เราแต่งงานจดทะเบียนกับสามีมาได้ 4 ปีแล้ว เป็นคู่รักวัยรุ่นก็ว่าได้ เพราะอายุยังน้อย สามีของเราทำงานเป็นโฟร์แมนการปะปาแห่งหนึ่ง เงินเดือน 16000บาท เขาไม่ให้เราทำงาน เพราะเรามีโรคประจำตัว ไปไหนเขาก็จะพาเราไปด้วย ฝั่งบ้านสามีเป็นคนมีฐานะ จัดว่ารวยเลยก็ได้ แต่ที่สามีเราไม่พึ่งที่บ้าน เพราะว่า ครอบครัวเขาเกียดคนอีสาน เราเป็นคนอีสาน ฐานะที่บ้านยากจนเขาเลยพาเราแยกออกมาอยู่ตางหาก ในสายตาของเรา เขาคือคนที่ดีมาก น่ารักมากๆ ดูแลเราและครอบครัวเราอย่างดี เราบอกรักกันทุกวัน วันหนึ่งก็หลายรอบนะ แต่นี้คือเขาในสายตาเรา ในสายตาคนอื่น เขาคือคนโง่ คนรอบข้างก็ว่าเขาว่าพ่อแม่เลี้ยงมาดีๆ เจือกอยากมาลำบาก แม้กระทั้งหัวหน้าที่ทำงาน แฟนเราเป็นคนเรียนหนังสืออ่อนมาก แต่ภาคปฏิบัติเต็ม 10 หัวหน้าชอบด่าว่าเขาโง่ เพราะแฟนเรา เขาอ่านและพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แถมแฟนเราประจบใครไม่เป็น ต่างกับเพื่อนของแฟน คนนี้คือ ปลาไหลตัวพ่อ ยกตัวอย่างที่เห็นมากับตานะ วันนั้นแฟนเราไปช่วยงานของเพื่อนคนนี้ เพราะโครงการเขามีปัญหา ไปทำตั้งแต่เช้า ยันบ่าย ก็ไม่เห็นเพื่อนมาสักที เราก็นึกว่าวันนี้ไม่ทำ พอตอนบ่าย หัวหน้ามา ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเพื่อนของสามีก็มาถึงที่ทำงาน และบอกว่าสามีเราใช้ให้ไปเอาของ (ที่แกรู้ว่าลูกพี่มา เพราะมีลูกน้องคนสนิดแกคอยดูต้นทางให้) ส่วนแฟนเรานะหรอ โดนด่า เรื่องที่ทำงานแล้วไม่รายงานความคืบหน้า ไม่เหมือนเพื่อนแก รายงานทุก 10 นาที (ก้ใช่สิ ลูกน้องคอยถ่ายรูปส่งให้ทางไลท์)แฟนเราตัวเลอะทั้งดินและโคลน ท่อก็แตก จะเอาเวลาไหนไปจิ้มโทรศัพท์
อันนี้เรื่องของสามีก็จบไปแล้ว ต่อไปเราขอเล่าชีวิตที่แสนลำบากของเราหน่อยนะ เราเครียดมากจนครั้งหนึ่งเคยกินยาฆ่าตัวตาย เมื่ออาทิตย์ก่อน
เพราะพ่อเราแอบเอาบ้านไปจำนองในราคา 60000 บาท ซึ่งมันเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ครอบครัวฝั่งเรามี ตอนแรกเรื่องนี้สามีเราไม่รู้เพราะเราไม่กล้าบอก จนเขามารู้ในวันที่เรากินยาเพื่อที่จะฆ่าตัวตาย เขาร้องไห้หนักมาก เขาบอกเราว่า รู้ไหม ทำไมเขาถึงขีดปากกาลงปฏิทินทุกวัน (คือแฟนดิฉันจะขีดปฏิทินตรงวันที่ทุกวัน ตอนแรกนึกว่าเขาดูเพื่อความแน่ใจ) เขาบอกว่า ทุกครั้งที่ขีดกากะบาทลงวันวันที่ มันจะคอยย้ำเตือนเขาว่าเวลาของเรามันน้อยลงไปทุกที เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อคนที่เขารัก เราร้องไห้ไม่หยุดเลยค่ะ มันเสียใจ และดีใจในเวลาเดียวกัน หลังจะออกมาจากโรงพยาบาล และเขาก็รับรู้เรื่องหนี้สินของเรา แฟนเราเขาก็กลับไปที่บ้าน เพื่อที่จะไปยืมเงิน แต่ครอบครัวเขาไม่ให้ เพราะว่าเขาจะให้ก็ต่อเมื่อเลิกกับเรา เขาไปขอยืมทุกคน แต่ไม่มีใคช่วยเหลือเราเลย คืนวันที่ 24 กุมพาพัน 2016 เวลา 5 ทุ่มกว่า แฟนเราขับมอเตอไซตากฝนกลับมาบ้าน เราเห็นตาเขาแล้ว เรารู้ว่าเขาร้องไห้ แต่เราไม่พูดอะไร เพราะเราพูดไม่ออก เราเลยถามเขาไปแค่ว่า เหนื่อยไหม เขากลับตอบเราว่า ตัวเองไปเตรียมกับข้าวให้เค้าหน่อยเค้าหิวข้าว วันนั้นเป็นวันแรกที่เรากินข้าวโดยไม่ได้สบตากัน ไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ พอกินข้าวเส็ด แฟนก็เข้าห้องจะนอนเราก็เลยรีบเก็บกับข้าวจะได้นอนพร้อมกัน แต่เปล่าเลย เขาบอกว่าวันนี้อยากนอนหนุกตักเรา เราก็เลยนั่งให้เขานอนหนุนตัก แฟนเราหลับตา ไม่พูดอะไรออกมาเลยแล้วก็มีน้ำใสๆไหลออกมาจากตาเขา กลับเป็นเราที่ร้องไห้สะอื้นหนักมาก เขาไม่ได้ลืมตาขึ้นมาปลอบเรา แต่เขาจับมือเราไปตั้งไว้ที่หน้าอกและบีบมือเราเบาๆ เราสองคนอยู่แบบนั้นเกือบชั่วโมง จนเขาบอกว่าให้เรานอนได้แล้วอย่าคิดมาก แต่เรารู้ว่าเขาคิดมาก บ้านหลังนี้จะถูกยึด ในวันที่ 27 เดือนนี้ แต่เราจะไม่คิดสั้นอีก เพราะยังมีคนที่เขารักเรา รออยู่ข้างหลัง
ขอบคุณทุกๆคนที่ มารับฟังคนธรรมดาคนหนึ่งที่อยากจะระบายความในใจ
สามีโง่ๆของฉัน
อันนี้เรื่องของสามีก็จบไปแล้ว ต่อไปเราขอเล่าชีวิตที่แสนลำบากของเราหน่อยนะ เราเครียดมากจนครั้งหนึ่งเคยกินยาฆ่าตัวตาย เมื่ออาทิตย์ก่อน
เพราะพ่อเราแอบเอาบ้านไปจำนองในราคา 60000 บาท ซึ่งมันเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ครอบครัวฝั่งเรามี ตอนแรกเรื่องนี้สามีเราไม่รู้เพราะเราไม่กล้าบอก จนเขามารู้ในวันที่เรากินยาเพื่อที่จะฆ่าตัวตาย เขาร้องไห้หนักมาก เขาบอกเราว่า รู้ไหม ทำไมเขาถึงขีดปากกาลงปฏิทินทุกวัน (คือแฟนดิฉันจะขีดปฏิทินตรงวันที่ทุกวัน ตอนแรกนึกว่าเขาดูเพื่อความแน่ใจ) เขาบอกว่า ทุกครั้งที่ขีดกากะบาทลงวันวันที่ มันจะคอยย้ำเตือนเขาว่าเวลาของเรามันน้อยลงไปทุกที เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อคนที่เขารัก เราร้องไห้ไม่หยุดเลยค่ะ มันเสียใจ และดีใจในเวลาเดียวกัน หลังจะออกมาจากโรงพยาบาล และเขาก็รับรู้เรื่องหนี้สินของเรา แฟนเราเขาก็กลับไปที่บ้าน เพื่อที่จะไปยืมเงิน แต่ครอบครัวเขาไม่ให้ เพราะว่าเขาจะให้ก็ต่อเมื่อเลิกกับเรา เขาไปขอยืมทุกคน แต่ไม่มีใคช่วยเหลือเราเลย คืนวันที่ 24 กุมพาพัน 2016 เวลา 5 ทุ่มกว่า แฟนเราขับมอเตอไซตากฝนกลับมาบ้าน เราเห็นตาเขาแล้ว เรารู้ว่าเขาร้องไห้ แต่เราไม่พูดอะไร เพราะเราพูดไม่ออก เราเลยถามเขาไปแค่ว่า เหนื่อยไหม เขากลับตอบเราว่า ตัวเองไปเตรียมกับข้าวให้เค้าหน่อยเค้าหิวข้าว วันนั้นเป็นวันแรกที่เรากินข้าวโดยไม่ได้สบตากัน ไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ พอกินข้าวเส็ด แฟนก็เข้าห้องจะนอนเราก็เลยรีบเก็บกับข้าวจะได้นอนพร้อมกัน แต่เปล่าเลย เขาบอกว่าวันนี้อยากนอนหนุกตักเรา เราก็เลยนั่งให้เขานอนหนุนตัก แฟนเราหลับตา ไม่พูดอะไรออกมาเลยแล้วก็มีน้ำใสๆไหลออกมาจากตาเขา กลับเป็นเราที่ร้องไห้สะอื้นหนักมาก เขาไม่ได้ลืมตาขึ้นมาปลอบเรา แต่เขาจับมือเราไปตั้งไว้ที่หน้าอกและบีบมือเราเบาๆ เราสองคนอยู่แบบนั้นเกือบชั่วโมง จนเขาบอกว่าให้เรานอนได้แล้วอย่าคิดมาก แต่เรารู้ว่าเขาคิดมาก บ้านหลังนี้จะถูกยึด ในวันที่ 27 เดือนนี้ แต่เราจะไม่คิดสั้นอีก เพราะยังมีคนที่เขารักเรา รออยู่ข้างหลัง
ขอบคุณทุกๆคนที่ มารับฟังคนธรรมดาคนหนึ่งที่อยากจะระบายความในใจ