ได้ยินมาบ้างค่ะว่าโรงเรียนคือที่ลับมีด ส่วนกวดวิชาคือการเรียนเพื่อจ้วงมีดให้ถูกทาง ... ก็ไม่ได้ค้านแนวคิดนี้นะคะ
แต่ เพียงในใจคิดขึ้นมาว่า บางทีในโรงเรียนจะทำให้เต็มที่กว่านี้หรือเปล่า ? มันควรจะได้ประสิทธิผลมากกว่านี้สิ เพราะมันฟังดูไม่ยุติธรรมสำหรับนักเรียนหลายคนที่มีโอกาสน้อยกว่าเลย
อีกอย่างคือเห็นชัดๆเลยค่ะว่าโรงเรียนใหญ่ก็จะใหญ่ ส่วนโรงเรียนที่เล็กจนต้องปิดตัวไปเพราะไม่มีนักเรียนเพียงพอก็เป็นขั้วตรงข้าม ... แล้ว การที่โรงเรียนใหญ่ทำให้หนึ่งห้อง คุณครูหนึ่งคนต้องรับนักเรียนห้าสิบคน ซึ่งคงจะดูแลให้ทั่วถึงทุกคนไม่ได้เช่นกัน
ไหนจะหนังสือเรียน... ไม่ต้องบ่น ไม่เคยพอใช้สักรุ่น คงต้องปลูกฝังพวกรุ่นพี่ว่าอย่าฉีกกระดาษหนังสือไปเคี้ยวเอื้องเล่นเลย หน้ากระดาษเคยครบสักปีมั้ง... เติมรูจมูกให้กันอีกต่างหาก หนังสือนะไม่ใช่สมุดศิลปะ
นักเรียนหลับ นักเรียนคุย นักเรียนเล่นโทรศัพท์นี้เห็นจนชินตา ... บางคนก็ลามปามเรียกครูอย่างกับเพื่อนสนิท ยิ่งครูคนที่เข้มงวดก็จะตั้งแง่
มันสะท้อนให้เห็นอะไรคะ
ความไร้ศักยภาพของบุคลากรทั้งหมดหรือเปล่า
ความไร้ความสามารถในการจัดการของผู้ใหญ่บางคนหรือไม่... หรือว่าหลายคน ทำไมปัญหาที่ค้างมาเป็นชาติแบบนี้ถึงไม่ได้รับการแก้สักที กระทรวงที่ได้งบเยอะๆนั้นทำอะไรอยู่คะ ทำไมไม่เอางบกระจายให้ทั่วถึง ชุมชนห่างไกลล่ะ โครงการครูชนบทก็ได้ ให้การศึกษามันเข้าถึง แยกห้องเรียนที่มันอึดอัดและไร้สัมมาคารวะไปกระจายให้ทั่วๆสักที การดูแลนักเรียนถึงจะทั่วถึง เคาะตาตุ่มแบบหลายปีก่อนก็ได้ ไม้เรียวหลอมวิญญาณให้เป็นคนไง
ไม้เรียวหวายสมัยนี้ยังศักดิ์สิทธิ์อยู่ไหมคะ?
แล้วฝังค่านิยมผิดๆมากันตั้งแต่ไหนแล้ว
โรงเรียนใหญ่ ห้องเรียนใหญ่ สถาบันดัง แต่ผลผลิตไร้คุณภาพก็ไม่ต่างกับใช้ดินเดิมๆปลูกมันสำปะหลัง สักพักดินก็เสียแล้วก็ใช้การไม่ได้ ทุกวันนี้เด็กๆและครอบครัวหลายครอบครัวก็หาเรียนเอาเองตามสถาบันกวดวิชาทั้งนั้น ได้เนื้อหามากกว่า ได้ข้อสอบมากกว่า เรียนแล้วทำได้มากกว่าเรียนที่โรงเรียน
เพราะอะไรน่ะเหรอ ทั้งๆที่แค่ไปกดคลิกๆหน้าคอมที่สถาบันแล้วก็จดๆ ได้ข้อสอบเยอะกว่าไปเรียนทั้งเทอมอีก
นั่นสิ เพราะอะไรกันว้า ?!
กระทรวงก็เริ่มเหมือนดินที่ปลูกมันสำปะหลังหรือเปล่า ที่ปลูกอะไรก็ไม่ค่อยจะขึ้นแล้ว ? ถามจริงๆว่าเคยคิดตามครูเจี๋ย คนูลิลลี่ ครูช้าง ครูอุ๊ไปบริหารกระทรวงแทนไหมอ่ะคะ ไม่ก็ช่วยๆคนที่กระทรวงเขาวางแผนการสอน ปรับแผนการสอนที ?
การศึกษาดี ประชากรก็มีคุณภาพ เพื่อ... ใคร
แต่ เพียงในใจคิดขึ้นมาว่า บางทีในโรงเรียนจะทำให้เต็มที่กว่านี้หรือเปล่า ? มันควรจะได้ประสิทธิผลมากกว่านี้สิ เพราะมันฟังดูไม่ยุติธรรมสำหรับนักเรียนหลายคนที่มีโอกาสน้อยกว่าเลย
อีกอย่างคือเห็นชัดๆเลยค่ะว่าโรงเรียนใหญ่ก็จะใหญ่ ส่วนโรงเรียนที่เล็กจนต้องปิดตัวไปเพราะไม่มีนักเรียนเพียงพอก็เป็นขั้วตรงข้าม ... แล้ว การที่โรงเรียนใหญ่ทำให้หนึ่งห้อง คุณครูหนึ่งคนต้องรับนักเรียนห้าสิบคน ซึ่งคงจะดูแลให้ทั่วถึงทุกคนไม่ได้เช่นกัน
ไหนจะหนังสือเรียน... ไม่ต้องบ่น ไม่เคยพอใช้สักรุ่น คงต้องปลูกฝังพวกรุ่นพี่ว่าอย่าฉีกกระดาษหนังสือไปเคี้ยวเอื้องเล่นเลย หน้ากระดาษเคยครบสักปีมั้ง... เติมรูจมูกให้กันอีกต่างหาก หนังสือนะไม่ใช่สมุดศิลปะ
นักเรียนหลับ นักเรียนคุย นักเรียนเล่นโทรศัพท์นี้เห็นจนชินตา ... บางคนก็ลามปามเรียกครูอย่างกับเพื่อนสนิท ยิ่งครูคนที่เข้มงวดก็จะตั้งแง่
มันสะท้อนให้เห็นอะไรคะ
ความไร้ศักยภาพของบุคลากรทั้งหมดหรือเปล่า
ความไร้ความสามารถในการจัดการของผู้ใหญ่บางคนหรือไม่... หรือว่าหลายคน ทำไมปัญหาที่ค้างมาเป็นชาติแบบนี้ถึงไม่ได้รับการแก้สักที กระทรวงที่ได้งบเยอะๆนั้นทำอะไรอยู่คะ ทำไมไม่เอางบกระจายให้ทั่วถึง ชุมชนห่างไกลล่ะ โครงการครูชนบทก็ได้ ให้การศึกษามันเข้าถึง แยกห้องเรียนที่มันอึดอัดและไร้สัมมาคารวะไปกระจายให้ทั่วๆสักที การดูแลนักเรียนถึงจะทั่วถึง เคาะตาตุ่มแบบหลายปีก่อนก็ได้ ไม้เรียวหลอมวิญญาณให้เป็นคนไง
ไม้เรียวหวายสมัยนี้ยังศักดิ์สิทธิ์อยู่ไหมคะ?
แล้วฝังค่านิยมผิดๆมากันตั้งแต่ไหนแล้ว
โรงเรียนใหญ่ ห้องเรียนใหญ่ สถาบันดัง แต่ผลผลิตไร้คุณภาพก็ไม่ต่างกับใช้ดินเดิมๆปลูกมันสำปะหลัง สักพักดินก็เสียแล้วก็ใช้การไม่ได้ ทุกวันนี้เด็กๆและครอบครัวหลายครอบครัวก็หาเรียนเอาเองตามสถาบันกวดวิชาทั้งนั้น ได้เนื้อหามากกว่า ได้ข้อสอบมากกว่า เรียนแล้วทำได้มากกว่าเรียนที่โรงเรียน
เพราะอะไรน่ะเหรอ ทั้งๆที่แค่ไปกดคลิกๆหน้าคอมที่สถาบันแล้วก็จดๆ ได้ข้อสอบเยอะกว่าไปเรียนทั้งเทอมอีก
นั่นสิ เพราะอะไรกันว้า ?!
กระทรวงก็เริ่มเหมือนดินที่ปลูกมันสำปะหลังหรือเปล่า ที่ปลูกอะไรก็ไม่ค่อยจะขึ้นแล้ว ? ถามจริงๆว่าเคยคิดตามครูเจี๋ย คนูลิลลี่ ครูช้าง ครูอุ๊ไปบริหารกระทรวงแทนไหมอ่ะคะ ไม่ก็ช่วยๆคนที่กระทรวงเขาวางแผนการสอน ปรับแผนการสอนที ?