เรื่องเกิดขึ้นวันนี้ตอนประมาณ 18.45 – 19.10 ได้ เราเลิกงานก็ขึ้นรถสาย 104 ตามปกติ แต่วันนี้ออกจากที่ทำงานช้าหน่อย สาย 104
ที่ขึ้นเป็นแบบธรรมดา คันสีชมพู เราขึ้นรถไปตอนแรกก็ต้องยืนเพราะคนเยอะพอควร
กระเป๋ารถเมล์สูง 160 ได้ ผิวคล้ำ เก็บเงินตามปกติ มีคุยกับลูกค้าเวลาเก็บเงิน เราก็จ่ายเงินไปไม่สนใจอะไร
จนกระทั่งมีผู้โดยสารที่นั่งอยู่จะลงป้ายหน้า ที่นั่งเลยว่าง ซึ่งที่นั่งที่ว่างนี้อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ เก้าอี้คู่ นับจากข้างหน้าสุดคือแถวที่สาม และอยู่ฝั่งนอกของทางเดิน
พอได้นั่งเหมือนน็อกไปแป๊บหนึ่ง ตื่นมาเจอกระเป๋ารถเมล์นั่งอยู่บนตัวเครื่องยนต์ข้างคนขับรถเมล์แล้ว ก็คิดว่าไม่มีอะไร
สักพัก กระเป๋ารถเมล์เอาเท้ามาเหยียบนิ้วก้อยเท้าขวาของเรา เรางงไปเลย ก็เลยปล่อยไปเพราะคิดว่าไม่ได้ตั้งใจ เราคงยื่นขามากไปหน่อย แล้วอีกเดี๋ยวคิดว่าคงเอาเท้าออก
แป๊บเดียวขยับเท้าไปมาถูกับนิ้วเรา คืองงหนักกว่าเดิมแต่เริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว เลยหดขาเข้าชิดเบาะเลย ปรากฏว่าตามมาเหยียบแล้วทำแบบเดิม ใจเราเริ่มรู้สึกแย่แต่พยายามไม่คิดอะไร เพราะเกิดมาทั้งชีวิตยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลยไม่อยากตื่นตูมไปก่อน เลยแกล้งทำเป็นดูนาฬิกา กระเป๋ารถเมล์คนนี้ก็มองนาฬิกาเราแล้วเหมือนถามเวลาหรือยังไงนี่แหละค่ะ ไอ้เราก็ไม่ได้ยินเลยได้แต่งง ส่งเสียงฮะหาอย่างเดียว แล้วก็พยายามจะไม่คุยกับเขา
แต่หางตาคือเห็นเขาจ้องหน้า ไม่ก็รู้สึกว่ามองต่ำกว่านั้นบ่อยๆ ไอ้ช่วงที่ทำแบบนั้นเขาก็หันไปคุยตอบกับคนขับรถเมล์เพราะคนขับชวนคุยแต่ไม่ได้หันมามองกระเป๋ารถเมล์ ช่วงที่ใกล้จะถึงแยกพงษ์เพชร ก็เริ่มจะถามเราประมาณว่า…
หมายเหตุ : บทสนทนาไม่แน่ใจเพราะเสียงรถมันดัง + กระเป๋ารถเมล์พูดเบา
กระเป๋า – เรียนมัธยมแถวนี้เหรอ
เรา – (เริ่มกลัวแต่ส่ายหน้า)
โอเค เงียบไปแป๊บ แต่ยังขยับเท้าถูนิ้วเราไม่เลิก จ้องหน้าเราหรือต่ำกว่านั้นไม่รู้อย่างเดิม หันไปคุยกับคนขับ แล้วก็หันมาคุยกับเราอีกว่า…
กระเป๋า – กลับมาจากมหาลัยแถว...เหรอ (จำไม่ได้ว่าถามว่าแถวไหน เราได้ยินประมาณนี้ค่ะ ไม่ค่อยแน่ใจนัก)
เรา – (ส่ายหน้า)
ตอนนั้นเริ่มไม่ไหว โกรธก็โกรธ กลัวก็กลัว แต่พยายามนับเลขในใจ แล้วความอดทนเราหมดลงเมื่อกระเป๋าวางมือไว้ที่หัวเข่าตัวเอง แต่หัวเข่าชนเข่าเรา มือเลยมาโดนหัวเข่าเราด้วย เราเลยลุกแล้วกดกริ่งลงจากรถเมล์เลย ตอนนั้นติดอยู่ตรงแยกพงษ์เพชรพอดี ข้ามแยก เดินตรงไปเดอะมอลล์งามวงศ์วานอย่างเดียวไม่หันกลับมามองเลย
ใจคือกลัวมากตอนนั้น ลน สั่น แต่โกรธด้วย พยายามคิดว่าจะไปถ่ายป้ายทะเบียนรถเมล์คันนั้นตรงสะพานลอยของเดอะมอลล์งามวงศ์วาน แต่ถ่ายจากที่สูงมันไม่ชัด เลขที่ป้ายทะเบียนก็เลือนหายไปหมดเลย มีแต่รอยนูน มองไกลๆ ก็มองอยาก เลยกะว่าจะไปถ่ายด้านหลังรถตอนขับลอดใต้สะพาน ดันไม่มีป้ายทะเบียนอีก มือสั่นถ่ายไม่ชัดด้วยตอนนั้น
สรุป เฟลมาก จากที่กลัวก็กลายเป็นโมโหตอนนี้ เจ็บใจว่าทำไมไม่กรี๊ดลั่นรถมันซะเลย เกิดมายังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้เลย TT
[เตือนภัย] โดนกระเป๋ารถเมล์สาย 104 คุกคาม
ที่ขึ้นเป็นแบบธรรมดา คันสีชมพู เราขึ้นรถไปตอนแรกก็ต้องยืนเพราะคนเยอะพอควร
กระเป๋ารถเมล์สูง 160 ได้ ผิวคล้ำ เก็บเงินตามปกติ มีคุยกับลูกค้าเวลาเก็บเงิน เราก็จ่ายเงินไปไม่สนใจอะไร
จนกระทั่งมีผู้โดยสารที่นั่งอยู่จะลงป้ายหน้า ที่นั่งเลยว่าง ซึ่งที่นั่งที่ว่างนี้อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ เก้าอี้คู่ นับจากข้างหน้าสุดคือแถวที่สาม และอยู่ฝั่งนอกของทางเดิน
พอได้นั่งเหมือนน็อกไปแป๊บหนึ่ง ตื่นมาเจอกระเป๋ารถเมล์นั่งอยู่บนตัวเครื่องยนต์ข้างคนขับรถเมล์แล้ว ก็คิดว่าไม่มีอะไร
สักพัก กระเป๋ารถเมล์เอาเท้ามาเหยียบนิ้วก้อยเท้าขวาของเรา เรางงไปเลย ก็เลยปล่อยไปเพราะคิดว่าไม่ได้ตั้งใจ เราคงยื่นขามากไปหน่อย แล้วอีกเดี๋ยวคิดว่าคงเอาเท้าออก
แป๊บเดียวขยับเท้าไปมาถูกับนิ้วเรา คืองงหนักกว่าเดิมแต่เริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว เลยหดขาเข้าชิดเบาะเลย ปรากฏว่าตามมาเหยียบแล้วทำแบบเดิม ใจเราเริ่มรู้สึกแย่แต่พยายามไม่คิดอะไร เพราะเกิดมาทั้งชีวิตยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลยไม่อยากตื่นตูมไปก่อน เลยแกล้งทำเป็นดูนาฬิกา กระเป๋ารถเมล์คนนี้ก็มองนาฬิกาเราแล้วเหมือนถามเวลาหรือยังไงนี่แหละค่ะ ไอ้เราก็ไม่ได้ยินเลยได้แต่งง ส่งเสียงฮะหาอย่างเดียว แล้วก็พยายามจะไม่คุยกับเขา
แต่หางตาคือเห็นเขาจ้องหน้า ไม่ก็รู้สึกว่ามองต่ำกว่านั้นบ่อยๆ ไอ้ช่วงที่ทำแบบนั้นเขาก็หันไปคุยตอบกับคนขับรถเมล์เพราะคนขับชวนคุยแต่ไม่ได้หันมามองกระเป๋ารถเมล์ ช่วงที่ใกล้จะถึงแยกพงษ์เพชร ก็เริ่มจะถามเราประมาณว่า…
หมายเหตุ : บทสนทนาไม่แน่ใจเพราะเสียงรถมันดัง + กระเป๋ารถเมล์พูดเบา
กระเป๋า – เรียนมัธยมแถวนี้เหรอ
เรา – (เริ่มกลัวแต่ส่ายหน้า)
โอเค เงียบไปแป๊บ แต่ยังขยับเท้าถูนิ้วเราไม่เลิก จ้องหน้าเราหรือต่ำกว่านั้นไม่รู้อย่างเดิม หันไปคุยกับคนขับ แล้วก็หันมาคุยกับเราอีกว่า…
กระเป๋า – กลับมาจากมหาลัยแถว...เหรอ (จำไม่ได้ว่าถามว่าแถวไหน เราได้ยินประมาณนี้ค่ะ ไม่ค่อยแน่ใจนัก)
เรา – (ส่ายหน้า)
ตอนนั้นเริ่มไม่ไหว โกรธก็โกรธ กลัวก็กลัว แต่พยายามนับเลขในใจ แล้วความอดทนเราหมดลงเมื่อกระเป๋าวางมือไว้ที่หัวเข่าตัวเอง แต่หัวเข่าชนเข่าเรา มือเลยมาโดนหัวเข่าเราด้วย เราเลยลุกแล้วกดกริ่งลงจากรถเมล์เลย ตอนนั้นติดอยู่ตรงแยกพงษ์เพชรพอดี ข้ามแยก เดินตรงไปเดอะมอลล์งามวงศ์วานอย่างเดียวไม่หันกลับมามองเลย
ใจคือกลัวมากตอนนั้น ลน สั่น แต่โกรธด้วย พยายามคิดว่าจะไปถ่ายป้ายทะเบียนรถเมล์คันนั้นตรงสะพานลอยของเดอะมอลล์งามวงศ์วาน แต่ถ่ายจากที่สูงมันไม่ชัด เลขที่ป้ายทะเบียนก็เลือนหายไปหมดเลย มีแต่รอยนูน มองไกลๆ ก็มองอยาก เลยกะว่าจะไปถ่ายด้านหลังรถตอนขับลอดใต้สะพาน ดันไม่มีป้ายทะเบียนอีก มือสั่นถ่ายไม่ชัดด้วยตอนนั้น
สรุป เฟลมาก จากที่กลัวก็กลายเป็นโมโหตอนนี้ เจ็บใจว่าทำไมไม่กรี๊ดลั่นรถมันซะเลย เกิดมายังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้เลย TT