เด็กอายุ 18 ลำบากใจจริงๆค่ะ

สวัสดีค่ะ  อมยิ้ม17
ในช่วงชีวิตของเด็กอายุ 18 ก็คงไม่มีอะไรให้คิดมากเท่าเรื่องเรียนต่อแล้ว  ด้วยปัจจัยจำกัดต่างๆนานามันเยอะมาก และเราก็ไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร หนูนั่งคิด นอนคิด ยืนคิด เคี้ยวคิด เท้าคางคิด กุมขมับคิด ปาดน้ำตาคิด มาเป็นอาทิตย์ๆแล้วค่ะ

หนูกำลังจะจบม.6ในอีกประมาณ1เดือนกว่าๆข้างหน้า
ปลายปีก่อนในช่วงที่มีโครงการรับตรงก็ไปสอบและยื่นคะแนนเอาไว้หลายที่  ทั้งคณะที่อยากเรียน(อยากมากกกกก ฝันมานาน มีแรงบันดาลใจ ต้องตามฝันซะหน่อย) และมหาวิทยาลัยที่ใกล้บ้านมากๆ แค่ 2 km (นั่งรถผ่านไปโรงเรียนทุกวัน สมัครสอบให้แม่อุ่นใจ เพราะตอนนั้นยังสอบที่ไหนไม่ได้เลย)
จนถึงช่วงวันประกาศผลสอบ ปรากฏว่าได้บ้าง ไม่ได้บ้าง55

ที่ฝันและเล็งไว้คือ เภสัช มข  อันนี้ไม่ได้ ฮ่าๆ  แอบเสียใจนิดนึง เสียใจที่ไม่ตั้งใจและพยายามไม่มากพอ
แต่ที่ได้คือ เภสัช มมส ก็ดีใจนะคะ  ดีใจที่ได้เรียนเภสัช  หนูไม่เกี่ยงมหาลัย  แค่ไม่ไกลมากเกิน 300 km+ ก็พอ
แล้วก็อีกที่คือ ครุศาสตร์ ทุนเพชร ม.ใกล้บ้านค่ะ

ตอนนี้ก็มี 2 อย่าง ที่ต่างกันสุดขั้ว และทำให้หนูลำบากใจมากๆ
เภสัช versus ครุ
-เภสัช > ไกลบ้าน (230 km) ,  เสียค่าหอ , มีค่ากิน , เสียค่าเทอม
ไปครั้งแรก ก็ไกลนิดหน่อย นั่งเพลินๆ (ก็ไม่ใช่คนขับอ่ะเนอะ) แต่แม่บอกว่าไกล ภาวนาให้รู้สึกว่าการไปครั้งที่สอง สาม สี่ จะดูใกล้ขึ้น5555
ส่วนเรื่องหอ หนูคิดว่าจะอยู่ให้ประหยัดที่สุด เหมือนปี 1 จะต้องอยู่หอในทุกคน
เรื่องกิน ก็ต้องกิน 555
ส่วนเรื่องค่าเทอม  หนูลองหาโครงสร้างหลักสูตรเภสัชศาสตร์ มมส ในเว็บแล้ว ไม่เจอที่แยกย่อยๆเป็นรายเทอมเลยค่ะ (เลยไม่รุ้เลยว่าแต่ละเทอมเรียนอะไรบ้าง)
เจอแต่ภาพรวมว่า ถ้าเรียน 6 ปี ปีละ 2 เทอม จะต้องเรียนทั้งหมด 224 หน่วยกิต หน่วยกิตละ 400 บาท  + ค่าบำรุงการศึกษา 10,000 บาท/เทอม
ถ้าลองคิดเฉลี่ย คร่าวๆ ก็ประมาณเทอมละ 18,000 บาท
ทีนี้ก็เลยมองเรื่องทุนการศึกษา วันที่สอบสัมภาษณ์ก็ถามอาจารย์ที่สัมภาษณ์เรื่องทุนนี่แหละค่ะ อาจารย์ก็บอกว่ามีทุนเยอะเเยะ บลาๆ

-ครุ > ใกล้บ้าน(มาก) , ไม่ต้องเสียค่าหอ , กินกับแม่ , เรียนฟรี , มีทุนให้ปีละ 4 หมื่น แค่รักษาเกรดนิดหน่อย
เพราะใกล้บ้านมาก บิดรถ 3 นาที ก็ถึง ม.  จึงไม่จำเป็นต้องอยู่หอ  ไป-กลับบ้านได้เลย  ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีก แม่ชอบบบบ
เรื่องกินก็เหมือนๆปกติทุกวันนี้555
ค่าเทอม ก็ไม่ต้องเสีย เรียนฟรี แถมได้เงินใช้อีกสี่หมื่น/ปี แต่รักษาเกรด 2.75

ฮ่าาา นี่คือสิ่งที่หนูนำมาเปรียบเทียบกันระหว่าง 2 อย่างนี้นะคะ
เภสัชคือความฝันนนน (ย้ำฮะว่าฝัน ฝันที่วาดไว้มักจะงดงามเสมอ5555 แต่ไม่เคยสัมผัสอะไรที่เป็นเภสัชนอกจากร้านยากับการกินยาตอนนอนป่วยอยู่ในโรงบาลเลย) ส่วนครูถ้าให้เป็นก็เป็นได้ค่ะ ก็ไม่ได้ไม่ชอบหรือรังเกียจอะไร ก็ชอบสอนเพื่อนอยู่555

สิ่งที่หนูลำบากใจ คือ แม่ค่ะ  ไม่ใช่ว่าแม่บังคับเรียนอย่างใดอย่างหนึ่งนะคะ  แต่ทุกวันนี้มีแม่ส่งเสียให้เรียนแค่คนเดียว แถมยังต้องส่งหมาน้อย 2 ตัวเรียนอีก แม่ก็ตามใจค่ะ อยากเรียนอะไรก็เรียน แต่แม่เปรยๆคล้ายๆพูดลอยๆว่าเรียนครูนี่แหละ  มีทุนให้ ใกล้บ้านด้วย  เรียนจบมาก็สอบบรรจุทำงานในโรงเรียนในเมือง  แท่งเงินเดือนครูก้าวหน้าเร็วกว่าเภสัช  เป็นครูมีปิดเทอมด้วยน้าาา  สรุปคือ เรียนอันนี้แม่ก็สบาย น้องก็สบาย แต่หนูต้องเป็นครูจริงๆละนะ
แล้วต่อเรื่องเรียนเภสัช แม่ก็บอกว่าไกลบ้าน เดี๋ยวก็นานๆทีได้กลับบ้านหรอก ค่าเทอมค่าหอก็แพง จบมาอาจจะได้ไปอยู่โรงพยาบาลไกลๆก็ได้นะ ก้าวหน้าช้าด้วย  (ง่าาาาาาาาา รู้สึกใจแป้วๆอย่างบอกมิถูก)

สรุปคือ หนูเกรงใจคนส่งเรียนค่ะ  จะไปเรียนเภสัชก็กลัวว่าแม่จะหมดตูด  จะมาเรียนครูก็ไม่ใช่ฝันแต่มันฟรีไงมันฟรีค่ะ55 เห้อออ

ทั้งหมดที่มวลที่พร่ำมานี้ If you were me จะเลือกอันไหน  แต่ใจหนูอยากเลือกเรียนเภสัชค่ะ กะจะไปตายเอาดาบหน้าได้ม้ายย55 หนูว่าขอทุนก็ได้อ่ะงื้อออ แต่จะบอกแม่ยังไง ถึงแม้แม่จะไม่บังคับ แต่แม่ก็เทใจแม่ไปให้ครูหมดแล้ว  กลัวตัดสินใจอะไรที่ไม่ตรงกับแม่แล้วเกิดพลาดขึ้นมาแล้วแม่จะซ้ำให้รู้สึกผิดไปกว่าเดิม  (หรือจะเรียนครูดี5555555555555555)

ถ้ามีตาทิพย์มองเห็นอนาคตก็ดีสิ หึหึ โอ๊ยย เมื่อไหร่จะโตฮ่าๆๆๆๆๆๆ ฟุ้งซ่านน ฮ่าๆๆๆๆ

มุมมองของหนูอาจจะยังไม่กว้างเท่าไหร่ ถ้าใครมีโลกทัศน์ใหม่ๆ เช่น โลกขณะเรียน หรือ โลกหลังเรียนจบอันกว้างใหญ่ ก็ยินดีรับฟังนะคะ  ถือว่าให้ลูกหมาตัวน้อยๆได้เรียนรู้โลกกว้างแล้วกันค่ะ  
ขอบคุณค่ะอมยิ้ม17
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่