JJNY : เศรษฐกิจดี๊ดี...'ปากคลองตลาด'ถูกจัดระเบียบ ลูกค้าเงียบ / ผู้ค้าสลากโคราชสะอื้นหนัก หวยเหลืออื้อซ่า

กระทู้คำถาม
'ปากคลองตลาด'ถูกจัดระเบียบ ลูกค้าเงียบ ดอกไม้เหลืออื้อ กระทบชาวสวน

จากข่าวที่ กทม.ต้องการจัดระเบียบปากคลองตลาด ประกาศและเผยแพร่ออกไป มีเสียงสะท้อนและความคิดเห็นของประชาชนหลากหลายที่ออกมาเผยทั้งด้านที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ถึงการจัดระเบียบใหญ่ในครั้งนี้นั้น

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามพ่อค้า-แม่ค้าชาวปากคลองตลาดเอง ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แทบไม่มีใครอยากย้ายที่ทำกินของตัวเอง

คุณยงยุทธ สุวรรณรัตน์ พ่อค้าขายดอกไม้ ย่านปากคลองตลาด กล่าวว่า “ขายดอกไม้ที่นี่ตั้งแต่รุ่นแม่ยังสาว ทำมาร่วม 20 กว่าปีได้แล้ว ส่วนใหญ่พ่อค้า แม่ค้าที่นี่ก็ขายของกันมานานแล้วทั้งนั้น

ข่าวว่าปากคลองตลาดจะถูกจัดระเบียบออกมาหลายเดือนแล้ว แต่มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไรแน่ เพราะก็มีพ่อค้าแม่ค้าบางส่วนไม่เห็นด้วย และส่วนตัวเชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้าที่ปากคลองตลาดร้อยทั้งร้อย ก็ไม่มีใครอยากย้ายไปไหน

แต่หากต้องย้ายจริง ก็อยากให้ไปด้วยกันให้หมดทุกร้าน เพราะหากบางร้านไป บางร้านไม่ต้องไป ก็จะทำให้ไม่มีใครอยากย้ายเข้าไปขายข้างใน ถึงแม้ว่าการเดินทางในบริเวณตลาดยอดพิมาน ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ตลาดใหม่ ตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของบริเวณถนนจักรเพชรหรือตรงข้ามปากคลองตลาดเดิม ที่เป็นพื้นที่จัดให้ย้ายเข้าไปขายจะกว้างขวางมากกว่าและสะดวกกว่าก็จริง แต่หากร้านดอกไม้ย้ายไปไม่หมด มันก็จะไม่คึกคักเหมือนอย่างที่เคยเป็น ลูกค้าขาจรเขาไม่เดินเข้าไปข้างในหรอก ซื้อตามร้านข้างนอกก็ได้ เนื่องจากสะดวกกว่า พอมันเป็นแบบนี้ก็ไม่มีคนอยากย้าย นี่อาจเป็นอีกปัญหาหนึ่ง

อีกประการหนึ่งคือ พอมีประกาศว่าจะจัดระเบียบที่ปากคลองตลาด คนก็ดูเงียบหายไป ลูกค้าขาจรน้อยลง ขายได้เฉพาะลูกค้าขาประจำที่เคยรับซื้อกันมานานเท่านั้น ทำให้รายได้หายไปครึ่งต่อครึ่ง เพราะร้านเราสัดส่วนการขายดอกไม้ แบ่งเป็น ลูกค้าขาประจำร้อยละ 50 ลูกค้าขาจรร้อยละ 50 พอคนไม่มีซื้อ ก็ขายไม่ได้ ตลาดดูเงียบลง ส่งผลกระทบกันเป็นทอดๆ ไป”

โดยคุณยงยุทธบอกต่อว่า เมื่อดอกไม้ขายไม่ได้ ชาวสวนก็ระบายของไม่ทัน เราขาดทุน เขาก็ขาดทุน เพราะตลาดไม่มีคนซื้อ

ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีความแน่นอนว่าจะต้องย้ายเข้าไปค้าขายดอกไม้กันข้างในตลาดยอดพิมานก็ตาม พ่อค้าแม่ขายต่างก็จับจองพื้นที่ภายในตลาดใหม่กันไว้แล้ว แม้ว่าจนกระทั่งตอนนี้จะยังไม่ได้เข้าไปตั้งแผงขายก็ตาม

ขณะที่ภายในตลาดยอดพิมานที่อยู่ในพื้นที่เขตการจัดระเบียบ มีเพียงแม่ค้าไม่กี่เจ้าเท่านั้นเข้ามาตั้งร้านขายดอกไม้ แต่ก็ยอมรับว่าเงียบเหงา ไม่มีลูกค้าเดินเข้ามาซื้อ

คุณปัณฑารีย์ เพ็ชรดี แม่ค้าเจ้าของแผงขายดาวเรือง ค้าปลีก เล่าว่า เราเป็นแค่รายย่อย ร้านเดิมที่ขายอยู่ด้านหน้าปากคลองตลาด พื้นที่ที่เห็นโล่งๆ บริเวณนี้ ถูกจับจองไปหมดแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีใครเข้ามาขาย เนื่องจากรอว่าวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ ว่าจะมีประกาศหรือความแน่ชัดอะไร

ปัจจุบันระยะเวลาขายสั้นกว่าเดิมมาก คือให้เปิดร้านขายได้ประมาณตอน 20.30 น. ไปจนถึงประมาณ 04.30 น.เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้เวลาที่ดอกดาวเรืองจะเริ่มขาย มีลูกค้าเข้ามาซื้อคือเวลาช่วงประมาณ 17.00 ไล่ไปจนถึงประมาณ 02.30 น. แต่พอมีระเบียบออกมาใหม่ เราก็เปิดร้านขายได้ช้าลง ลูกค้าก็ไม่มาซื้อ ขนาดลูกค้าประจำที่มาซื้อกันบ่อยๆ ยังไม่เดินเข้ามาซื้อเลย ลูกค้าขาจรแทบไม่ต้องหวัง

พอไม่มีลูกค้าเหล่านี้ ไม่ได้มีเพียงแม่ค้าเท่านั้นที่แย่ ตอนนี้ชาวสวนดาวเรืองก็ขาดทุน เพราะราคาดาวเรืองต่ำมาก ล้นตลาด ด้วยเหตุผลเพราะเมื่อก่อนช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ดาวเรืองขายได้เยอะ เพราะมีเทศกาลวันสำคัญไหว้เยอะ คนนิยมซื้อดอกดาวเรือง พวงมาลัย หมากพลูไปทำบุญไหว้พระกันมาก แต่ด้วยเศรษฐกิจแบบนี้และมีการจัดระเบียบ ทั้งระยะเวลาที่เปิดขายช้าลง ทำให้ลูกค้าไม่ค่อยมาซื้อ ดอกดาวเรืองที่ชาวสวนวางแผนปลูกเอาไว้เลยเยอะ ระบายกันไม่ทัน ทิ้งกันเป็นคันรถ

คุณปัณฑารีย์ยังเล่าต่อว่า เธอได้ทิ้งดาวเรืองไปหลายร้อยถุงแล้ว เพราะขายไม่ได้ตลาดข้างในเงียบ จากเดิมที่เคยขายดาวเรืองได้วันละสามหมื่นดอก หรือราว 300 ถุง ขายหมดแน่นอน (1 ถุงมี 100 ดอก) ปัจจุบันเหลือเพียง 60-70 ถุง ยังขายไม่หมด ทิ้งกันไปก็เยอะ รับภาระที่ต้องขาดทุนทุกวัน

เธอยังบอกอีกว่า ที่เข้ามาตั้งขายที่นี่ เพราะมาลองดูตลาด แต่ก็ขายไม่ได้ ไม่มีใครเดินเข้ามาซื้อ แม้พื้นที่ถูกจองก็จริง แต่เมื่อไม่มีใครเข้ามาขาย มันโล่งแบบนี้ ก็คงไม่มีลูกค้าเดินเข้ามาซื้อแน่นอนเพราะเดินเข้ามาลึกกว่าเดิมมาก หาซื้อร้านข้างนอกง่ายกว่า เมื่อบางร้านต้องย้าย บางร้านมีผ่อนผันไม่ต้องย้าย ก็คงไม่มีใครอยากย้ายเข้ามาข้างใน แต่หากมีประกาศชัดเจนว่าต้องย้าย ก็คงต้องดิ้นรนกันต่อไปและคงต้องย้ายกันไปตามระเบียบ

ทุกวันนี้ได้แต่รอว่าจะมีระเบียบอะไรออกมาอีก เมื่อยังไม่มีความแน่นอน ไม่มีความชัดเจนอะไร เราซึ่งเป็นคนหาเช้ากินค่ำ ก็ทำอะไรไม่ได้มาก คงต้องรอเท่านั้น

ที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์

http://www.matichon.co.th/news/52837
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่