด้วย ต้องไปหาสังคมใหม่ที่นั่นเลย (ทริปที่เราไป เป็นทริปแบบหารเฉลี่ย ไปหลายคน แต่ทุกคนแทบจะไม่รู้จักกัน) ในเมื่อเพื่อนทิ้ง แต่เราอยากไป ก็ไม่จำเป็นต้องยกเลิกนี่ ไปคนเดียวก็ได้วะ
สิ่งที่สาม เตรียมอุปกรณ์ เป้ เสื้อผ้า ถุงนอน ของใช้ส่วนตัว ไฟฉาย ไฟแช็ค ยาประจำตัว ทิชชู่เปียก(สำหรับผู้หญิงเราว่าสำคัญมาก) คือเตรียมทุกอย่างให้พร้อมและสามารถใช้งานได้จริงที่สุด และสิ่งของเหล่านี้เราต้องแบกเอง มีพี่คนหนึ่งเคยสอนเราว่า ของที่พกไว้ จะต้องสามารถทำให้เราใช้ชีวิตต่อไปได้หากเราหลงป่า และแบกเป้ไว้เอง เพราะเราไม่รู้ว่าของพวกนี้เราจำเป็นต้องใช้ตอนไหนบ้าง
สิ่งที่สี่ ความอยากอันแรงกล้านี่ล่ะ ทำให้เราพาตัวเองไปลำบากได้มากมายจนแทบจะถอดใจ จะลำบากแค่ไหน พบเจออะไรบ้าง และมีสิ่งอัศจรรย์อะไรเกิดขึ้นกับเราบ้างนั้น เราจะเล่าต่อจากนี้เลยจ้า
ดอยทูเลหรือม่อนทูเลอยู่ที่อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เราเดินทางไปท่าสองยางโดยรถตู้
ออกเดินทางตอนค่ำของวันหนึ่ง และไปถึงเช้าของอีกวัน
เมื่อไปถึง ที่ทำการอบต. ในตอนเช้า (ม่อนทูเล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดูแลโดย อบต. ของที่นั่น มีการจ้างลูกหาบเป็นคนในพื้นที่ ยังไม่มีนายทุนหรือจนท.ของรัฐเข้ามา ทุกอย่างยังไม่ค่อยสะดวกสบาย แต่ถือว่าเป็นการดูแลจากอบต. ที่ดีมากนะคะ) พวกเราก็จัดการธุระส่วนตัว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็นั่งรถของ อบต. ไปทานข้าวเช้า ที่ร้านอาหารของคนในชุมชน หลังจากนั้น ก็ออกเดินทางไปยังจุดสตาร์ทค่ะ
แบ่งของกองกลางให้ลูกหาบแบกแล้ว บุคคลต่างๆ และของใช้ส่วนตัวของเราก็แบกเองและเคลื่อนตัวเองเข้าป่ากันเล๊ยยยย
การเดินทางช่วงแรกๆ ยังชิวๆ อยู่ ชมนกชมไม้ชมทุ่งไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็แอบเหนื่อยเพราะเนินเยอะ
สำหรับเส้นทางการเดินป่าไปถึงยอดดอยทูเล เราขอให้แผนที่เส้นทางจากที่เคยมีข้อมูลมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันนะคะ
ขอบคุณเจ้าของรูปตามเครดิตด้วยเด้อ
7.5 กิโลเมตร ที่หากเป็นทางราบๆ เรียบๆ ธรรมดา ตอนออกกำลังกาย หรือไปวิ่งที่สวนสาธารณะ เราก็ว่ามันแปปเดียวเอง แต่สำหรับการเดินขึ้นเขา
7.5 กิโลเมตร คือเส้นทางที่โคตรจะอยากตายแล้วเกิดใหม่ ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นตลอดการเดินทางเชียวล่ะคุณ 5555
[CR] ทูเล-ม่อนคลุย ทริปคนหลงป่า เพราะความอยากอันแรงกล้า จึงตัดสินใจพาตัวเองมาลำบาก <<เมื่อใจมันเซทูเลคือจุดหมาย>>
จริงๆ แล้ว ทริปนี้ก็เป็นอย่างที่พี่เขาพูดนั่นแหละ คนหลงป่าหรือนักเดินป่าทั้งหลายจะเข้าใจดี ทุกๆ ทริปที่ตัดสินใจเข้าป่า ต้องยอมรับไว้ระดับหนึ่งแล้ว ว่าลำบากแน่ๆ แต่ก็นั่นล่ะ คนมันหลงไปแล้ว จะห้ามได้ยังไง ลำบากแค่ไหนก็ต้องไปสินะ
เพื่อนๆ แวะมาทักทาย สอบถาม พูดคุย เม้าท์มอยกับเราต่อได้ที่เพจของเราเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทริปนี้ เริ่มต้นขึ้นมาจากคำถามเล็กๆ ของพี่คนหนึ่ง กลางป่าแห่งหนึ่ง
"แกเคยเห็นดาวที่สวยที่สุด ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่วะ" และ "แกเคยขรี้ท่ามกลางทุ่งหญ้าและหมู่ดาวรึยัง"
บอกเลย ว่ากระตุ้นความอยากของเรามาก เราจึงตัดสินใจและบอกพี่ไปทันทีว่า ถ้าพี่ไปดอยทูเลเมื่อไหร่ บอกหนู หนูจะไปด้วย
และแล้ว ความจริงก็มาถึง เรามีกำหนดการไปพิชิตยอดดอยทูเลช่วงปลายปี 2558 เรารู้ล่วงหน้าประมาณ 2 เดือนกว่าๆ
ทุกครั้งก่อนไปเดินป่า เราใช้ความอยากอันแรงกล้า พาตัวเองไปออกกำลังกาย 55555555555555
สิ่งแรก อย่างที่บอกไปคือ การเตรียมตัว ออกกำลังกาย งดแอลกอฮอล์ พักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมร่างกายให้แข็งแรงและไหว ทั้งๆ ที่เราเป็นนักปาร์ตี้ และขี้เกียจออกกำลังกายแทบแย่
สิ่งที่สอง ตอนแรก เรานัดกับเพื่อนสนิทอีก 2 คนว่าจะไปด้วยกัน แต่พอใกล้ถึงเวลา ทั้งสองคนกลับไม่ไปซะงั้น ทำให้เรากลายเป็นไปคนเดียว ไม่มีเพื่อนนอนด้วย ต้องไปหาสังคมใหม่ที่นั่นเลย (ทริปที่เราไป เป็นทริปแบบหารเฉลี่ย ไปหลายคน แต่ทุกคนแทบจะไม่รู้จักกัน) ในเมื่อเพื่อนทิ้ง แต่เราอยากไป ก็ไม่จำเป็นต้องยกเลิกนี่ ไปคนเดียวก็ได้วะ
สิ่งที่สาม เตรียมอุปกรณ์ เป้ เสื้อผ้า ถุงนอน ของใช้ส่วนตัว ไฟฉาย ไฟแช็ค ยาประจำตัว ทิชชู่เปียก(สำหรับผู้หญิงเราว่าสำคัญมาก) คือเตรียมทุกอย่างให้พร้อมและสามารถใช้งานได้จริงที่สุด และสิ่งของเหล่านี้เราต้องแบกเอง มีพี่คนหนึ่งเคยสอนเราว่า ของที่พกไว้ จะต้องสามารถทำให้เราใช้ชีวิตต่อไปได้หากเราหลงป่า และแบกเป้ไว้เอง เพราะเราไม่รู้ว่าของพวกนี้เราจำเป็นต้องใช้ตอนไหนบ้าง
สิ่งที่สี่ ความอยากอันแรงกล้านี่ล่ะ ทำให้เราพาตัวเองไปลำบากได้มากมายจนแทบจะถอดใจ จะลำบากแค่ไหน พบเจออะไรบ้าง และมีสิ่งอัศจรรย์อะไรเกิดขึ้นกับเราบ้างนั้น เราจะเล่าต่อจากนี้เลยจ้า
ดอยทูเลหรือม่อนทูเลอยู่ที่อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เราเดินทางไปท่าสองยางโดยรถตู้
ออกเดินทางตอนค่ำของวันหนึ่ง และไปถึงเช้าของอีกวัน
เมื่อไปถึง ที่ทำการอบต. ในตอนเช้า (ม่อนทูเล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดูแลโดย อบต. ของที่นั่น มีการจ้างลูกหาบเป็นคนในพื้นที่ ยังไม่มีนายทุนหรือจนท.ของรัฐเข้ามา ทุกอย่างยังไม่ค่อยสะดวกสบาย แต่ถือว่าเป็นการดูแลจากอบต. ที่ดีมากนะคะ) พวกเราก็จัดการธุระส่วนตัว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็นั่งรถของ อบต. ไปทานข้าวเช้า ที่ร้านอาหารของคนในชุมชน หลังจากนั้น ก็ออกเดินทางไปยังจุดสตาร์ทค่ะ
แบ่งของกองกลางให้ลูกหาบแบกแล้ว บุคคลต่างๆ และของใช้ส่วนตัวของเราก็แบกเองและเคลื่อนตัวเองเข้าป่ากันเล๊ยยยย
การเดินทางช่วงแรกๆ ยังชิวๆ อยู่ ชมนกชมไม้ชมทุ่งไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็แอบเหนื่อยเพราะเนินเยอะ
สำหรับเส้นทางการเดินป่าไปถึงยอดดอยทูเล เราขอให้แผนที่เส้นทางจากที่เคยมีข้อมูลมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันนะคะ
ขอบคุณเจ้าของรูปตามเครดิตด้วยเด้อ
7.5 กิโลเมตร ที่หากเป็นทางราบๆ เรียบๆ ธรรมดา ตอนออกกำลังกาย หรือไปวิ่งที่สวนสาธารณะ เราก็ว่ามันแปปเดียวเอง แต่สำหรับการเดินขึ้นเขา
7.5 กิโลเมตร คือเส้นทางที่โคตรจะอยากตายแล้วเกิดใหม่ ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นตลอดการเดินทางเชียวล่ะคุณ 5555