ถึงแม้ปี 2015 มันผ่านไปแล้ว แต่หนังหลายเรื่องโดยเฉพาะหนังนอกกระแสจะ wide release ให้เรามีโอกาสได้ดูกันช่วงต้นปี 2016 นี้
และนี่คือ 10 หนังโปรดที่คิดว่า จขกท. ชอบมากที่สุดตลอดปี 2015 จนถึงตอนนี้
อันดับ 10 Spotlight
หนังที่เสนอจากเรื่องจริงของทีมนักข่าว Boston Globe ในการเปิดโปงด้านมืดของสถาบันศาสนาอันเป็นที่เคารพรักของคนในสังคม หนังเรื่องนี้ มันสะท้อนประเด็นสังคมมากๆ และผมรู้สึกว่าประเด็นหนังเรื่องนี้ การที่พระล่วงละเมิดทางเพศเด็ก มันใกล้ตัวเรามากๆ หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลจากสถาบันศาสนามันน่ากลัวแค่ไหน และมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง สิ่งที่น่าชมของหนังเรื่องนี้คือหนังฉายออกมาใกล้เคียงกับความจริง และทีมนักแสดงทุกคนแสดงได้ถึงพริกถึงขิงมาก
อันดับ 9 The Martian
ในขณะเดียวกัน The Martian นำเสนอด้านสว่างของมนุษย์ โดยที่เชื่อว่าถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นมนุษย์ทุกคนก็พร้อมใจกันช่วยเหลือ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีผลประโยชน์ตามมา หนังเรื่องนี้เป็นหนัง Sci-fi ที่ดูค่อนข้างจะ Feel Good พอสมควร จำได้ว่าเดินยิ้มออกมาจากโรงมาด้วยความประทับใจ แสดงในแง่ของความพยายามรอดชีวิตของ Mark Watney ซึ่ง Matt Damon แสดงได้ดี และในแง่ของความพยายามของเหล่าคนบนโลกในการหาวิธีช่วยตัวเอกออกจากดาวอังคาร ส่วนตัวผมชอบบทบาทของ ผอ. Nasa ที่แสดงโดย Jeff Daniels ตัวละครนี้หิ้วประเด็นในแง่ที่ว่า การจะทำงานหรือตัดสินใจอะไรบางอย่าง จะต้องรับผิดชอบภาพรวมหรือผลประโยชน์ส่วนรวมด้วย ทุกหนังพวกภัยพิบัติมักจะมีตัวละครอย่าง ผอ. Nasa คนนี้และ The Martian แสดงให้เห็นว่าทำไมตัวละครพวกแบบนี้ต้องตัดสินใจแบบนั้น
อันดับ 8 The Revenant
หนังเรื่องนี้เป็นการพิสูจน์ฝีมือของผู้กำกับ Alejandro González Inarritu และตากล้องสุดเทพ Emmanuel Lubezki กับฝีมือการถ่ายกล้อง Production การถ่ายแบบ Long Take และใช้แสงจากสถานที่จริง มันสวยงามมากๆ The Revenant เล่าขึ้นมาจากแรงบันดาลใจของเรื่องที่เกิดขึ้นกับของ Hugh Glass กับ John Fitzgerald ทำให้หลายส่วนหนังเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง โดยจะเน้นประเด็นของความพยายามเอาชีวิตรอดตามแก้แค้นของนาย Hugh Glass ท่ามกลางการล่าอาณานิคมบุกรุกพื้นที่ของเผ่าอินเดียนแดงในอเมริกาสมัยเก่า ซึ่งการแสดงของนาย Leo คาดว่าออสการจะได้ในปีนี้กับเขาสักที แต่ส่วนตัวผมว่าการแสดงของตัวร้าย John Fitzgerald ซึ่งแสดงโดย Tom Hardy แสดงได้ดีกว่ามากๆ ในบทบาทของตัวร้ายคนโฉดใจคด ซึ่งทั้งสำเนียงและอารมณ์โฉดๆสื่อออกมาจาก Tom Hardy ได้อย่างชัดเจน สำหรับ The Revenant ถึงแม้บทดำเนินเรื่องอาจเดินเรื่องเนิบๆไปหน่อยแต่โดยรวมการแสดงและการถ่ายทำที่สุดยอดทำให้หนังเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งของหนังคุณภาพของปี
อันดับ 7 Kingman : Secret Service
เป็นหนังแอ็คชั่นสายลับที่เซอร์ไพร์สมากเพราะคาดไม่ถึงว่ามันจะสนุกและดีขนาดนี้ ซึ่งเป็นหนังแนวสายลับที่ชอบมากที่สุดปีนี้เลยทีเดียว ค่อนข้างจะล้อเลียนหนังสายลับต้นตำรับ และใส่มุขใหม่ๆที่ทำให้ Kingman : Secret Service เรื่องนี้ไม่ดูเชย ด้วยตัวละครและตัวร้ายยียวนกวนๆ แต่เสน่ห์ลีลาและจังหวะแอ็คชั่นการต่อสู้ของเรื่องนี้มันโดดเด่นเอามากๆ ดูแล้วระทึกและเพลินตาดี ยิ่งโดยเฉพาะฉาก Long Take ฆ่ากันในโบสถ์นี่เป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ และ Colin Firth วาดลวยลายสไตล์แอ็คชั่นของแกบนหนังเรื่องได้ดีมาก ยอบรับในฝีมือของการกำกับ Matthew Vaughn ที่นับวันงานกำกับของแกมีฝีมือจัดจ้านและเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานมากขึ้นเรื่อยๆ Kingman : Secret Service เป็นอีกหนึ่งงานพิสูจน์ฝีมือของแกได้อย่างดี และยังได้แนะนำให้รู้จักดาราหน้าใหม่อย่าง Taron Egerton ที่รับบทเป็น Eggsy ตัวเอกของเรื่อง
อันดับ 6 Star Wars : The Force Awaken
ถ้าตัดส่วนแย่ๆออกไปอย่างเส้นเรื่องที่พอคาดเดาได้พอสมควรและการปูทางให้กับตัวเอกภาคใหม่มากเป็นพิเศษ และความพยายามเดินเรื่องแบบละม้ายคล้ายคลึงกับต้นฉบับภาคเก่ามากเกินไป แต่ Star Wars Episode 7 นี้ถือว่าเป็นภาคที่เปิดศักราชใหม่ให้กับแฟรนไชส์ได้อย่างดี คนรุ่นใหม่มาดูภาคนี้อาจจะไม่ประทับใจเท่าคนที่เคยดูภาคเก่ามาก่อน หนังสามารถเชื่อมโยงความเป็นไปจากภาคเก่าได้และทิ้งปมประเด็นต่างๆที่ดึงดูดคนดูให้ติดตามภาคต่อ แน่นอนว่าภาคนี้เดินเรื่องคาดเดาง่าย แต่ไม่ขนาดที่ทำให้คุณหมดความระทึก ความเคลือบแคลงข้อสงสัยต่างๆแต่อย่างใด สำหรับศานุแฟนๆ Star Wars แค่ได้มาเห็นการกลับมาของตัวละครเก่าๆ ยานหรือฉากต่างๆที่เคยเห็นจากไตรภาคที่แล้วกลับมาโลดแล่นบนจออีกครั้งก็คุ้มค่าที่เชยชมแล้ว พร้อม Effect ที่ทำได้ขลังและดูดี ลำดับการเล่าเรื่องที่ไม่น่าเบื่อและทำให้คนดูติดตามไปได้ตลอด ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของภาคนี้ไปได้อย่างสมบูรณ์
อันดับ 5 Carol
ปี 2015 ผมว่ามันเป็นปีของหนังอิสตรีเลยทีเดียว และ Carol เป็นหนังที่มีรสของความเป็นผู้หญิงจ๋ามาก แต่มีประเด็นการนำเสนอที่แปลกกว่าหนังรักดราม่าเรื่องอื่น ที่ไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องราวความสัมพันธ์ของชาย-หญิง แต่เป็นความสัมพันธ์ของหญิง-หญิง ความสัมพันธ์ของคนเพศเดียวกัน แสดงให้เห็นความสัมพันธ์แบบนี้มันก็เป็นสิ่งที่งดงามได้เช่นกัน ท่ามกลางกระแสสังคมในหนังเต็มไปด้วยการให้เพศชายเหนือกว่าเพศหญิง และเรื่องรักร่วมเพศถือเป็นความผิด เป็นสิ่งแปลกประหลาดในสังคม การดำเนินเรื่องช้าๆ ละเมียดละไมเสมือนกำลังอ่านนิยายเรื่องๆนึง และเรื่องนี้ต้องขอชมการแสดงทั้งของ Cate Blanchett และ Rooney Mara ที่เคมีการแสดงของทั้งคู่เข้าขากันดีมากๆ ตลอดที่ดูรู้สึกถึงความอัดอั้น ความชอบอกชอบใจและความรักที่มีต่อกัน และทำให้คนดูได้เชียร์ให้คู่ๆนี้อยู่รอดตลอดฝั่งในตอนจบ
อันดับ 4 The Big Short
หนังว่าด้วยของกลุ่มคนที่ตัดสินใจ Short หรือลงทุนพนันในด้านตรงข้ามกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยความที่พวกเขาเชื่อว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังจะเกิดฟองสบู่แตกในไม่ช้า หลายคนอาจจะยี้กับหนังเรื่องนี้ ถ้าจะพูดว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับ Financial จ๋าๆเลย แต่ขอสารภาพว่าแม้แต่ จขกท.เองมีความรู้ด้านการเงินการลงทุนเท่าหางปลาทูเอง แต่สามารถเข้าใจหนังเรื่องนี้ไม่ยากเลย ซึ่งเป็นจุดที่ชอบมากๆของหนังเรื่องนี้ ตลอดการเดินเรื่องหนังจะมีจังหวะที่ตัวละครหันมาพูดกับคนดูเล่าให้ฟังว่าตรงนี้ๆ ศัพท์ Finance นี้เกี่ยวอะไรและมันเกิดอะไรขึ้น ทำให้ The Big Short จึงเป็นหนังในลักษณะกึ่งๆสารคดีอยู่ด้วย ซึ่งไม่รู้สึกแปลกและขัดขวางบรรยากาศการเดินเรื่องของหนัง รวมทั้งผสมมุขตลกร้ายๆทำให้หนังเรื่องนี้ไม่น่าเบื่อแต่อย่างใด ถึงแม้มันมาจากความจริงอันน่าเศร้าก็ตาม อย่างที่หลายคนได้ยินตามข่าวเศรษฐกิจในไม่กี่ปีที่ผ่านมา หนังเล่าถึงต้นตอของวิกฤติการเงินของโลกมาจากไหน และสิ่งที่น่าเศร้าคือความฉ้อฉลมันเกิดขึ้นจริงๆจากสถาบันการเงินระดับโลก เชื่อว่าหนังเรื่องน่าจะให้ข้อคิดต่างๆมากมายสำหรับคนที่สนใจด้านการเงินและการลงทุนมากพอสมควร
อันดับ 3 Ex Machina
หนังเล็กๆ Sci Fi Thriller เรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังที่ จขกท.ชอบมากๆตลอดปี 2015 เพราะการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ คาดเดาไม่ได้ตลอดเรื่องเลยว่าหนังจะลงเอยยังไง ทำให้ลุ้นระทึกไปตลอดเวลาที่ดูหนังเรื่องนี้ และมันสุดยอดมากๆ กำกับด้วยผลงานของ ผกก.หน้าใหม่ Alex Garland ที่เปิดตัวผลงานได้ดีมากๆกับหนังเรื่องนี้ นอกจากมี Effect ที่น่าเชยชมของการทำเอฟเฟคหุ่น Ava การแสดงของเรื่องนี้ก็สุดยอดมากเช่นกัน ทั้งสามนักแสดงหลัก Oscar Iasacc และ Domhnall Gleeson (คู่นี้ได้ไปเล่นใน Star Wars ไตรภาคใหม่ด้วย) และหุ่น Ava Alicia Vikander ที่บอกตามตรงชอบการแสดงนางของเรื่องนี้มากกว่าที่นางแสดงในเรื่อง Danish Girl มากๆ ที่น่าชมอีกอย่างของเรื่องนี้คือ ตัวละครในหนังมีมิติไม่ได้มีด้านเดียว มันเป็นจุดที่ทำให้คนดูคาดเดาไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะคนดูจะไม่รู่ว่าตัวละครแต่ละตัวกำลังคิดอะไรอยู่ Ex Machina จึงเป็นหนังที่สุดยอดทั้งแง่ของหนัง SciFi และ หนัง Thriller ของปี
อันดับ 2 Room
หนังเล็กๆแต่เปี่ยมพลัง ซึ่งจะเล่าถึงการที่ผู้หญิงคนหนึ่งถูกลักพาตัวและกักขังให้ห้องหนึ่งๆเพื่อทำการข่มขืนชำเราเป็นเวลานานจนกระทั่งมีลูก เวลาเกือบครึ่งเรื่องของเรื่องนี้คือห้องหนึ่งห้อง และนางเอกแสดงโดย Brie Larson กับลูกแสดงโดย Jacob Tremblay และโมเมนต์ช่วงนั้นของหนังจะเต็มเปี่ยมไปด้วยการแสดงที่สุดยอดทั้งของ Brie Larson และ Jacob Tremblay ซึ่งน้อง Jacob คนนี้ได้มอบการแสดงเด็กที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาด้วยอายุยังน้อยมากๆ เพราะบอกตามตรงว่าเส้นเรื่องจะเล่าผ่านเด็กเป็นส่วนใหญ่ และน้อง Jacob Tremblay สามารถแบกหนังเรื่องนี้ได้ดีมาก โดยเล่าทั้งในช่วงที่ถูกกักขังและช่วงที่เป็นอิสระแต่วิกฤติหรือฝันร้ายยังไม่จบแค่นั้นเนื่องด้วยผลพวงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสุดท้ายได้ทิ้งประเด็นให้ข้อคิดและกำลังใจได้เป็นอย่างดี หนังเรื่องนี้ดีงามตั้งแต่เปิดเรื่องยันจนจบของเรื่อง
อันดับ 1 Mad Max : Fury Road
จขกท.ปฏิเสธไม่ได้เลย่วา Mad Max : Fury Road เป็นหนังแอ๊คชั่นที่สุดยอดมากๆในบรรดาของหนังแอ๊คชั่นที่ชมมาตลอดหลายปี ด้วยผกก.อายุ 70 แต่ฝีมือไม่โรยราของ George Miller กำกับหนังเรื่องนี้ที่เห็นได้ว่าภาค Fury Road มาจากความอัดอั้น ของคลั่งไคล้ของเค้าบรรเลงลงไปบนเรื่องนี้ ทำให้ Mad Max : Fury Road ดีงามไม่ว่าจะเป็นฉากแอ๊คชั่น ฉาก stunt แบบใช้ Practical Effect ฉากขับขี่รถไล่ล่ากันตลอดทั้งเรื่อง การถ่ายภาพที่สุดยอด และการตัดต่อขั้นเทพ การเร่งและยืดความเร็วหนังเป็นช่วงๆ ทำให้คนดูอินไปกับฉากเหล่านี้ ถึงแม้ในแต่ละฉากมีเหตุเกิดต่างๆมากมายสลับไปมา แต่คุณจะไม่รู้สึกมึนดูไม่รู้เรื่องเลย ในทางกลับกันมันดูอลังและสวยมาก ซึ่งหาได้ยากสำหรับหนังแอ็คชั่นปัจจุบัน
Mad Max : Fury Road แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเพศสตรีได้ดีบนบท Furiosa แสดงโดย Charize Theron และการกลับมาอีกครั้งของตัวละครที่รับบทโดยนักแสดงคนใหม่นาย
Tom Hardy(ปี 2015 เป็นปีของแกจริงๆ) ซึ่งเอาจริงๆผมว่าแกก็รับบทเป็น Max ได้ดีเช่นกัน ถึงแม้จะโดนบทบาทของ Furiosa กลบไปจนเกือบมิดก็เถอะ แต่ก็เป็นสไตล์ของหนัง Mad Max ตั้งแต่ภาคเก่าๆอยู่แล้ว โดยรวม Mad Max : Fury Road เป็นหนังที่ส่วนตัวชอบมากที่สุดของปี 2015 เพราะมันทำให้ผมดูหนัง Blockbuster เรื่องอื่นๆที่เหลือในปีไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
Honorable Mentioned หนังเรื่องอื่นที่ชอบมากเช่นกัน แต่อาจไม่ติด Top 10 list
Sicario
Anomalisa
Inside Out
Ant-Man
Mission Impossible : Rogue Nation
และหนังโปรดปี 2015 จนถึงตอนนี้ของคุณคืออะไรบ้าง เชิญทัศนากันครับ
10 อันดับหนังโปรดปี 2015 ของแต่ละคนคืออะไร เมื่อนับรวมกับเทศกาลหนังนอกกระแสต้นปี
และนี่คือ 10 หนังโปรดที่คิดว่า จขกท. ชอบมากที่สุดตลอดปี 2015 จนถึงตอนนี้
อันดับ 10 Spotlight
หนังที่เสนอจากเรื่องจริงของทีมนักข่าว Boston Globe ในการเปิดโปงด้านมืดของสถาบันศาสนาอันเป็นที่เคารพรักของคนในสังคม หนังเรื่องนี้ มันสะท้อนประเด็นสังคมมากๆ และผมรู้สึกว่าประเด็นหนังเรื่องนี้ การที่พระล่วงละเมิดทางเพศเด็ก มันใกล้ตัวเรามากๆ หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลจากสถาบันศาสนามันน่ากลัวแค่ไหน และมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง สิ่งที่น่าชมของหนังเรื่องนี้คือหนังฉายออกมาใกล้เคียงกับความจริง และทีมนักแสดงทุกคนแสดงได้ถึงพริกถึงขิงมาก
อันดับ 9 The Martian
ในขณะเดียวกัน The Martian นำเสนอด้านสว่างของมนุษย์ โดยที่เชื่อว่าถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นมนุษย์ทุกคนก็พร้อมใจกันช่วยเหลือ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีผลประโยชน์ตามมา หนังเรื่องนี้เป็นหนัง Sci-fi ที่ดูค่อนข้างจะ Feel Good พอสมควร จำได้ว่าเดินยิ้มออกมาจากโรงมาด้วยความประทับใจ แสดงในแง่ของความพยายามรอดชีวิตของ Mark Watney ซึ่ง Matt Damon แสดงได้ดี และในแง่ของความพยายามของเหล่าคนบนโลกในการหาวิธีช่วยตัวเอกออกจากดาวอังคาร ส่วนตัวผมชอบบทบาทของ ผอ. Nasa ที่แสดงโดย Jeff Daniels ตัวละครนี้หิ้วประเด็นในแง่ที่ว่า การจะทำงานหรือตัดสินใจอะไรบางอย่าง จะต้องรับผิดชอบภาพรวมหรือผลประโยชน์ส่วนรวมด้วย ทุกหนังพวกภัยพิบัติมักจะมีตัวละครอย่าง ผอ. Nasa คนนี้และ The Martian แสดงให้เห็นว่าทำไมตัวละครพวกแบบนี้ต้องตัดสินใจแบบนั้น
อันดับ 8 The Revenant
หนังเรื่องนี้เป็นการพิสูจน์ฝีมือของผู้กำกับ Alejandro González Inarritu และตากล้องสุดเทพ Emmanuel Lubezki กับฝีมือการถ่ายกล้อง Production การถ่ายแบบ Long Take และใช้แสงจากสถานที่จริง มันสวยงามมากๆ The Revenant เล่าขึ้นมาจากแรงบันดาลใจของเรื่องที่เกิดขึ้นกับของ Hugh Glass กับ John Fitzgerald ทำให้หลายส่วนหนังเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง โดยจะเน้นประเด็นของความพยายามเอาชีวิตรอดตามแก้แค้นของนาย Hugh Glass ท่ามกลางการล่าอาณานิคมบุกรุกพื้นที่ของเผ่าอินเดียนแดงในอเมริกาสมัยเก่า ซึ่งการแสดงของนาย Leo คาดว่าออสการจะได้ในปีนี้กับเขาสักที แต่ส่วนตัวผมว่าการแสดงของตัวร้าย John Fitzgerald ซึ่งแสดงโดย Tom Hardy แสดงได้ดีกว่ามากๆ ในบทบาทของตัวร้ายคนโฉดใจคด ซึ่งทั้งสำเนียงและอารมณ์โฉดๆสื่อออกมาจาก Tom Hardy ได้อย่างชัดเจน สำหรับ The Revenant ถึงแม้บทดำเนินเรื่องอาจเดินเรื่องเนิบๆไปหน่อยแต่โดยรวมการแสดงและการถ่ายทำที่สุดยอดทำให้หนังเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งของหนังคุณภาพของปี
อันดับ 7 Kingman : Secret Service
เป็นหนังแอ็คชั่นสายลับที่เซอร์ไพร์สมากเพราะคาดไม่ถึงว่ามันจะสนุกและดีขนาดนี้ ซึ่งเป็นหนังแนวสายลับที่ชอบมากที่สุดปีนี้เลยทีเดียว ค่อนข้างจะล้อเลียนหนังสายลับต้นตำรับ และใส่มุขใหม่ๆที่ทำให้ Kingman : Secret Service เรื่องนี้ไม่ดูเชย ด้วยตัวละครและตัวร้ายยียวนกวนๆ แต่เสน่ห์ลีลาและจังหวะแอ็คชั่นการต่อสู้ของเรื่องนี้มันโดดเด่นเอามากๆ ดูแล้วระทึกและเพลินตาดี ยิ่งโดยเฉพาะฉาก Long Take ฆ่ากันในโบสถ์นี่เป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ และ Colin Firth วาดลวยลายสไตล์แอ็คชั่นของแกบนหนังเรื่องได้ดีมาก ยอบรับในฝีมือของการกำกับ Matthew Vaughn ที่นับวันงานกำกับของแกมีฝีมือจัดจ้านและเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานมากขึ้นเรื่อยๆ Kingman : Secret Service เป็นอีกหนึ่งงานพิสูจน์ฝีมือของแกได้อย่างดี และยังได้แนะนำให้รู้จักดาราหน้าใหม่อย่าง Taron Egerton ที่รับบทเป็น Eggsy ตัวเอกของเรื่อง
อันดับ 6 Star Wars : The Force Awaken
ถ้าตัดส่วนแย่ๆออกไปอย่างเส้นเรื่องที่พอคาดเดาได้พอสมควรและการปูทางให้กับตัวเอกภาคใหม่มากเป็นพิเศษ และความพยายามเดินเรื่องแบบละม้ายคล้ายคลึงกับต้นฉบับภาคเก่ามากเกินไป แต่ Star Wars Episode 7 นี้ถือว่าเป็นภาคที่เปิดศักราชใหม่ให้กับแฟรนไชส์ได้อย่างดี คนรุ่นใหม่มาดูภาคนี้อาจจะไม่ประทับใจเท่าคนที่เคยดูภาคเก่ามาก่อน หนังสามารถเชื่อมโยงความเป็นไปจากภาคเก่าได้และทิ้งปมประเด็นต่างๆที่ดึงดูดคนดูให้ติดตามภาคต่อ แน่นอนว่าภาคนี้เดินเรื่องคาดเดาง่าย แต่ไม่ขนาดที่ทำให้คุณหมดความระทึก ความเคลือบแคลงข้อสงสัยต่างๆแต่อย่างใด สำหรับศานุแฟนๆ Star Wars แค่ได้มาเห็นการกลับมาของตัวละครเก่าๆ ยานหรือฉากต่างๆที่เคยเห็นจากไตรภาคที่แล้วกลับมาโลดแล่นบนจออีกครั้งก็คุ้มค่าที่เชยชมแล้ว พร้อม Effect ที่ทำได้ขลังและดูดี ลำดับการเล่าเรื่องที่ไม่น่าเบื่อและทำให้คนดูติดตามไปได้ตลอด ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของภาคนี้ไปได้อย่างสมบูรณ์
อันดับ 5 Carol
ปี 2015 ผมว่ามันเป็นปีของหนังอิสตรีเลยทีเดียว และ Carol เป็นหนังที่มีรสของความเป็นผู้หญิงจ๋ามาก แต่มีประเด็นการนำเสนอที่แปลกกว่าหนังรักดราม่าเรื่องอื่น ที่ไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องราวความสัมพันธ์ของชาย-หญิง แต่เป็นความสัมพันธ์ของหญิง-หญิง ความสัมพันธ์ของคนเพศเดียวกัน แสดงให้เห็นความสัมพันธ์แบบนี้มันก็เป็นสิ่งที่งดงามได้เช่นกัน ท่ามกลางกระแสสังคมในหนังเต็มไปด้วยการให้เพศชายเหนือกว่าเพศหญิง และเรื่องรักร่วมเพศถือเป็นความผิด เป็นสิ่งแปลกประหลาดในสังคม การดำเนินเรื่องช้าๆ ละเมียดละไมเสมือนกำลังอ่านนิยายเรื่องๆนึง และเรื่องนี้ต้องขอชมการแสดงทั้งของ Cate Blanchett และ Rooney Mara ที่เคมีการแสดงของทั้งคู่เข้าขากันดีมากๆ ตลอดที่ดูรู้สึกถึงความอัดอั้น ความชอบอกชอบใจและความรักที่มีต่อกัน และทำให้คนดูได้เชียร์ให้คู่ๆนี้อยู่รอดตลอดฝั่งในตอนจบ
อันดับ 4 The Big Short
หนังว่าด้วยของกลุ่มคนที่ตัดสินใจ Short หรือลงทุนพนันในด้านตรงข้ามกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยความที่พวกเขาเชื่อว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังจะเกิดฟองสบู่แตกในไม่ช้า หลายคนอาจจะยี้กับหนังเรื่องนี้ ถ้าจะพูดว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับ Financial จ๋าๆเลย แต่ขอสารภาพว่าแม้แต่ จขกท.เองมีความรู้ด้านการเงินการลงทุนเท่าหางปลาทูเอง แต่สามารถเข้าใจหนังเรื่องนี้ไม่ยากเลย ซึ่งเป็นจุดที่ชอบมากๆของหนังเรื่องนี้ ตลอดการเดินเรื่องหนังจะมีจังหวะที่ตัวละครหันมาพูดกับคนดูเล่าให้ฟังว่าตรงนี้ๆ ศัพท์ Finance นี้เกี่ยวอะไรและมันเกิดอะไรขึ้น ทำให้ The Big Short จึงเป็นหนังในลักษณะกึ่งๆสารคดีอยู่ด้วย ซึ่งไม่รู้สึกแปลกและขัดขวางบรรยากาศการเดินเรื่องของหนัง รวมทั้งผสมมุขตลกร้ายๆทำให้หนังเรื่องนี้ไม่น่าเบื่อแต่อย่างใด ถึงแม้มันมาจากความจริงอันน่าเศร้าก็ตาม อย่างที่หลายคนได้ยินตามข่าวเศรษฐกิจในไม่กี่ปีที่ผ่านมา หนังเล่าถึงต้นตอของวิกฤติการเงินของโลกมาจากไหน และสิ่งที่น่าเศร้าคือความฉ้อฉลมันเกิดขึ้นจริงๆจากสถาบันการเงินระดับโลก เชื่อว่าหนังเรื่องน่าจะให้ข้อคิดต่างๆมากมายสำหรับคนที่สนใจด้านการเงินและการลงทุนมากพอสมควร
อันดับ 3 Ex Machina
หนังเล็กๆ Sci Fi Thriller เรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังที่ จขกท.ชอบมากๆตลอดปี 2015 เพราะการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ คาดเดาไม่ได้ตลอดเรื่องเลยว่าหนังจะลงเอยยังไง ทำให้ลุ้นระทึกไปตลอดเวลาที่ดูหนังเรื่องนี้ และมันสุดยอดมากๆ กำกับด้วยผลงานของ ผกก.หน้าใหม่ Alex Garland ที่เปิดตัวผลงานได้ดีมากๆกับหนังเรื่องนี้ นอกจากมี Effect ที่น่าเชยชมของการทำเอฟเฟคหุ่น Ava การแสดงของเรื่องนี้ก็สุดยอดมากเช่นกัน ทั้งสามนักแสดงหลัก Oscar Iasacc และ Domhnall Gleeson (คู่นี้ได้ไปเล่นใน Star Wars ไตรภาคใหม่ด้วย) และหุ่น Ava Alicia Vikander ที่บอกตามตรงชอบการแสดงนางของเรื่องนี้มากกว่าที่นางแสดงในเรื่อง Danish Girl มากๆ ที่น่าชมอีกอย่างของเรื่องนี้คือ ตัวละครในหนังมีมิติไม่ได้มีด้านเดียว มันเป็นจุดที่ทำให้คนดูคาดเดาไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะคนดูจะไม่รู่ว่าตัวละครแต่ละตัวกำลังคิดอะไรอยู่ Ex Machina จึงเป็นหนังที่สุดยอดทั้งแง่ของหนัง SciFi และ หนัง Thriller ของปี
อันดับ 2 Room
หนังเล็กๆแต่เปี่ยมพลัง ซึ่งจะเล่าถึงการที่ผู้หญิงคนหนึ่งถูกลักพาตัวและกักขังให้ห้องหนึ่งๆเพื่อทำการข่มขืนชำเราเป็นเวลานานจนกระทั่งมีลูก เวลาเกือบครึ่งเรื่องของเรื่องนี้คือห้องหนึ่งห้อง และนางเอกแสดงโดย Brie Larson กับลูกแสดงโดย Jacob Tremblay และโมเมนต์ช่วงนั้นของหนังจะเต็มเปี่ยมไปด้วยการแสดงที่สุดยอดทั้งของ Brie Larson และ Jacob Tremblay ซึ่งน้อง Jacob คนนี้ได้มอบการแสดงเด็กที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาด้วยอายุยังน้อยมากๆ เพราะบอกตามตรงว่าเส้นเรื่องจะเล่าผ่านเด็กเป็นส่วนใหญ่ และน้อง Jacob Tremblay สามารถแบกหนังเรื่องนี้ได้ดีมาก โดยเล่าทั้งในช่วงที่ถูกกักขังและช่วงที่เป็นอิสระแต่วิกฤติหรือฝันร้ายยังไม่จบแค่นั้นเนื่องด้วยผลพวงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสุดท้ายได้ทิ้งประเด็นให้ข้อคิดและกำลังใจได้เป็นอย่างดี หนังเรื่องนี้ดีงามตั้งแต่เปิดเรื่องยันจนจบของเรื่อง
อันดับ 1 Mad Max : Fury Road
จขกท.ปฏิเสธไม่ได้เลย่วา Mad Max : Fury Road เป็นหนังแอ๊คชั่นที่สุดยอดมากๆในบรรดาของหนังแอ๊คชั่นที่ชมมาตลอดหลายปี ด้วยผกก.อายุ 70 แต่ฝีมือไม่โรยราของ George Miller กำกับหนังเรื่องนี้ที่เห็นได้ว่าภาค Fury Road มาจากความอัดอั้น ของคลั่งไคล้ของเค้าบรรเลงลงไปบนเรื่องนี้ ทำให้ Mad Max : Fury Road ดีงามไม่ว่าจะเป็นฉากแอ๊คชั่น ฉาก stunt แบบใช้ Practical Effect ฉากขับขี่รถไล่ล่ากันตลอดทั้งเรื่อง การถ่ายภาพที่สุดยอด และการตัดต่อขั้นเทพ การเร่งและยืดความเร็วหนังเป็นช่วงๆ ทำให้คนดูอินไปกับฉากเหล่านี้ ถึงแม้ในแต่ละฉากมีเหตุเกิดต่างๆมากมายสลับไปมา แต่คุณจะไม่รู้สึกมึนดูไม่รู้เรื่องเลย ในทางกลับกันมันดูอลังและสวยมาก ซึ่งหาได้ยากสำหรับหนังแอ็คชั่นปัจจุบัน
Mad Max : Fury Road แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเพศสตรีได้ดีบนบท Furiosa แสดงโดย Charize Theron และการกลับมาอีกครั้งของตัวละครที่รับบทโดยนักแสดงคนใหม่นาย Tom Hardy(ปี 2015 เป็นปีของแกจริงๆ) ซึ่งเอาจริงๆผมว่าแกก็รับบทเป็น Max ได้ดีเช่นกัน ถึงแม้จะโดนบทบาทของ Furiosa กลบไปจนเกือบมิดก็เถอะ แต่ก็เป็นสไตล์ของหนัง Mad Max ตั้งแต่ภาคเก่าๆอยู่แล้ว โดยรวม Mad Max : Fury Road เป็นหนังที่ส่วนตัวชอบมากที่สุดของปี 2015 เพราะมันทำให้ผมดูหนัง Blockbuster เรื่องอื่นๆที่เหลือในปีไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
Honorable Mentioned หนังเรื่องอื่นที่ชอบมากเช่นกัน แต่อาจไม่ติด Top 10 list
Sicario
Anomalisa
Inside Out
Ant-Man
Mission Impossible : Rogue Nation
และหนังโปรดปี 2015 จนถึงตอนนี้ของคุณคืออะไรบ้าง เชิญทัศนากันครับ