Spotlight (2015) หนัง Best Picture ของ Oscar 88th หนังที่ทำให้สื่อทั่วโลกกลับมาถามตัวเองว่าทำหน้าที่ของตนดีหรือยัง?

ออสการ์ครั้งที่ 88th ก็จบลงไปแล้ว ยินดีกะป๋าลีโอด้วยนะครับ 55
แต่สิ่งที่ผมดีใจกว่านั้นคือการที่ Spotlight ได้เพราะเป็นหนังที่เชียร์ที่สุดในบรรดาผู้เข้าชิง Best Picture แล้ว ยิ้ม


Spotlight (2015) (10/10)

หนังทำมาจากเรื่องจริง จริง จริง ! ของกลุ่มคนทำหนังสือพิมพ์คอลัมน์หนึ่งที่ชื่อ Spotlight ได้ทำหัวข้อเกี่ยวกับ การล่วงละเมิดทางเพศของบาทหลวงกับเด็กชายที่อยู่ในโบถส์ ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ แต่พบว่า 6% ของบาทหลวงในเมืองใหญ่ มีพฤติกรรมในการหลอกลวงเด็กมาลวนลาม Oral & anal sex กันเลยเถิด จนทำให้เด็กหลายคนเสียผู้เสียคนจนฆ่าตัวตายก็มี หนังก็เล่าถึงข้อมูลความชั่วของบาทหลวงและคนที่เกี่ยวข้องที่มันโผล่มาทีละนิดๆ จนจากที่คิดว่าเป็นปัญหาเล็กๆ แต่มันกลับใหญ่และเรื้อรังมากขึ้นเรื่อยๆ


หนังเล่นกับประเด็นละเอียดอ่อนสมัยนั้นที่คริสต์จักรเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คน แม้ว่าคริสต์จักรจะรู้ถึงปัญหาทั้งหมด แต่คริสต์จักรกลับเพิกเฉย และเล่นงานคนที่พยายามจะแฉคริสต์จักรด้วยซ้ำ



หนังตอนแรกๆอาจจะดูง่วงๆนิดหน่อย แต่ยิ่งนานไปยิ่งพีค ยิ่งพีค จนกระทั่งฉากจบที่เป็นฉากสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดของหนังทำให้เรากลับร้องไห้ออกมาคาโรงหนังและนั่งปรบมือให้อยู่ในโรง ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ทั้งมันอิมแพคกับ Fact ที่เขาให้ข้อมูลกับเรา ทั้งภูมิใจแทนผลงานของคนกลุ่มนั้น และทั้งหดหู่ใจเมื่อมองย้อนกลับมาที่ประเทศของเรา

ประเทศเราต่างก็มีปัญหานี้แหละ เรารู้ทั้งรู้ว่าพระที่ลวนลามทางเพศเด็กและเณรก็มีมากมาย พระที่แย่ๆเอาสีกามานอนในกุฎิก็มีออกข่าวให้เห็นเยอะแยะ แต่เราก็ปล่อยให้มันเป็นข่าวช่องเล็กๆในหน้าหนังสือพิมพ์ ทั้งๆที่ข้อมูลมันมีอยู่ในมือมากมาย แต่เราก็เลือกที่จะปล่อยให้ผ่านไป เพราะไม่อยากมีปัญหากับกระทรวงวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของเรา เรารู้ไหมว่ามีพระกินเหล้า สูบบุหรี่ รู้ไหมว่ามีพระที่เอาเด็กมาลวนลามทางเพศ รู้ไหมว่ามีพระที่คดโกงเอาเงินเราไปโกงกินมากมาย เรารู้ แต่เราเลือกที่จะไม่ทำอะไร สื่อก็มีข้อมูลอยู่ในมือมากมาย แทนที่จะเอาสถิติมาพูด เอาความจริงมาพูด เอาเหยื่อที่เคยโดนมาพูดว่ามันเปลี่ยนแปลงชีวิตเขายังไง แต่นักข่าวเราก็เอาไปสนใจแต่ดาราคนไหนจะเลิกกัน ชาวบ้านกราบไหว้หมูพิกงพิการบ้าง มันทำให้เราไม่สามารถแก้ปัญหาเรื้อรังในไทย เหมือนที่ในหนังทำได้สักที และเชื่อเถอะว่าอีกหลายสิบปี ประเทศไทยก็จะไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้จริงๆ นั่นแหละ เหตุผลข้อหลังเนี้ยแหละ ทำเราร้องไห้หลังดูหนังหนักสุดล่ะละ




และอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชอบหนังเรื่องนี้มากๆคือมีดาราที่เราชอบหลายคนแสดงด้วย เช่น Rechel McAdam , Mark Ruffalo ซึ่งแสดงออกมาได้ดีและเข้มข้นมากๆ ไม่เสียใจเลยที่ออกแรงเชียร์เรื่องนี้สุดตัวให้ได้ออสการ์และได้ออสการ์จริงๆ การที่หนังเรื่องนี้ได้ออสการ์นั้นอาจจะเป็นการย้ำให้สื่อทั่วโลกกลับมาทบทวนตัวเองว่าสิ่งที่ตนทำอยู่นั้นดีพอกับการเรียกว่าสื่อของสังคมหรือยัง ?





ขอบคุณที่อ่านรีวิวกันจนจบครับ ใครชื่นชอบหนังเหมือนกับผมก็ไปติดตามอ่าน Review หนังทุกแนวได้ที่เพจผมนะครับ
https://www.facebook.com/bearwithmefreepopcorn
ขอบคุณมากเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่