[CR] Germany : Love at first drive#14 (Köln-Bonn-Sankt Goar)

มาถึงเมือง Köln หรือจะเรียกว่า Cologne ก็ได้นั้น แล้วจะไม่ไปเที่ยวสิ่งที่เป็น a must ของเมืองก็ดูจะกระไร
ที่สำคัญที่เรามาเมืองนี้ก็เพราะสิ่งนี้นั่นล่ะ วันนี้หนูเล็กจะพาไปชมความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารแห่งโคโลญจน์กันค่ะ


ใครเพิ่งมาเปิดกระทู้นี้ตอนนี้ การเดินทางใกล้จะจบแล้วนะคะ
กลับไปออกเดินทางด้วยภาพถ่ายกับหนูเล็กก่อนได้ค่ะ
ย้อนรอยการเดินทางได้ที่นี่ค่ะ
Germany :Love at first drive#1 (Frankfurt - Heidelberg - Rothenburg ob der Tauber)
http://ppantip.com/topic/34435393
Germany : Love at first drive#2 (Around Rothenburg ob der Tauber)
http://ppantip.com/topic/34442966
Germany : Love at first drive#3 (Rothenburg odt-Dinkelsbühl-Nördlingen-Landsberg am Lech)
http://ppantip.com/topic/34459357
Germany : Love at first drive#4 (Landsberg am Lech - Schongau - Peiting - Schwangau - Fussen)
http://ppantip.com/topic/34470191
Germany : Love at first drive#5 (Hohenschwangau Castle - Neuschwanstein Castle - Wieskirche)
http://ppantip.com/topic/34516848
Germany : Love at first drive#6 (Linderhof Castle - Ettal Abbey - Garmisch-Partenkirchen - Mittenwald)
http://ppantip.com/topic/34561512
Germany : Love at first drive#7 (Oberammergau-Prien am Chiemsee-Reit im Winkl-Shönau am Königssee)
http://ppantip.com/topic/34629581
Germany : Love at first drive#8 (Königssee-St.Bartholomä-Munich)
http://ppantip.com/topic/34660250
Germany : Love at first drive#9 (Around Munich)
http://ppantip.com/topic/34713934
Germany : Love at first drive#10 (Munich-Regensburg)
http://ppantip.com/topic/34755758
Germany : Love at first drive#11 (Regensburg-Bamberg-Nürnberg)
http://ppantip.com/topic/34792005
Germany : Love at first drive#12 (Nürnberg-Wertheim Village Outlet Shopping-Würzburg)
http://ppantip.com/topic/34807592
Germany : Love at first drive#13 (Würzburg-Bad Homburg vor der Höhe-Köln)
http://ppantip.com/topic/34839906/
แวะไปทักทายกับพี่ใหญ่และหนูเล็กได้ที่นี่ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เมืองโคโลญจน์ (Cologne) ที่พวกเราเรียกกันนั้น ชาวเยอรมันเขาเรียกของเขาว่า เคิล์น (Köln)
จัดเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสี่ของเยอรมนีรองจาก Berlin เมืองหลวง Hamburg เมืองท่าสำคัญ และ Munich
แต่เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของรัฐ นอร์ดไรน์-เวสต์ฟาเลน (Nordrhein – Westfalen)
จัดเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งของเยอรมนีสร้างโดยชาวโรมันตั้งแต่ปี ค.ศ.50
ความเจริญรุ่งเรืองของโคโลญจน์อย่างรวดเร็วตั้งแต่ยุคกลางเป็นผลจากทำเลที่ตั้งที่อยู่ติดแม่น้ำไรน์
เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 โคโลญจน์ได้กลายเป็นศูนย์บัญชาการทางทหาร
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โคโลญจน์จะกลายเป็นเป้าในการเข้าโจมตีทางอากาศเช่นเดียวกับเมืองสำคัญอื่นๆ ของเยอรมนี
ทำให้พื้นที่ซึ่งมีสิ่งปลูกสร้างต่างๆ กว่า 600 เอเคอร์ได้ถูกทำลาย ทำให้ผู้คนเสียชีวิตกว่า 480 คน และกว่า 59,000 คนไร้ที่อยู่อาศัย
เมื่อสิ้นสุดสงครามประชากรของเมืองลดลงกว่าร้อยละ 95 เช่นเดียวกันกับเมืองอื่นๆ ที่อยู่ในพื้นที่ที่ถูกทิ้งระเบิดในช่วงเวลา 2 ปีหลังจากสงคราม
ในช่วงเวลาของสงครามชาวยิวจำนวนมากถูกฆ่าโดยพวกนาซี ไม่เว้นแม้แต้สุสานชาวยิวจำนวน 6 แห่งก็ถูกทำลายย่อยยับ
สงครามครั้งนั้นทำให้สถาปัตยกรรมต่างๆ ในโคโลญจน์แทบไม่เหลือรูปลักษณ์ที่คลาสสิกแบบโรมัน
หลายสิ่งจำเป็นต้องสร้างขึ้นมาใหม่ ทำให้รูปลักษณ์มีความทันสมัยมากขึ้น
ความเจ็บปวดครั้งนั้นที่ชาวโคโลญจน์ได้รับได้กลายเป็นมรดกแห่งความเจ็บช้ำที่ประชากรรุ่นที่สองหรือรุ่นที่สามหลังสงครามโลก
ต่างพากันเกลียดชังความรุนแรง ชิงชังต่อสงคราม และพยายามแสวงหาซึ่งสันติภาพ ความสงบสุข
เพื่อให้โคโลญจน์ได้หลุดพ้นมลทินในอดีตที่ไม่มีใครอยากนึกถึง

ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์กว่า 30 แห่งและเป็นศูนย์รวมของแกลเลอรี่ต่างๆ กว่า 100 แห่งที่จัดแสดงศิลปะทุกแขนงตั้งแต่ศิลปะพื้นเมือง
ศิลปะยุคโรมันเข้าตั้งรกราก ไปจนถึงศิลปะร่วมสมัยและรูปปั้นต่างๆ มากมาย แต่ที่ผู้คนรู้จักโคโลญจน์เป็นอย่างดีก็เป็นเพราะ
ที่นี่มีมหาวิหารนิกายโรมันคาทอลิกขนาดใหญ่ที่คนเยอรมันเรียกว่า เคิล์นเนอร์ โดม (Kölner Dom) ซึ่งหนูเล็กจะได้พาไปเที่ยวกัน
นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยโคโลญจน์ (Universität Köln) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปยุโรป
และเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ

ว่ากันว่าเสน่ห์ของโคโลญจน์อยู่ที่เทศกาลคาร์นิวาล (Karneval) โดยเทศกาลนี้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 11 เดือน 11
เวลา 11 นาฬิกา 11 นาที 11 วินาที ของทุกปี และจะดำเนินต่อไปจนถึงประมาณเดือนกุมภาพันธ์
ในช่วงเวลานี้ทั้งเมืองจะมีการแสดงดนตรี วงโยธวาทิต การประกวดเต้นรำ การแต่งกายแบบแฟนซี เสื้อผ้าสีสันสะดุดตา
แต่ไม่ฉูดฉาดเหมือนพาเหรดเกย์และเลสเบี้ยนที่จัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมของทุกปี
เรียกกันว่า คริสโตเฟอร์ สตรีท เดย์ (Christopher Street Day) ซึ่งก็จะมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกแวะเวียนมาเที่ยวกันเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ถึงกับเคยมีบันทึกไว้ว่ามีผู้เข้าร่วมงานกว่า 5 แสนคน
เอกลักษณ์อีกอย่างของโคโลญจน์ก็คือภาษา ซึ่งจะไม่เหมือนภาษาเยอรมันทั่วไป เขาบอกว่าจะฟังได้ยากกว่า
แค่ภาษาเยอรมันธรรมดาหนูเล็กยังหูไม่กระดิก แล้วถ้ายิ่งฟังยากเข้าไปอีกคงต้องส่งภาษามือกันอย่างเดียวมั๊งอมยิ้ม01
ได้เวลาไปเที่ยวมหาวิหารแห่งโคโลญจน์กันแล้วค่ะ
อัศวินเดินทาง




มหาวิหารแห่งโคโลญจน์ (Cologne Cathedral : Kölner Dom) หรือชื่อเต็มๆ ในภาษาเยอรมันคือ  Hohe Domkirche St.Peter und Maria
เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค เป็นมหาวิหารโรมันคาทอลิกที่สร้างด้วยหินทรายตั้งแต่ปี ค.ศ. 1248
แต่ระหว่างการก่อสร้างมีปัญหาหลายประการที่ทำให้ต้องหยุดพักการก่อสร้างไปบ้างเป็นระยะๆ
จึงใช้เวลาสร้างกว่าหกร้อยปีจึงจะสำเร็จพร้อมกับมีพิธีวางหลักหินบันทึกข้อมูลการก่อสร้างเอาไว้เป็นหลักฐาน
จุดเด่นคือหอคอยแฝดที่มีความสูงถึง 157 เมตร กว้าง 86 เมตร และยาว 144 เมตร สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1842
เพื่ออุทิศให้แก่นักบุญปีเตอร์ และพระแม่มารี (Virgin Mary) นับเป็นวิหารที่ใหญ่และสูงมากในสมัยนั้น
เคยเป็นมหาวิหารที่สูงที่สุดระหว่างปี ค.ศ.1880 – 1884 สำหรับในประเทศเยอรมนีจะเป็นรองก็แต่มหาวิหารแห่งอูล์ม (Ulmer Münster)
ซึ่งสูง 161 เมตร เท่านั้น แต่คนที่เคยไปเที่ยวมหาวิหารแห่งอูล์มหลายคนบอกว่า ที่นั่นไม่อลังการเท่านี้
อันนี้เท็จจริงอย่างไรคงต้องไปพิสูจน์กันด้วยตนเอง หนูเล็กยังไม่เคยไปก็เลยตอบไม่ได้เหมือนกัน
มหาวิหารแห่งนี้จัดว่าเป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของคริสต์ศาสนา
ที่นี่มีการเก็บรักษาอัฐิธาตุของบรรดาปราชญ์แห่งตะวันออก
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่นี่ก็ไม่พ้นโดนเครื่องบินทิ้งระเบิด เพียงแต่ไม่ได้โดนแบบเต็มๆ โครงสร้างบางส่วนจึงยังคงอยู่
ในระยะแรกมีการคงสภาพที่ถูกทำลายเอาไว้โดยไม่มีการบูรณะซ่อมแซม เพื่อจะได้ใช้ระลึกถึงความโหดร้ายของสงคราม
แต่ภายหลังหรือประมาณปี ค.ศ.1990 ได้ตัดสินใจต่อเติม บูรณะซ่อมแซมให้สวยงามดังเดิม
จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1996
แต่ในอีก 4 ปีให้หลัง ถูกปลดระวางลงจนไปอยู่ในลิสต์ของ World Heritage in Danger เนื่องจากตัวเมืองมีการขยายตัวมาก
รอบๆ มีการก่อสร้างอาคารสูง ทำให้บดบังความงดงามของมหาวิหาร
แต่ภายหลังทางการได้มีการควบคุมอาคารสิ่งปลูกสร้างใหม่ๆ มากขึ้น ไม่ปล่อยให้มีการสร้างแบบตามใจฉัน
การยุติการก่อสร้างดังกล่าวจึงทำให้คณะกรรมการองค์การยูเนสโกถอนใบแดงประกาศให้เป็นมรดกโลกต่อไปในปี ค.ศ.2006






ประตูทางเข้ามหาวิหารมีทั้งหมด 3 ด้าน ด้านละ 4 บาน ประตูด้านที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าออกจะเป็นด้านทิศตะวันตก
โดยบานซ้ายเป็นทางออก และบานขวาเป็นทางเข้า บานใหญ่ตรงกลางถูกปิดไว้
ประตูด้านทิศเหนือคือด้านที่ติดกับสถานีรถไฟกลาง (Haupbahnhof) ประตูด้านนี้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14
จากนั้นมีการปรับปรุงให้เป็นแบบนีโอโกธิคในระหว่างปี ค.ศ.1843 – 1855
แต่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการบูรณะใหม่จากเดิมที่เคยใช้หินทรายซึ่งผุกร่อนได้ง่าย
เปลี่ยนเป็นหินบะซอลท์ลาวาที่มีความคงทนกว่า ความงดงามของประตูด้านนี้อยู่ที่รูปปั้นที่ประดับอยู่ตรงซุ้มประตูซึ่งเป็นรูปเทพและนักบุญต่างๆ
ส่วนประตูด้านทิศตะวันตก ซุ้มประตูด้านขวาคือ ซุ้มประตูปีเตอร์ ซึ่งทำด้วยบรอนซ์ ด้านบนประดับด้วยรูปปั้นนักบุญผู้เผยแพร่ศาสนา 12 องค์
ส่วนบริเวณหน้าบันก็จะเป็นเรื่องเล่าของนักบุญปีเตอร์ตั้งแต่ก่อนที่พระเยซูจะเรียกมาบวช
จนกระทั่งการถูกจับห้อยหัวจนเสียชีวิตเพื่อให้แตกต่างจากพระเยซูที่ตายโดยการถูกตรึงไม้กางเขน
ซุ้มประตูกลางที่ปิดไว้เป็นรูปปั้นพระแม่มารีอุ้มพระบุตรไว้ในอ้อมแขนอยู่ตรงกลางประตู หน้าบันจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา
เช่น แถวแรกบอกเล่าเรื่องอาดัมกับอีฟที่ถูกพระเจ้าขับให้ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์เนื่องจากรับประทานผลไม้ต้องห้ามของพระเจ้า  
แถวที่สองเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโนอาห์ที่สร้างเรือขนครอบครัวและสัตว์หนีน้ำท่วมโลกจากการลงโทษของพระเจ้า












ฟิน
ชื่อสินค้า:   ขับรถเที่ยว เยอรมนี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่