[CR] สองสาว แบกเป้ตามล่าดอกพญาเสือโคร่ง ณ ภูขี้เถ้า



สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิพ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์การเดินทางให้ได้อ่านกัน
ก่อนที่จะเริ่ม ขอท้าวความก่อนนะ เริ่มต้นจากตัวเอง อยากไปเที่ยวจังหวัดน่าน จังหวัดที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ  ด้วยความที่หยุดติดกัน 3 วัน เราก็ไม่รู้จะไปที่ไหน ก็เตรียมของ เก็บกระเป๋า หาข้อมูลของจังหวัดน่าน อ่านรีวิวหลายๆสำนัก ณ วันที่ 19 กพ 59 เวลา 13.00 น. โดยประมาณ เสียงข้อความเฟสบุ๊คดังขึ้น แกๆๆๆๆ เปลี่ยนแผนด่วน ไม่ต้องไปแล้วน่านคนเดียว มันไม่สนุกหรอก ไปภูขี้เถ้ากับพี่ดีกว่า  ไอ้เราก็เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ลังเลสักพัก โอเค ได้  อ้าวเห้ย! ไอ้ที่วางแผน เตรียมอุปกรณ์คืออะไร คือไม่ได้แล้วใช่ไหมน่าน น่านไงกูว่าแล้ว นี่คือคอนเซบประจำตัวก็ว่าได้ 5555**

เราก็บอกให้พี่หาข้อมูลนะ วันนี้ขอเคลียร์งานก่อน คงไม่ได้หาข้อมูลช่วย เพราะต้องเดินทางเย็นนี่แล้ว ไม่มีเวลาหาข้อมูลด้วย เอ้า!! ตายๆๆๆๆๆ
เวลา 17.00น โดยประมาณ ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว เราก็ทักไปถาม เราจะไปยังไง ลงที่ไหน อะไรยังไง คำตอบเดียวที่ได้กลับมาคือ

นั่งรถไฟไปลงพิษณุโลก ที่เหลือค่อยว่ากัน ห๊ะ อะไรนะ แผนมีแค่นั้น  ใช่คะ แผนมีแค่นั้น  นิสัยเสียของพวกเราชาวเดอะแก๊งค์คือไม่มีแผน ไม่มีแพลน อะไรทั้งนั้น ใครมีแพลน คนนั้นแพลนล้มตลอด หลังจากรู้ว่าต้องนั่งอะไร ก็เช็คตารางเที่ยวรถไฟ รถไฟเที่ยวสุดท้าย เวลา 22.00 น . เราก็นัดกัน 21.00 น เจอกันหน้าสถานีรถไฟ  ถามว่าจองตั๋วรถไฟไว้ไหม ไม่คะ นั้นก็นิสัยเสียของเราอีกอย่าง

มาถึงสถานีรถไฟ 21.00น. ตรงเปะ ไม่มีเลทแต่อย่างใด มาถึงเราสองสาวก็มุ่งหน้าไปยังพี่เจ้าหน้าที่เพื่อซื้อตั๋ว สรุปคือ ไม่มีตั๋วครับบบบบ  แป๋วววววว
เอาไงต่อละ ไหนๆก็มาละ ถามตั๋วพรุ่งนี้ออกเช้ากี่โมง พี่เค้าบอก 7.00 น โอเค เอาเที่ยวนี้ละ และแล้วเราก็แบกเป้กลับบ้าน กลับไปนอนเอาแรง เพื่อออกเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้ เราหมดความพยายามที่จะไปกันซะที่ไหน

เช้าวันรุ่งขึ้น (วันที่ 20 กพ 59) เรามานั่งรอขึ้นรถไป 6.30 น แต่พี่สาวเรายังไม่มา เอาไงดี ไปคนเดียวก็ได้ ถ้าพี่ไม่มา เราก็นั่งไปลงที่แพรต่อรถไปน่านเลยแล้วกัน  ณ สถานีรถไฟหัวลำโพง เวลา 7.00 น เราก้าวขึ้นรถไปคนเดียวลำพัง แต่... พี่เราไปขึ้นที่บางซื่อจ๊ะ  แหม่... เกือบได้ไปคนเดียวได้ไหมละ ถามว่ากลัวไหม ก็ไม่หวั่นแม้วันมามาก 5555



เราก็ส่งตั๋วให้พี่สาวดู ดีนะที่ตั๋วอยู่กับเราตั้งแต่แรก พร้อมกับส่งตำแหน่งที่นั่งให้  


ได้เวลามุ่งหน้าสู่นครพิษณุโลกแล้ว และแล้วเราก็ได้เจอพี่สาว โล่งอกไปอีกเปาะ 5555
คือขอนอกเรื่องนิดนึ่งคะ ระหว่างการเดินทาง คือไม่เคยนั่งรถไฟตอนกลางวันนานขนาดนี้ไง แต่ก็ไม่เคยนั่งรถไฟที่ร้อนขนาดนี้มาก่อน คือร้อนจนแทบละลายไปกับขบวนรถไฟอ่า คือจินตนาการตามนะ แบบเรานั่งอยู่ตู้คอนเทนเนอร์ แล้วไฟไหมตู้คอนเทนเนอร์อ่า (เวอร์ละ) ไม่ได้เวอร์นะ คือเหงื่อไหล ไคลย้อย น้ำมันในร่างกายนิหลอมละลายเลยทีเดียว คือคิดในใจตอนนั้น เมื่อไหร่จะถึง อีกนานไหม อีกกี่สถานี คือเอาจริงนะ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่ครั้งนี้สุดๆเลยคะ ใครที่ไม่ชอบอะไรแบบทรหดแบบนี้ แนะนำอย่าลองของคะ ไม่ดีไม่เอานะคะ เชื่อเถอะ จริงๆ

สิ่งที่คลายร้อนได้ในตอนนั้น สำหรับนักเดินทางอย่างเราๆ ก็วิวข้างทางนี้ละคร้าาา  วิวข้างทาง น้ำเย็นๆ แค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว

ภาพไม่ได้ตกแต่งใดใดนะ ถ่ายด้วยมือถือ เพราะตอนนั้นยังไม่อยากหยิบกล้องออกมา เพราะเราขึ้นเขา ไม่รู้จะมีที่ชาร์ตแบตไหม เราต้องถนอมแบตเอาไว้ก่อนเป็นดีที่สุด

ดูภาพระหว่างทางพอหอมปาก หอมคอเนาะ เราเก็บไว้ไปดูของจริงกันดีกว่า คิคิ



และแล้วเราก็มาถึง จ.พิษณุโลก เย้ๆ รอดตายแล้ว รอดตายจากความร้อน 5555



เมื่อมาถึงสถานีรถไฟพิษณุโลก สิ่งแรกเลย ห้องน้ำๆๆๆๆๆ  อยากเจอห้องน้ำ วิ่งพ๊วดดดด เข้าห้องน้ำเร็วไว้  ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จแล้วได้เวลาออกเดินทางต่อไปยังขนส่งพิษณุโลก (เก่า)  เพื่อไปขึ้นรถทัวร์ไป อ.นครไทยกันคะ อย่าคิดว่าถึงพิษณุโลกแล้วถึงเป้าหมาย ยังคะ นี่เป็นแค่ครึ่งทางของเรา เป้าหมายยังอีกยาวไกล เราเดินออกมาบริเวณหน้าสถานีรถไฟ จะมีรถตุ๊กๆให้บริการคะ 2 คน 60 บาท จากสถานีรถไฟไปขนส่งเก่า แต่ถ้าใครจะประหยัดค่าใช้จ่าย เดินออกมาหน้าสถานีรถไฟ เลี้ยวซ้าย เดินตรงไปที่ตลาดประมาณ 300 เมตร แล้วเลี้ยวขวา เดินไปยังหน้าตลาด จะมีรถสองแถวสีม่วง วิ่งรอบเมืองไปส่งที่ขนส่งเก่า ถามก่อนนะว่าไปหรือป่าว เพราะมีหลายสายพอควร ถ้าใครจะประหยัดเวลาก็ใช้บริการพี่ตุ๊กๆ  อย่างเช่นเรา ใช้บริการพี่ตุ๊กๆ เพราะนี่ก็บ่าย2 โมงแล้ว เราเลทไป 1 ชม เต็ม เพราะรถไปพาเราเลทนั้นเอง เราต้องทำเวลา เพราะกว่าเราจะไปถึงนครไทย ต้องใช้เวลา 1-2 ชม เลยทีเดียว และแล้วก็ไม่รู้ว่ารอบรถมีกี่โมงด้วย



เราใช้เวลาไม่นานมากในการเดินทางมายังขนส่งเก่า ระยะทางไม่ไกลไม่ไกลมาก  แต่ ณ ตอนนั้น คือ อากาศร้อนแบบสุดๆ เราโคตรตื่นเต้นกับลวดลายของรถตุ๊กๆที่นี่  น่ารักโคตรๆ แม้ว่าจะแฝงการโฆษณา แต่มันก็น่ารักดีอ่า



โย่วๆๆๆๆๆ ถึงแล้วครับท่านผู้อ่านที่รัก เรามาถึงที่ขนส่ง เวลา 15.00 น. เที่ยวรถจะไปนครไทย 15.30 น. จะช้าอยู่ใยครับท่าน ก็รีบจัดตั๋ว แล้วก็ขึ้นรถเลยสิฮ่ะ  แต่ช้าก่อน  ข้าวเที่ยงยังไม่ได้กิน เราก็หาซื้อขนมเพื่อกินระหว่างเดินทาง



เป็นรถพัดลม เบาะนั่งค่อนข้างแคบ ขนาดว่าเราไม่ได้ตัวใหญ่ นั่งสองคนยังอึดอัดเลย (เอ๊ะหรือเราตัวใหญ่ จุ๊ จุ๊)  เบาะนั่งเหมาะแกการพาแฟนที่จีบกันใหม่ๆ มานั่งมาก แหม๋.... นั่งติดกัน อีกนิดเดียวนินั่งตักกันละ (เวอร์ไปไหมเธอ) ไม่เวอร์ จริงๆ ต้องพิสูจน์ 5555



ใช้เวลา 2.30 ชม เราก็มาถึงขนส่งนครไทยแล้วจ้า  ณ เวลานี้ 18.00  น โดยประมาณ เอาไงครับ เรามาถึงที่นี่เล่นเย็นเลยทีเดียว ไปไงต่อๆ นั้นคือคำถามต่อไป เป้าหมายต่อไปของเรา คือ บ้านใหม่ร่องกล้า หมู่บ้านม้ง ในหุบเขา  บอกก่อนนะ หมู่บ้านนี้ไม่มีรถเข้าไปยังหมู่บ้านนะจ๊ะ ถ้าจะเข้าหมู่บ้านต้องเหมารถที่ อ.นครไทยเข้าไป ระยะทาง 25 กม โดยประมาณ (ถึงแค่ด้านเก็บเงินนะ) แต่ถ้าเอารถมาเองก็สะดวกคะ แต่เราไม่ได้เอารถมา วิธีเดี๋ยว ณ เพลานี้คือ มองหารถ เพื่อเหมาเข้าหมู่บ้าน ลงรถได้ ก็มองหาสิครัช มอง มอง มอง 360 องศาเลยทีเดียว  ทันใดนั่นเอง สายตาอันเฉียบคมก็มองไปเห็นคุณตาท่านหนึ่ง จอดรถอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าขนส่ง รีบสิรีบ เดินสิเดิน วิ่งได้วิ่ง 5555

เราก็สอบถามเส้นทาง และขอเหมาคุณตาไปส่งเราที่หน้าด้านเก็บเงิน ทางเข้าอุทยานฯ ภูหินร่องกล้า  ...
อ้าว!! ทำไมไม่เหมาไปส่งที่หมู่บ้านเลยละ ทำไมไปส่งแค่หน้าด้าน ที่ให้ไปส่งหน้าด้าน เพราะถ้ารถข้างนอกเข้าไปก็ต้องเสียค่ารถเข้าไป เลยส่งได้แค่ด้านเก็บเงิน  ตกลงราคากับคุณตา ได้ราคา 400 บาท  จากปกติ 500 บาท มีต่อรองราคาอีกนะเรานิ  คิคิ



เอาเข้าจริง ควรจะให้คุณตา 500 บาท ละ เพราะถ้าไม่ให้ เราก็จะคิดตามคุณตาไปเรื่อยๆ เพราะทางไม่ได้ดีอย่างที่คิด ระยะทางไกลโคตร แถมค่ำแล้วด้วย ฟ้ามึดแล้ว (ฟ้ามึดกะคงบ่โดน)  กว่าเราจะมาถึงด้านเก็บเงินก็ใช้เวลา 1 ชม แล้ว เพราะรถคุณตา ไม่ได้ดีเท่าไหร่ คุณตาขับ 40 กม/ชม  แต่คุณตาสายตาดีมาก อันนี้ขอยกนิ้วให้เลย  การหลบหลุมของคุณตาเซียนโคตรอ่า เรานิแทบมองไม่เห็น แต่คุณตานิพริ้วมาก  

มาถึงด้าน  19.00 น โดยประมาณ เอาไงครับ มึดแล้วครับ ไปไงต่อครับ
คุณตาน่ารักมาก พอจอดรถได้ แกรีบเดินไปหาเจ้าหน้าที่ เผื่อที่จะหารถให้เราขึ้นไปหมู่บ้าน แค่เดินตรงสู่ป้อมเจ้าหน้าที่เลย เรายังไม่ได้ก้าวขาออกจากรถเลย แกถึงเจ้นหน้าที่ละ คุณตา มาเอาตังค์ก่อน แก่บอกเดี๋ยวค่อยเอา หารถก่อน โคตรรักคุณตาแกเลย

ณ จุดนี้ต้องขอโทษคุณผู้อ่าน ที่ไม่ได้ถ่ายรูปสถานที่ไว้  เพราะมันมึดมาก บวกกับความตื่นเต้นของเรา ว่าจะมีรถขึ้นไปยังหมู่บ้านใหม่ (ลืมถ่าย)  เราโชคดีมาก ณ จุด จุดนี้ มีพี่ชายกะพี่สาว สุดหล่อ และสุดสวย กำลังจะไปยังหมู่บ้านพอดีเลย พี่เข้าขับรถมาจากขอนแก่น เพื่อที่จะมาเที่ยวที่นี่เหมือนกัน และพี่เค้าเหมือนกับเราตรงที่ พี่เค้าไม่มีแพลนจ้า ขับรถมาเรื่อยๆ มาตามคำแนะนำของชาวบ้าน เราเลยขอติดรถพี่เค้าขึ้นไปยังหมู่บ้าน เย้!!  เราได้ราชรถแล้ว ดีใจยิ่งกว่าถูกลอตเตอร์รี่รางวัลที่ 1 ณ เวลานั้น น้ำตาจิไหล หลังจากคุณตาส่งเราขึ้นรถกับพี่เค้าแล้ว แกก็ขับรถกลับบ้าน เราก็มองตามแกอย่างกห่วงใย แกจะเป็นยังไงบ้างนะ ระหว่างทางมันมึด แกจะเป็นอะไรหรือป่าว คิดตามแกตลอดเลย

เมื่อเรามีรถแล้ว เราก็จ่ายตังค์ค่าเข้าอุทยานฯ คนละ 40 บาท แล้วก็ขึ้นรถไปกับพี่เค้าทันที พี่ทั้งสองคนน่ารัก คุยเก่ง เป็นกันเอง สวย หล่อ แล้วยังใจดีสุดๆ ถ้าพี่มาอ่านเจอรีวิวนี้ เราสองคนขอขอบคุณพี่มากๆนะคะ ที่ใจดี ให้เราติดรถไปด้วย

เราใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชม ในการขึ้นมายังหมู่บ้าน เนื่องจากไม่ชินทาง และเป็นการขึ้นเขา ลงเขา จึงไม่สามารถขับเร็วได้ เราก็ลุ้นกับทางไปตลอด ทางเลี้ยวลดคดเคี้ยวตามเส้นแนวเขา เรามาถึงหมู่บ้านเกือบ 3 ทุ่ม  สิ่งแรกที่เห็นป้ายหมู่บ้าน โอ้แม่เจ้า เรารอดแล้ว เรามาถึงอีกหนึ่งเป้าหมายของเราแล้ว แต่... เราจะมีที่นอนไหม นั่นสิ นี่คือปัญหาของเรา  เมื่อพี่เค้าจอดรถ เราก็เดินถามชาวบ้าน ว่าบ้านหลังไหนมีที่ให้พักบ้าน ชาวบ้าน และนักท่องเที่ยว ก็พากันแนะนำเยอะมาก พี่สาวคนสวยบอกว่า งั้นโทรหาบ้านหลังที่พี่คุยก่อนเข้ามาก่อน ว่ามีห้องว่างไหม พอพี่เค้าโทร ปรากฏว่า ว่างจ้า โอ้.. รอดไปอีกหนึ่งเปาะ พี่เค้าได้ที่พักแล้ว  แล้วเราละ นอนไหน ความจริงที่พักที่พี่เค้าพักกันมีห้องว่างนะ แต่เราไม่เอา มันไม่อินดี้ มันไม่ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างชัดเจน เราก็หาที่ให้เช่าเต็นท์นอน เราได้เต็นท์นอน คืนละ 400 บาท

สถานที่แห่งนี้ เต็นท์ที่ใช้นอน เริ่มต้น 400 บาท รวมทุกอย่าง เช่น ผ้าห่ม หมอน ที่นอน
บ้านพัก/ห้องพัก เริ่มต้น 1000 บาท (สำหรับเราคือแพงมากกกกกก)






นีคือสถานที่นอนของเราในค่ำคืนนี้ บรรยากาศตอนนี้ค่อนข้างหนาวพอควร คืนแรกลมพัดดีเป็นพิเศษ ได้ที่นอนแล้วก็ไปหาอะไรทานกัน





อาหารเย็นของเราในค่ำคืนนี้  มันเป็นอาหารปกติของนักเดินทางอย่างเราๆ

ที่นี่เค้าใช้ภาษา 3 ภาษานะ ภาษาไทยม้ง ภาษาไทยกลาง ภาษานครไทย (ญ้อ)  เราโชคดีที่เราพูด ภาษานครไทย (ญ้อ)  ได้ เลยทำให้เข้ากับคนที่นี่ได้ง่าย



ระหว่างที่เรานั่งทานข้าวกัน พี่สาวที่เราติดรถมาด้วย แกเอาสตอบอรี่มาลองให้ทาน แกบอกเก็บมาสดๆ จากภูเรือ ลาบปากเลย หวาน กลม กล่อม ละลาย ในปากเลยทีเดียว เจ้าของร้านข้าวเห็นเราชอบ เลยบอกเราว่าที่นี่มีเก็บสตอบอรี่ด้วยนะ  นั่นไง เราต้องจัด
ชื่อสินค้า:   9เกรียน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่