สวัสดีค่า พวกเราจะมาเล่าเรื่องและแชร์ประสบการณ์ที่เราได้ไปเที่ยวเชียงใหม่กันเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็คือว่าเราตั้งใจที่จะเขียนรีวิวนานแล้ว เเต่เนื่องด้วยอะไรหลายๆอย่างเลยยังไม่ได้ลง นี่เป็นกระทู้แรกของ จขกท. ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ^___^
อยากจะออกตัวก่อเลยว่าเราไม่เคยไปเชียงใหม่มาก่อนเลยและก็ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับที่นั่นเลยว่ามีสถานที่อะไรน่าสนใจบ้าง และทริปเที่ยวเชียงใหม่นี้เกิดขึ้นได้เพราะเพื่อนเลยย ต้องขอบคุณนางที่ชวนไปเล่นที่บ้าน ถ้าไม่มีคำชวนนี้ก็นานนนนนอ่ะกว่าจะได้ไป(งบน้อยไงคึ) หลังจากนั้นก็ถามหาคนร่วมขบวนการกระแทกความหนาวกัน อยู่กรุงเทพฯมันร้อนหน้าหนาวทั้งทีก็ขอไปสัมผัสอากาศหนาวๆบ้างแล้ว ก็เลยได้รุ่นน้องมาร่วมขบวนการคนหนึ่งค่าเย้ๆๆๆ และก็บอกนางว่าทริปนี้ทริปประหยัดนะแกไหวป่ะ นางก็ “หนูต้องการคำว่าทริปประหยัดนี่แหละพี่ 555 ” เราก็ตัดสินใจว่าเราจะวางงบไว้ 2,000 บาท
ห้ามเกินน!!!!! กับเวลา 5 วัน 4 คืนรวมการเดินทาง คึคึคึ งกมากกก ที่เราตัดสินใจไปก็เพราะว่าช่วงกลางเดือนมกราที่ผ่านมามหาลัยเราหยุดอาทิตย์นึงพอดีก็เลยมีได้โอกาสไปเที่ยว ห๊าา
11/01/2559 ถึงวันเดินทางแล้วจ้าา
แล้วเราก็ตัดสินใจขึ้นรถไฟฟรี!!!!!!!กรุงเทพฯ(หัวลำโพง)-เชียงใหม่ (รถไฟออก 13.45 น.)เลยจ้าาาาา จะบอกว่าทริปนี้ไม่มีการวางแผนนน รีวิวก็ดูผ่านๆ พูดง่ายๆคือไม่ได้เตรียมตัว โอ๊ยยยยชีวิตเร่งด่วนอะไรอย่างนี้เนี๊ยะ ส่วนตัวเราเคยนั่งรถไฟฟรีแล้วสองครั้งไปพัทยาใต้ก็คิดว่าไปเชียงใหม่คงไม่เท่าไหร่มั้ง หึหึ แรกๆก็ดูลมชมวิวไง ผ่านไปหกชม.เท่านั้นแหละ แม่มมมมมมมมม โอ้โหวววก้นตูววววชาไปหมดเปลี่ยนท่าก็แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำก็แล้วยังไม่ถึงอีกกก งือออออ ท่องเอาไว้ งบสองพันๆๆๆๆ ฮรืออ T^T
สรุปรายจ่ายในวันนี้เราหมดเงินบนรถไฟไปกับ
ค่าข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว 25 บาท น้ำส้มแก้วละ 5 บาท น้ำเปล่า 10 บาท (2,000-40=1,960)
12/01/2559
พวกเราหลับกันได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องตื่นมาตอนตีหนึ่งเพราะอากาศเริ่มเย็นขึ้นนนนน (เย้ๆๆหนาวแล้ววว) เปิดกระเป๋าหยิบเสื้อกันหนาวกับแมสมาใส่แล้วก็นั่งกินลมมีความสุขมากกกกก ผ่านมาสองชม.หยิบมาใส่เพิ่มอีกตัว เอิ่ม!นี่มันไม่ได้หนาววเล่นๆแล้วนะ หนาวจนปากสั่นฟันกระทบถี่มากกก 55555 นี่ถึงขั้นเอาถุงเท้ามาเป็นถุงมืออ่ะเธออออ อยู่แบบนี้ไม่ไหวเรากับน้องที่มาด้วยกันนี่ถึงขั้นกอดกันกลมดิก กอดแบบอย่าให้มีช่องไฟเล็ดลอดเลยอ่ะ งือ แม่จ๋าาาหนูหนาวTT ไหนเอามือถือมาเช็คอุณหภูมิหน่อยซิว่าเท่าไหร่ เปิดมาสิบแปดองศาจ้าาาา บ้าไปแล้ว แล้วรถไฟมันก็วิ่งไม่เลี้ยงอีก(ฟันกระทบกันหนักมากกก) งือออชีวิต ณ ตอนนี้ต้องการผ้าาห่มมากกก เออใช่ที่พัก เรายังไม่มีที่พัก พอคิดได้นี่ก็เสิร์ชเลยยยย(ไม่มีการเตรียมตัวอะไรเลยอ่ะคิดดูววววว) แล้วแทบจะทุกที่เราเปิดดูเค้าให้เช็คอินบ่ายสอง ม่ายยยยน้าาาาา ชีวิตช้านนนต้องการผ้าห่มมมม โอเคเราคุยกับน้องว่าลงจากรถไฟไปเรารีบขึ้นรถแดงไปหาที่พักเลยยย เพราะไม่ไว้แล้วตอนนี้ หน้าชา ปากชา แขนชา ไอ้นั่นก็ชา โย่ว! และแล้วในที่สุดก็ถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่แล้วว้อยยยยยยย เย้ๆๆๆ เก็บเป๋าๆๆๆ
(ถึงชานชาลาประมาณตีห้าครึ่ง) พอก้าวลงจากรถไฟเท่านั้นแหละคุณเอ้ยยยยยย เคยรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตขาป่ะ แล้วมันเจ็บแบบเหมือนกระดูกร้าวไปทั้งขาาาอ่ะ จะก้าวขาก้าวหนึ่งนี่น้ำตาแทบเล็ด ตูไม่ชินนกับอากาศแบบนี้ ฮรืออออ เราก็เลยหาเสาพิง สักแปปเจอกลุ่มหนุ่มฝรั่งค่าาา หน้าดีมากกก เรากับน้องนี่มองหน้ากันเลยจ้าารู้ๆๆกัน อาการปวดขานี่ช่างมันก่อน ตามเค้าไป 5555 แล้วเราก็เดินตามพวกเขาไป (ออกตัวแรงมาก) เราก็เห็นพวกเค้ามุงที่อินฟอเมชั่น เราก็ไปมุงตามคึคึตีเนียนๆ เห็นป้าย เอส.เค.เฮ้าส์ ห้องพักรายวัน บลาๆ นี่ตาโตเลยยจ้าาา "ลุงคะๆ ที่พักห้องสามร้อยนี่เต็มยังคะ" "เต็มแล้วหนูตอนนี้ เหลือแค่สองห้องสุดท้ายห้องละเจ็ดร้อยบาท" "เอ่อ...ถ้าพวกหนูจองหนึ่งห้องนี่เช็คอินได้เลยไหมคะ" "ได้เลยเดี๋ยวจะมีรถตู้มารับตอนหกโมงสิบห้าไปที่พักเลย" แล้วก็หยุดคิดซักแปป"อ่าาาาค่ะ ขอบคุณค่าา" เรากับน้องเดินออกมาก่อนยังไม่ตัดสินใจว่าเอาไหม แล้วบังเอิญเราไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันเรื่อยเปื่อย(น้ำยังเย็นอ่ะคิดดู ทรมานแรงมาก) ตอนเปิดแมสนี่ตกใจมากรูจมูกนี่ดำเลยค่าาาฝุ่นเต็มเลยย ใครจะไปเที่ยวโดยใช้รถไฟฟรีอย่าลืมพกแมสไปด้วยนะคะ ขนาดมีแมสยังดำขนาดนี้คนไม่มีนี่ต้องสูดไปเต็มๆแน่ สักพักก็ได้ยินกลุ่มที่มาเที่ยวพูดว่ายังหาที่พักไม่ได้เลยยย แต่ละที่ที่โทรไปก็บอกให้เช็คอินบ่ายสอง(ได้ยินมาเหมือนที่เราดูข้อมูลบนรถไฟเป๊ะ) เท่านั้นแหละตูรีบออกจากห้องน้ำไปหาลุงงงงห้องพักทันที "ลุงคะ หนูจองหนึ่งห้องยังทันไหมคะ" "เหลือห้องสุดท้ายพอดีเลย" แล้วเราก็ดีลกับลุงเรียบร้อยได้ที่พัก 700 บาท (โชคดีไปอีกกก) หารสองก็ตกคนละ 350 บาท (1960-350=1610) เอาว่ะตัดสินใจถูกแล้วแหละราคาอาจจะแพงหน่อยแต่ก็คุ้ม เพราะถ้าเรานั่งรถแดงไปหาที่พักเองเราต้องเปลืองค่ารถแน่ๆ แถมเราไม่เคยมาเชียงใหม่เลยถนนก็ไม่คุ้น เวลาหกโมงของที่นี่ก็เหมือนตีสี่มืดไปไหนนนแล้วไม่รู้ว่าจะได้ที่พักแน่ๆหรือเปล่าแถมต้องเสียเวลาอีกด้วยย หลังจากนี้พวกเราก็เดินไปเซเว่นข้างหน้าสถานีรถไฟ อาหารมื้อแรกของวันนี้ ข้าวสวยกับมาม่าจ้า (1610-38=1572) พอถึงเวลาหกโมงสิบห้าก็มีรถมารับเปะๆเรานั่งรถตู้ของที่พักไปกับแก็งค์ฝรั่งอ๊ะอ๊ะไม่ใช่แก็งค์ผู้นะจ๊ะแต่เป็นแก็งค์นี (มองบน) พอถึงที่พักนี่อึ้งงนิดนึง โหวววดีกว่าที่คิดนะเนี๊ยะที่นี่ตกแต่งเป็นแบบล้านนามากก
ปล.รูปที่พักเอามาจากเว็บไซต์
http://sk1.theskhouse.com/?q=node/11
ตอนอยู่บนรถตู้ของที่พักก็ได้ถามพี่คนขับว่าเที่ยวเชียงใหม่ใกล้ๆเเถวนี้มีที่ไหนเเนะนำบ้าง พี่เค้าก็เเนะนำดอยสุเทพกับม่อนเเจ่มมาเเล้วพี่ก็บอกด้วยว่ามีร้านเช่ามอไซด์อยู่ข้างหน้าซอยจะสะดวกกว่าถ้ามีรถขี่ เรานี่ตาโตเลยจ้าามีมอไซด์ด้วยสบายละ พอถึงห้องเราก็รีบขึ้นมาอาบน้ำกะว่าจะไปเที่ยวต่อเลย เเต่!!!!เราดันหลับตอนรอน้องอาบน้ำจ้าา ตื่นมาอีกทีเที่ยงน้องบอกว่าเห็นพี่หลับเลยไม่อยากปลุก เราเลยได้ออกจากที่พักตอนเที่ยงครึ่ง กระซิกๆ เราเดินไปร้านเช่ามอไซด์ตามที่พี่เค้าเเนะนำเเล้วเราก็ได้ฟีลาโน่คันสีฟ้ามา ปล.เช่ามอไซด์ต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนกับเงินประกัน(เค้าเรียกอย่างนี้หรือเปล่า)3,000บาทจ้าาาเลยต้องเดินไปกดเงินซะไกลเลย เเล้วค่าเช่าคิดวันละ 200 บาท (1572-100=1472)พร้อมน้ำมันเต็มถัง(ค่าน้ำมันเค้าจะมาคิดเพิ่มตอนเอารถมาคืน) พอเรารู้ว่ามีค่าประกันรถ นี่ก็กลัวว่าเค้าจะมาปรับเพิ่มรึเปล่าเพราะรถพี่เค้าก็มีรอยถลอก เราเลยถ่ายรูปรอยรถที่มีก่อนหน้าไว้กันพลาด 5555 ไม่ได้ตังค์หนูหรอกนะพี่คึคึคึ พอเสดก็บิดมอไซด์มาหาของกินก่อนเลยจ้าา
ข้าวหน้าไก่ รสชาติออกหวานหน่อย เเต่ก็โอเชช ราคา 50 บาท เเล้วเราก็ซื้อน้ำติดรถไปกิน 20 บาท (1472-70=1402)
พวกเราก็ถามทางว่าไปม่อนเเจ่มยังไง คนเเถวนั้นเค้าก็บอกว่าหาป้ายไปเเม่ริมเลยจ้าววเเล้วก็พูดเส้นทางเยอะเเยะ(คือหนูไม่รู้จักค่า) ใอ่เราฟังนี่ก็งงเลย จับใจความได้เเค่เเม่ริมก็บิดมอไซด์ไปเลยจ้าาา เเรกๆเราก็ขี่รถออ้อมคูเมือง(เห็นเค้าเรียกว่างั้น)จนเจอป้ายเขียนว่าเเม่ริม ก็ขับตามป้ายไปเลยจ้าาา
ตอนเราเห็นป้ายเเม่ริม 11 กิโลก็คิดว่าไม่เท่าไหร่หรอกไหวๆๆ พอขี่มอไซด์เท่านั้นเเละหึหึ อากศหนาวมันมาอีกละ บรื๋อส์ พอถึงเเม่ริมเราไปถามคนเเถวนั้นว่าไปม่อนจ่มทางไหน เค้าก็บอกว่าเลี้ยวซ้ายที่ไฟเเดงเเรกเเล้วก็ขับไปเรื่อยๆ เราก็มาตามจ้าาาเเต่ขับเท่าไหร่ก็ยังไม่ถึงเหมือนออกห่างจากเเม่ริมมา 5 กิโลเเล้วยังไม่ถึง รู้สึกว่ามันไม่ใกล้เเล้วนะเนี๊ยะ เเละสุดท้ายจอดถามลุงขายสตอเบอรี่ว่าม่อนเเจ่มอีกไกลไหม ลุงบอกว่า อีก 3 โลเเหมเเล้วจะมีป้ายม่อนเเจ่มขวามือก็เลี้ยวเข้าไปเเล้วขับตรงไปเลย เอิ่ม! เเปลว่าอีกสามกิโลใช่ไหม โอเคลุงขับตรงก็ตรง เออไม่หลงให้มันรู้กัน เราขับบนถนนใหญ่ตามที่ลุงบอกเเล้วเจอป้ายม่อนเเจ่มเราก็เลี้ยวขวาเเล้วขับตรงเลยจ้าา เเล้วเราก็รู้สึกเหมือนกับขับขึ้นเขามาเรื่อยๆจนมีเส้นทางเเคบขึ้นม่อนเเจ่มจริงๆ 5555
ที่บอกว่าจริงๆนี่คือเส้นทางลังจากนี้ชันมากกก ชันไปอีกกก ใครเช่ามอไซด์มาเเล้วจะขึ้นเขาอะไรเเบบนี้ต้องเลือกคันใหม่ๆนะคะ ถ้ามอไซด์เเรงไม่ถึงเเล้วมันไหลลงมาาจะเเย่เอานะเเต่อยากจะบอกว่า ตอนขี่มอไซด์ขึ้นทางนี้รู้สึกดีมากๆๆอากาศเหมือนเย็นกว่าข้างล่างมาก เราสังเกตว่าบ้านของคนเเถวนี้เค้าสร้างกันเเบบเตี้ยๆกระทัดรัดดูน่ารักดี ใครมาที่นี่ลองสังเกตดูนะ เเละเราก็ถึงเเล้วจ้าาา
อยากจะบอกว่ารูปบนม่อนไม่ค่อยมี มาถ่ายเเต่รูปตัวเองงงงืออไม่มีรูปวิวเลยย ที่ถ่ายได้ก็มีเเบบกากๆ กล้องก็ไม่พร้อม ขอโทษด้วยยนาจาาา
มานั่งหน้าหงอยอะไรตรงนี้....
พอถึงเวลาบ่ายสี่โมงเราก็ได้เวลาลงจากม่อนเเล้ว
ลาก่อยยย ม่อนเเจ่ม
ทางกลับเราเพิ่งสังเกตว่าเราผ่านสวนพฤกศาสตร์ด้วยกะว่าจะลองเข้าไปดูเเต่เสียดายปิดซะก่อน ใครมาทันก็เข้าไปดูเผื่อด้วยนาาาา
เเล้วเราก็บิดรถกลับมาถึงในเมืองเชียงใหม่ทุ่มครึ่ง เอ้ออ...จะบอกว่าตอนมาอ่าาาผ่านทางม.เชียงใหม่เเต่ตอนกลับกลับดันเลือกกลับอีกทางไปทางอุโมง เเล้วทางนั้นรถติดมากๆ ตอนกลางคืนเรามีนัดกับเพื่อน(คนที่ชวนเรามาเที่ยวบ้าน)ที่หน้าม. เเล้วมันก็พาไปหาอะไรกินที่กาดรินคำ ตลาดเเถวๆหน้าม.เชียงใหม่ หลังห้างเมย่า
เอามาจากเว็บ www.reviewchiangmai.com
เอามาจากเว็บ www.doocm.com
เเล้วก็ฝากท้องกับร้านสุกี้ที่นี่ 45 บาท พอกินเสร็จเพื่อนก็พาไปต่อร้านที่หากคุณมาเชียงใหม่ห้ามพลาดก็คือ ร้านกูโรตี ร้านอยู่เเถวถนนนิมมานเหมินทร์ เห็นเพื่อนบอกว่าเป็นเเหล่งฮิปเตอร์ของเชียงใหม่เลยนะเออ
.
.
เดี๋ยวมาต่อนาจาาา
.
.
[CR] ไปกระเเทก!!!!ความหนาวให้ชื่นใจ@เชียงใหม่จ้าววว
ห้ามเกินน!!!!! กับเวลา 5 วัน 4 คืนรวมการเดินทาง คึคึคึ งกมากกก ที่เราตัดสินใจไปก็เพราะว่าช่วงกลางเดือนมกราที่ผ่านมามหาลัยเราหยุดอาทิตย์นึงพอดีก็เลยมีได้โอกาสไปเที่ยว ห๊าา
11/01/2559 ถึงวันเดินทางแล้วจ้าา
แล้วเราก็ตัดสินใจขึ้นรถไฟฟรี!!!!!!!กรุงเทพฯ(หัวลำโพง)-เชียงใหม่ (รถไฟออก 13.45 น.)เลยจ้าาาาา จะบอกว่าทริปนี้ไม่มีการวางแผนนน รีวิวก็ดูผ่านๆ พูดง่ายๆคือไม่ได้เตรียมตัว โอ๊ยยยยชีวิตเร่งด่วนอะไรอย่างนี้เนี๊ยะ ส่วนตัวเราเคยนั่งรถไฟฟรีแล้วสองครั้งไปพัทยาใต้ก็คิดว่าไปเชียงใหม่คงไม่เท่าไหร่มั้ง หึหึ แรกๆก็ดูลมชมวิวไง ผ่านไปหกชม.เท่านั้นแหละ แม่มมมมมมมมม โอ้โหวววก้นตูววววชาไปหมดเปลี่ยนท่าก็แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำก็แล้วยังไม่ถึงอีกกก งือออออ ท่องเอาไว้ งบสองพันๆๆๆๆ ฮรืออ T^T
สรุปรายจ่ายในวันนี้เราหมดเงินบนรถไฟไปกับ
ค่าข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว 25 บาท น้ำส้มแก้วละ 5 บาท น้ำเปล่า 10 บาท (2,000-40=1,960)
12/01/2559
พวกเราหลับกันได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องตื่นมาตอนตีหนึ่งเพราะอากาศเริ่มเย็นขึ้นนนนน (เย้ๆๆหนาวแล้ววว) เปิดกระเป๋าหยิบเสื้อกันหนาวกับแมสมาใส่แล้วก็นั่งกินลมมีความสุขมากกกกก ผ่านมาสองชม.หยิบมาใส่เพิ่มอีกตัว เอิ่ม!นี่มันไม่ได้หนาววเล่นๆแล้วนะ หนาวจนปากสั่นฟันกระทบถี่มากกก 55555 นี่ถึงขั้นเอาถุงเท้ามาเป็นถุงมืออ่ะเธออออ อยู่แบบนี้ไม่ไหวเรากับน้องที่มาด้วยกันนี่ถึงขั้นกอดกันกลมดิก กอดแบบอย่าให้มีช่องไฟเล็ดลอดเลยอ่ะ งือ แม่จ๋าาาหนูหนาวTT ไหนเอามือถือมาเช็คอุณหภูมิหน่อยซิว่าเท่าไหร่ เปิดมาสิบแปดองศาจ้าาาา บ้าไปแล้ว แล้วรถไฟมันก็วิ่งไม่เลี้ยงอีก(ฟันกระทบกันหนักมากกก) งือออชีวิต ณ ตอนนี้ต้องการผ้าาห่มมากกก เออใช่ที่พัก เรายังไม่มีที่พัก พอคิดได้นี่ก็เสิร์ชเลยยยย(ไม่มีการเตรียมตัวอะไรเลยอ่ะคิดดูววววว) แล้วแทบจะทุกที่เราเปิดดูเค้าให้เช็คอินบ่ายสอง ม่ายยยยน้าาาาา ชีวิตช้านนนต้องการผ้าห่มมมม โอเคเราคุยกับน้องว่าลงจากรถไฟไปเรารีบขึ้นรถแดงไปหาที่พักเลยยย เพราะไม่ไว้แล้วตอนนี้ หน้าชา ปากชา แขนชา ไอ้นั่นก็ชา โย่ว! และแล้วในที่สุดก็ถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่แล้วว้อยยยยยยย เย้ๆๆๆ เก็บเป๋าๆๆๆ
(ถึงชานชาลาประมาณตีห้าครึ่ง) พอก้าวลงจากรถไฟเท่านั้นแหละคุณเอ้ยยยยยย เคยรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตขาป่ะ แล้วมันเจ็บแบบเหมือนกระดูกร้าวไปทั้งขาาาอ่ะ จะก้าวขาก้าวหนึ่งนี่น้ำตาแทบเล็ด ตูไม่ชินนกับอากาศแบบนี้ ฮรืออออ เราก็เลยหาเสาพิง สักแปปเจอกลุ่มหนุ่มฝรั่งค่าาา หน้าดีมากกก เรากับน้องนี่มองหน้ากันเลยจ้าารู้ๆๆกัน อาการปวดขานี่ช่างมันก่อน ตามเค้าไป 5555 แล้วเราก็เดินตามพวกเขาไป (ออกตัวแรงมาก) เราก็เห็นพวกเค้ามุงที่อินฟอเมชั่น เราก็ไปมุงตามคึคึตีเนียนๆ เห็นป้าย เอส.เค.เฮ้าส์ ห้องพักรายวัน บลาๆ นี่ตาโตเลยยจ้าาา "ลุงคะๆ ที่พักห้องสามร้อยนี่เต็มยังคะ" "เต็มแล้วหนูตอนนี้ เหลือแค่สองห้องสุดท้ายห้องละเจ็ดร้อยบาท" "เอ่อ...ถ้าพวกหนูจองหนึ่งห้องนี่เช็คอินได้เลยไหมคะ" "ได้เลยเดี๋ยวจะมีรถตู้มารับตอนหกโมงสิบห้าไปที่พักเลย" แล้วก็หยุดคิดซักแปป"อ่าาาาค่ะ ขอบคุณค่าา" เรากับน้องเดินออกมาก่อนยังไม่ตัดสินใจว่าเอาไหม แล้วบังเอิญเราไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันเรื่อยเปื่อย(น้ำยังเย็นอ่ะคิดดู ทรมานแรงมาก) ตอนเปิดแมสนี่ตกใจมากรูจมูกนี่ดำเลยค่าาาฝุ่นเต็มเลยย ใครจะไปเที่ยวโดยใช้รถไฟฟรีอย่าลืมพกแมสไปด้วยนะคะ ขนาดมีแมสยังดำขนาดนี้คนไม่มีนี่ต้องสูดไปเต็มๆแน่ สักพักก็ได้ยินกลุ่มที่มาเที่ยวพูดว่ายังหาที่พักไม่ได้เลยยย แต่ละที่ที่โทรไปก็บอกให้เช็คอินบ่ายสอง(ได้ยินมาเหมือนที่เราดูข้อมูลบนรถไฟเป๊ะ) เท่านั้นแหละตูรีบออกจากห้องน้ำไปหาลุงงงงห้องพักทันที "ลุงคะ หนูจองหนึ่งห้องยังทันไหมคะ" "เหลือห้องสุดท้ายพอดีเลย" แล้วเราก็ดีลกับลุงเรียบร้อยได้ที่พัก 700 บาท (โชคดีไปอีกกก) หารสองก็ตกคนละ 350 บาท (1960-350=1610) เอาว่ะตัดสินใจถูกแล้วแหละราคาอาจจะแพงหน่อยแต่ก็คุ้ม เพราะถ้าเรานั่งรถแดงไปหาที่พักเองเราต้องเปลืองค่ารถแน่ๆ แถมเราไม่เคยมาเชียงใหม่เลยถนนก็ไม่คุ้น เวลาหกโมงของที่นี่ก็เหมือนตีสี่มืดไปไหนนนแล้วไม่รู้ว่าจะได้ที่พักแน่ๆหรือเปล่าแถมต้องเสียเวลาอีกด้วยย หลังจากนี้พวกเราก็เดินไปเซเว่นข้างหน้าสถานีรถไฟ อาหารมื้อแรกของวันนี้ ข้าวสวยกับมาม่าจ้า (1610-38=1572) พอถึงเวลาหกโมงสิบห้าก็มีรถมารับเปะๆเรานั่งรถตู้ของที่พักไปกับแก็งค์ฝรั่งอ๊ะอ๊ะไม่ใช่แก็งค์ผู้นะจ๊ะแต่เป็นแก็งค์นี (มองบน) พอถึงที่พักนี่อึ้งงนิดนึง โหวววดีกว่าที่คิดนะเนี๊ยะที่นี่ตกแต่งเป็นแบบล้านนามากก
ปล.รูปที่พักเอามาจากเว็บไซต์ http://sk1.theskhouse.com/?q=node/11
นี่คือข้างหน้าที่พักนาจาา
ผ่านโซนอาหารตริงอินฟอเมชั่นก็จะเจอกับหลังนี้
มีสระว่ายน้ำด้วยนะคะ เเต่ตอนเราไปเราไม่ได้ลง อากาศมันเย็นนนนนนนง่าาา
ภายในห้องจะมีเตียง ตู้เสื้อผ้าเเบบไม่มีประตู(ไม่ได้พังนะคะ)โต๊ะเครื่องเเป้ง ห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยย (รอดเเล้วเรา)
พวกเราก็ถามทางว่าไปม่อนเเจ่มยังไง คนเเถวนั้นเค้าก็บอกว่าหาป้ายไปเเม่ริมเลยจ้าววเเล้วก็พูดเส้นทางเยอะเเยะ(คือหนูไม่รู้จักค่า) ใอ่เราฟังนี่ก็งงเลย จับใจความได้เเค่เเม่ริมก็บิดมอไซด์ไปเลยจ้าาา เเรกๆเราก็ขี่รถออ้อมคูเมือง(เห็นเค้าเรียกว่างั้น)จนเจอป้ายเขียนว่าเเม่ริม ก็ขับตามป้ายไปเลยจ้าาา
ส่วนตรงนี้จะเป็นที่ให้นั่งทานอาหารหรือนั่งเล่น บรรยากาศดีมากก
อยากจะบอกว่ารูปบนม่อนไม่ค่อยมี มาถ่ายเเต่รูปตัวเองงงงืออไม่มีรูปวิวเลยย ที่ถ่ายได้ก็มีเเบบกากๆ กล้องก็ไม่พร้อม ขอโทษด้วยยนาจาาา
มานั่งหน้าหงอยอะไรตรงนี้....
พอถึงเวลาบ่ายสี่โมงเราก็ได้เวลาลงจากม่อนเเล้ว
ลาก่อยยย ม่อนเเจ่ม
เอามาจากเว็บ www.reviewchiangmai.com
เอามาจากเว็บ www.doocm.com
.
.
เดี๋ยวมาต่อนาจาาา
.
.