เรื่องเล่าของเด็กวัดเดินตามพระธุดงค์... จากสวนโมกข์ไประนอง (นครบางจำ)

สวัสดีครับ..
    เรื่องราวที่นำมาเล่าให้ฟังต่อไปนี้..เป็นบันทึกประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มีโอกาสไปเป็นเด็กวัดเดินตามหลังพระธุดงค์รุกขมูลเข้าไปในป่าลึกดงดิบทางภาคใต้แถบจังหวัดสุราษฎร์ธานี จุดหมายคือเดินจากสวนโมกข์ทะลุป่าไปจังหวัดระนองด้วยสองเท้า โดยไม่เคยคาดคิดมาก่อนในชีวิตว่าจะมีโอกาสมาเดินกลางดินกินกลางทราย อาบน้ำในคู กินข้าวในกระบอกไม้ไผ่ และปลดทุกข์ในป่าใหญ่ การผจญภัยในป่าลึก เจออุปสรรคขวากหนาม ทากดูดเลือด ประสบการณ์เจอช้างป่ามาเยี่ยมตอนกลางดึกที่ไม่เคยลืมเลือนและเรื่องราวอื่นๆ อีกมากมาย..รวมทั้งประสบการณ์หลงป่าทั้งคณะ..!!

    ที่ตลอดการเดินทางทุกคนทุกท่านในคณะต้องใช้สติและปัญญาพิจารณาธรรมปฏิบัติธรรมไปด้วย ถือธุดงค์สัจจะลักษณะการเดินเป็นแถวเรียงหนึ่งตามอาวุโส ปิดวาจาระหว่างเดิน หรือพูดคุยได้เฉพาะเวลาจำเป็น ตลอดการเดินทางไม่มีการรับปัจจัยใดๆทั้งสิ้น นอกจากบิณฑบาตข้าวปลาอาหารน้ำดื่ม น้ำปานะตามความจำเป็น และฉันท์เพียงมื้อเดียว ส่วนฆราวาสก็ให้พิจารณาเอาตามความเหมาะสมแก่ตัวเองว่าจะเลือกถือศีล ๕ หรือศีล ๘ ส่วนตัวผมตั้งใจถือศีล ๘ กินเพียงมื้อเดียวเหมือนพระ แต่พอเข้าไปในป่าจริงๆ เกิดศีลแตกลดเหลือศีล ๕ เพราะกิเลสแพ้ใจตัวเองไม่เข้มแข็งพอ ผมได้รับอนุญาตให้เดินรั้งท้ายเพื่อถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วยกล้องมือถือ ตามอัตภาพและถ่ายแบบตามธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้รบกวนการปฏิบัติธรรม หรือให้มีน้อยที่สุด..

    เรื่องราวทั้งหมดนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อต้นปีที่แล้ว (เดือนม.ค.๕๘) ผมได้มีโอกาสเดินทางไปฝึกปฏิบัติธรรมที่สวนโมกข์นานาชาติ เป็นครั้งแรกในชีวิต และภายหลังจากจบคอร์สในวันสุดท้ายก็ได้มาแวะเที่ยวต่อที่วัดสวนโมกข์ (ฝั่งวัดธารน้ำไหล) จึงเป็นจังหวะดีที่ได้ทราบข่าวว่า กำลังจะมีเปิดรับสมัครโครงการธุดงค์ธรรมยาตรา สวนโมกข์-ระนอง ในวันที่ ๑๑ -๒๒ กุมภาพันธ์ และเมื่อได้อ่านรายละเอียดโครงการแล้วยิ่งน่าสนใจเป็นอันมาก ก็พอดีบังเอิญได้พบเจอพระอาจารย์ที่จัดโครงการจึงได้คุยเพื่อแสดงความจำนงค์ในการสมัครเข้าร่วมโครงการด้วยทันที ท่านก็สอบถามเรื่องสุขภาพร่างกายต้องแข็งแรงมาเป็นอันดับแรก และความพร้อมด้านอื่นๆ ก็ไม่มีปัญหาแต่ประการใด ท่านจึงนัดให้มาเจอกันอีกทีล่วงหน้าก่อนวันเดินทางหนึ่งวันเพื่อเตรียมความพร้อม..

วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๕๘
    นั่งรถไฟฟรีจากหัวลำโพงมาถึงสถานีไชยาเมื่อเวลาตีหนึ่ง..จึงได้มีโอกาสทดสอบเต็นท์จีนแดงราคาถูกที่เพิ่งซื้อมาใหม่แถวหลังกระทรวง โดยขออนุญาตเจ้าหน้าที่กางเต็นท์นอนแถวบริเวณสถานีซึ่งก็ได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างดี หลับสบายตื่นมาราวตีห้าเก็บเต็นท์สัมภาระเสร็จก็เดินไปหาอะไรกินที่ตลาดเช้าเมืองไชยา เรียบร้อยก็เดินกลับมาขึ้นสองแถวคันแรกมาลงหน้าสวนโมกข์ล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นก็เดินไปที่ประชาสัมพันธ์สอบถามเรื่องธุดงค์ หลวงพ่อท่านได้ให้ใบสมัครมากรอกเอกสารหนึ่งใบแต่ให้ไปส่งที่ธรรมทานด้านหน้าสวนโมกข์ และก็ได้ติดรถเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งซึ่งรู้จักกันเมื่อครั้งมาอบรมวิปัสสนาเข้ามาที่ฝั่งสวนโมกข์นานาชาติ เพื่อหวังจะได้เจอท่านพระอาจารย์เมธีตามที่ได้นัดหมาย กลับมาได้เจอท่านอาจารย์เมตตาแนะนำให้ข้าพเจ้าเดินเข้าไปที่ดอนเคี่ยมเพื่อพบท่านพระอาจารย์เลย ข้าพเจ้าจึงได้มีโอกาสเดินเข้าไปตามลำพังจนถึงดอนเคี่ยม (สถานปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ต่างชาติ โดยมีท่านพระอาจารย์เมธีเป็นผู้ดูแล) ระยะทางประมาณสองกิโลได้ แต่บรรยากาศร่มรื่นมีต้นไม้ใหญ่ตลอดสองข้างทาง เมื่อเข้าไปถึงภายในบริเวณศาลาได้พบกับพระภิกษุหลายรูปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งต่อมาท่านเหล่านั้นก็ล้วนเป็นผู้ร่วมเดินธุดงค์ไปด้วยกันเกือบทั้งสิ้น และในที่สุดก็ได้พบกับท่านพระอาจารย์เมธีซึ่งเป็นเสมือนหัวเรือใหญ่ในโครงการเดินธุดงค์ธรรมยาตราครั้งนี้ ท่านได้กรุณาให้ที่พักอาศัยแก่ข้าพเจ้าในค่ำคืนนี้เป็นกุฏิเล็กๆ หลังหนึ่งที่อยู่ลึกในสุดปลีกวิเวกอันสงบ แต่ไม่ค่อยสะดวกในเรื่องสุขาน้ำท่า ข้าพเจ้าเลยตัดสินใจมานอนกางเต็นท์ใกล้ๆ กับน้องผู้ร่วมเดินทางอีกคนหนึ่งชื่อน้องนัท อายุเพียง ๑๕ ปี ซึ่งพ่อแม่น้องเค้ามาส่งฝากเนื้อฝากตัวไว้กับพระอาจารย์เมื่อตอนเย็น และเมื่อตอนบ่ายๆ ก็ได้มีโอกาสช่วยเหลืองานบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกับบรรดาชาวต่างชาติที่มาอบรมที่สวนโมกข์นานาชาติด้วย คืนนี้นอนพักผ่อนเอาแรงแต่หัวค่ำภายหลังการจดบันทึกเดินทางด้วยไฟฉายภายในเต็นท์..ในค่ำคืนอันแสนสงบมืดมิดไร้แสงไฟ..
“อยู่อย่างต่ำ...มุ่งกระทำอย่างสูง...”

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่