สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 32
Romancini ถูกใจ, McDonut ถูกใจ, ไม่้ซีก ถูกใจ, Screen_Saver ถูกใจ, << BoZo >> ถูกใจ, หน้าผู้ร้าย ใจพระเอก หลงรัก, สมาชิกหมายเลข 2936257 ถูกใจ, kontak ถูกใจ, Rarm41 ถูกใจ
ความคิดเห็นที่ 20
เคยกินฟรี เทียวฟรี ดูบอลฟรี มันจะไม่ได้แล้วสินะ
Romancini ขำกลิ้ง, 79ners ถูกใจ, thamsin7 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2936257 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 988140 ถูกใจ, Rarm41 ซึ้ง, สมาชิกหมายเลข 1076854 ถูกใจ, YTali ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1488691 ถูกใจ, หน้าผู้ร้าย ใจพระเอก ถูกใจรวมถึงอีก 3 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
บี บางปะกง กับภาพโลโกสมาคมฟุตบอลบนพื้นสีดำ และบทความยกย่องกลุ่มคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
โดย บี บางปะกง 26 ก.พ. 2559
http://www.thairath.co.th/content/582563
ช่วงนี้ผมคงต้องหาเวลาไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับที่ทำการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่สนามศุภชลาศัย ปทุมวัน ซึ่งกำลังจะกลายเป็นอดีตและใกล้จะปิดตัวลงอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ หลังการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกขั้วของทีมบริหารสมาคมลูกหนัง
นึกๆไปก็รู้สึกใจหายอยู่เหมือนกันครับ เพราะเกือบ 20 ปีเต็มที่ผมคลุกคลีอยู่กับที่ทำการสมาคมฟุตบอลฯแห่งนี้ในฐานะกระจอกข่าวคนหนึ่ง ซึ่งอาศัยชายคานี้พิมพ์งาน พักผ่อน กิน อยู่ หลับ (แต่ไม่ถึงกับนอน)
ที่สำคัญได้พบปะมิตรสหายเพื่อนฝูงพี่น้องในครอบครัวลูกหนัง สั่งสมประสบการณ์ตัวเองจนมาถึงทุกวันนี้ได้ ก็ที่ออฟฟิศสมาคมฯใต้ถุนสนามศุภฯตรงนี้นี่แหละ
อยู่กันมาตั้งแต่ยุค “นายกวีเจ” วิจิตร เกตุแก้ว เข้ามาสืบตำแหน่งต่อจาก “ป๋าลอ” พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ซึ่งตอนนั้นมี “พี่อ้วน” ประสาทสินธ์ เหรียญศิริ เป็นหัวหน้าสำนักงาน ซึ่งพวกเราชอบแซวแกเล่นว่าเป็น “นายกอ้วน” ที่เปรียบเสมือน “นายกเงา” ตัวจริง กระทั่งมาถึงยุค “นายกยี” วรวีร์ มะกูดี ที่กินเวลามาอีกเกือบทศวรรษ
ดังนั้น นี่คือความผูกพัน! และเชื่อว่านับแต่นี้ไปน้องๆนักข่าวรุ่นหลังจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับชีวิตที่ “คนข่าว” สายฟุตบอลรุ่นพี่ได้เจอะเจอมาอีกต่อไป
เพราะต่อแต่นี้ความสัมพันธ์ระหว่าง นักข่าวกับผู้บริหารสมาคม ที่เมื่อก่อนเคยเป็นลักษณะ “จุลภาค” อยู่กันแบบพี่แบบน้อง ก็จะเปลี่ยนไปเป็น “มหภาค” อยู่กันแบบมีระยะห่างออกไปเรื่อยๆ
แต่ก็อย่างว่าการเปลี่ยนแปลงคือนิรันดร์ครับ เฉกเช่นเดียวกับ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด หรือ “ทีพีแอล” ที่ก่อตั้งมา 7 ปี มีประธานมา 2 คน คือ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง กับ “บิ๊กเปี๊ยก” ดร.องอาจ ก่อสินค้า ซึ่งทั้งคู่ได้วางรากฐานให้ฟุตบอลลีกไทยยุคใหม่ กลายมาเป็นสินค้าฮอตฮิตติดลมบน เป็น “ฟุตบอลไทยฟีเวอร์” อยู่ในปัจจุบันนี้
ซึ่งที่ลืมไม่ได้ก็คือ “สยามสปอร์ต” โดยบิ๊กบอส ระวิ โหลทอง เจ้าพ่อสื่อกีฬาที่อยู่เบื้องหลังการปลุกปั้นฟุตบอลลีกไทย จากสินค้า “แบกะดิน” อัพเกรดมาเป็นสินค้า “ขึ้นห้าง” ด้วยกลยุทธ์ทั้ง “บุ๋น” ทั้ง “บู๊” ทุกกระบวนท่า
พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า บอลไทย ถ้าไม่ได้พี่วิ ผมเอาหัวเป็นประกันว่ามาไม่ได้ถึงอย่างทุกวันนี้แน่! นี่คือเรื่องจริงที่ผมต้องเล่าให้ฟัง แม้ว่าจะโดนพวกฉวยโอกาสบางกลุ่มด่าทอ หาว่าเชลียร์ผู้หลัก ผู้ใหญ่ยังไงก็ตามเถอะ
จากนี้ไปก็คงต้องเป็นหน้าที่ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่มี “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกป้ายแดง เป็นหัวเรือใหญ่ “ต่อยอด” สิ่งที่สมาคมฟุตบอลฯและคนลูกหนังชุดเดิมเขาเทปูนก่ออิฐสร้างฐานกันมา
โดยเฉพาะบอลไทยลีก ที่เป็นผลงานชิ้นโบแดงของ “ทีพีแอล” และสมาคมลูกหนังยุคที่ผ่านมา
ก็หวังว่าทีมใหม่ที่เข้ามาจัดการ อย่าง บริษัท พรีเมียร์ลีก (ไทยแลนด์) หรือ “พีแอลที” จะรับช่วงงานได้อย่างไม่มีสะดุด และพัฒนาลีกไทยให้ไปโลดยิ่งกว่าเดิมให้ได้
จะทำบอลไทยให้ดี มีคุณภาพ มันไม่ใช่ง่ายเหมือนเปลี่ยนชื่อทัวร์นาเมนต์
นะครับท่าน!!!
บี บางปะกง