สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำการเสริมดวงแบบ(น่าจะ) ใช้ได้ผลจริง !!!!
เห็นหลายท่านชอบดูดวงและตั้งคำถามว่า เมื่อไหร่จะมีแฟน ทะเลาะกับแฟน แฟนจะกลับมาเราไหม เนื้อคู่จะมาเมื่อไหร่ วันนี้ผมอยากจะมาเล่าความเห็นส่วนตัวของผม ซึ่งส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นการเพิ่มเสน่ห์เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีแฟน และ/หรือ การลดความเสี่ยงจากการเลิกรากับแฟน สาเหตุต่าง ๆ ที่ผมยกมานั้นไม่ได้ถือเป็นการตัดสินว่าคน ๆ ใดจะมีหรือไม่มีแฟน หรือคบกับใครรอดหรือไม่รอดนะครับ
(ยาวหน่อยนะครับ กระทู้นี้)
1. บุคลิกภาพคุณดูไม่ดี
เช่นคุณอาจจะท้วมไปหน่อย ข้อนี้ใครว่าไม่สำคัญ แต่ผมว่าสำคัญครับ โดยเฉพาะคุณผู้หญิง เพราะผู้ชายหลายคนมักจะมองผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาก่อนเป็นลำดับต้น ๆ ครับ หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าหน้าตาผม/ฉันไม่ดี ชาตินี้คงหาแฟนลำบาก จริงอยู่ครับ ว่าคนที่หน้าตาดีกว่ามักจะมีภาษีดีกว่า เพราะแม้แต่การสมัครงาน ก็มีงานวิจัยออกมานะครับว่าคนหน้าตาดี มีโอกาสได้งานมากกว่า แต่ผมก็ไม่ได้จะแนะนำให้คุณไปศัลยกรรมนะครับ สิ่งที่อยากบอกก็คือ ถ้าหน้าตาเปลี่ยนกันไม่ได้ แต่ผมมองว่ารูปร่างเปลี่ยนได้นะครับ ที่อยากแนะนำก็เพราะว่า หากคุณดูแลรูปร่างตัวเองดี นั่นก็แปลว่าคุณดูแลตัวเองดีนะครับ ถ้าดูแลตัวเองดี ก็(อาจจะ)ดูแลคนอื่นได้ดีครับ (เกี่ยวไหมนี่) วิธีการก็ไม่ยากหรอกครับ กินคลีน แล้วก็ออกกำลังครับ รายละเอียดก็ไปที่ห้องสวนลุมพีนีเลยครับ มักจะมีรีวิวการลดความอ้วนมาให้ดูกันอยู่บ่อย ๆ
ขออนุญาตเล่าเรื่องตัวเองครับ เพราะผมเคยผ่านมาแล้วครับ ตอนนั้นน้ำหนักผมอยู่ที่ 90 และเคยลงไปที่ 75 น้ำหนักเบาสุด แต่พอเล่นเวทมันก็น้ำหนักขึ้นมาใหม่อีกหน่อย ๆ นะครับ แต่ไม่มาก อยู่ราว ๆ 80 แต่รูปร่างนี่ผิดไปจากเดิมเยอะเลยครับ ก่อนหน้านั้นคือไม่มีแฟนเลย แต่พอรูปร่างดี อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปครับ
หลายคนอาจจะบอกว่า "ก็ดูตัวหนักอยู่ดีนะ นี่คือผอมละเหรอ"
คำตอบก็คือผมว่าผมไม่อ้วน...มั้ง(เข้าข้างตัวเอง) เพราะผมสูง 185 ครับ
2. คุณมักจะสนใจแต่เรื่องของตัวเอง มักจะพูดแต่เรื่องของตัวเอง
ข้อนี้ผมว่ามีส่วนนะครับ คือโอเคล่ะ ถ้ามีคนมาชอบคุณ เขาอาจจะชอบฟังคุณพูดก็ได้ แต่ผมมองว่าข้อนี้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเลยครับ เพราะการที่คุณสนใจสภาวะแวดล้อม หรือสนใจคนอื่นอย่างเป็นห่วงเป็นกังวล มันจะทำให้คุณดูเป็นคนใจดี ใจกว้าง โอบอ้อมอารี และบางครั้งทัศนคติดี ๆ อาจจะออกมาให้คนอื่นเห็น และกลายเป็นเสน่ห์ของคุณโดยที่คุณอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้ ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ เพื่อทดสอบว่าคุณเป็นคนสนใจแต่เรื่องของตัวเองหรือเปล่า ให้คุณย้อนไปดู ChatLog ในไลน์ที่คุณคุยกับเพื่อน ว่ามีครั้งไหนไหม ที่คุณจะหยุดพูด หยุดบ่นเรื่องของตัวเอง แล้วใส่ใจเรื่องของเพื่อนบ้าง หรือคุณมองว่า ก็รับฟังนะ ผมอยากถามต่อว่าคุณแค่รับฟังแบบว่าพิมพ์ตอบว่า
"หรอๆ อืมๆ เรานะ......." ยังงั้นยังงี้ พร้อมกับเปลี่ยนบทสนทนาที่คุณคุยกับเพื่อนอย่างไม่ใยดีหรือไม่! ตัวอย่างที่ชัดเจนนอกจากการคุยแบบส่วนตัว แล้ว ไลน์กลุ่มก็เป็นอะไรที่สามารถใช้สำรวจตัวคุณได้อย่างดีเลยครับ
แต่ข้อนี้ผมต้องบอกอย่างหนึ่ง การรับฟังเรื่องของคนอื่น กับ การเผือก ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะครับ อย่าหลงประเด็นกันล่ะ
3. คุณอารมณ์เสียง่าย และมักจะระบายอารมณ์ออกมาอย่างรุนแรง ดุเดือดและจริงจัง
เวลาคุณเจอเรื่องอะไรต่าง ๆ ที่คุณเองอาจจะไม่ได้เป็นฝ่ายผิด แต่มันทำให้คุณปรี๊ดแตก คุณระบายออกมาด้วยทางสีหน้าแววตาและคำพูด เป็นกันไหมครับ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มันไม่ถูกใจคุณ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม คุณกลับใส่เสียเต็มที่ คุณรู้ไหมว่าการระบายอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่นั้น ถึงแม้มันจะทำให้คุณสบายใจขึ้น แต่การระบายอย่างรุนแรงอาจทำให้คนรอบข้างหวาดผวากับความดุเดือดของคุณ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้โกรธเคืองเพื่อนหรือคนรอบข้างคุณ แต่นั่นทำให้คนรอบข้างคุณไม่กล้าที่จะเข้าใกล้คุณมากนัก ผมว่าถ้าเป็นไปได้ อาจจะต้องหรี่ตัวเองตรงนี้หน่อยก็ดีครับ การระบายอารมณ์ที่ดีอีกวิธีหนึ่งคือการเดินออกไปจากสถานการณ์ตรงนั้น เมื่ออารมณ์เย็นลงแล้ว ค่อยกลับมาระบายให้เพื่อน ๆ หรือคนรอบข้างฟัง การแสดงออกอย่างพอเหมาะพอควร น่าจะทำให้คุณดูน่ารักมากขึ้น ไม่มากก็น้อยครับ
4. คุณพูดจาไม่สุภาพอยู่เป็นนิจ
ข้อนี้ผมคงต้องให้น้ำหนักไปทางผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหน่อยครับ คนที่พูดทุกวัน พูดอยู่เป็นนิจ พูดจนเป็นนิสัยส่วนตัว พูดคำสบถคำ อะไรทำนองนี้ครับ คือถ้าพูดหยาบ สบถบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามสถานการณ์ผมว่าคงมีกันบ้างเป็นเรื่องปกติ ส่วนนี้ผมมองว่าผู้หญิงอาจจะรับได้ เวลาผู้ชายพูดหยาบ เพราะมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับผู้หญิงแล้ว ผู้ชายหลายคน (แม้แต่ผู้ชายที่พูดหยาบเอง) กลับไม่ชอบ เพราะเขามองว่าส่วนนี้มันเป็นการแสดงกิริยามารยาทอย่างหนึ่ง และอาจจะเป็นเสน่ห์ของคน ๆ หนึ่งได้เลยครับ และการจะเลือกคู่ชีวิต เขาต้องมองแล้วว่าคน ๆ นี้จะสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกได้ ดังนั้นถ้าคุณพูดหยาบอยู่บ่อย ๆ เขาก็ต้องคิดแล้วว่า "แล้วลูกเราโตมาจะเป็นอย่างไรละนี่.." แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมเข้าใจนะครับ ว่าคนส่วนใหญ่น่าจะมีหลุดพูดหยาบบ้างล่ะ ไม่มากก็น้อย ลองสำรวจตัวเองหน่อยครับว่า คุณค่อนไปทางไหนมากกว่า ระหว่างพูดจาสุภาพเรียบร้อย กับพูดจาไม่สุภาพ ถ้าเข็มชี้ไปทางอย่างหลังมากกว่า ผมว่าคุณอาจจะต้องลองปรับดูครับ
5. คุณเอาตัวเองเป็นมาตรฐาน หรือ คุณเยอะเกินจนน่ารำคาญ
เป็นกันไหมครับ จุกจิกจู้จี้กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่ฉันคิด เวลาคนอื่นทำอะไรที่มันไม่ถูกใจฉัน "ทำไมเธอไม่ทำอย่างนั้น ทำไมเธอไม่คิดอย่างนั้น ทำไมเธอพูดแบบนั้น เธอต้องทำอย่างนั้นสิ เธอต้องคิดอย่างนั้นสิ เธอต้องพูดแบบนั้นสิ พูดแบบนี้ไม่ได้นะ เธอต้องทำตามฉัน ฉันจะต้องเข้าไปบอกเข้าไปแก้ สอนคนนั้นคนนี้ให้เป็นไปครรลองที่ฉันวางไว้ ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตคนอื่นให้เป็นไปตามแผนการณ์ของฉัน เพราะฉันคิดแล้วว่าฉันน่ะเก่ง ฉันผ่านมันมาแล้ว ฉะนั้นการอะลุ้มอล่วยน่ะเหรอ ลืมไปได้เลย ฉันเคยรู้มาก่อน และฉันผ่านมันมาได้ ดังนั้นถ้าเธอทำตามฉันเธอก็จะไม่มีวันพลาด หึ แต่ถ้าเธอไม่เชื่อฉันน่ะเหรอ เตรียมตัวพลาดได้เลย"
จริง ๆ แล้ว ผมมองว่าคนเหล่านี้ลึก ๆ แล้วเป็นคนจิตใจดี ปรารถนาจะให้ผู้อื่นได้ดีครับ แต่เขาอาจจะลืมความจริงที่ว่า แต่ละคนก็มีวิถีชีวิต มีความคิด มีนิสัยส่วนตัวที่ต่างกันออกไป บางครั้งการยอมรับฟังความคิดเห็น การยอมรับการกระทำของผู้อื่นบ้าง น่าจะเป็นโอกาสที่ดีให้คุณได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ ในการใช้ชีวิต หรือการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มันไม่มีหรอกครับ วิธีเดียวที่ดีที่สุดในการตอบโจทย์เรื่องแต่ละเรื่อง เพราะบางครั้งโจทย์ชีวิตอาจจะต่างด้วยบริบทและ/หรือต่างสถานการณ์กันก็ได้ครับ ฉะนั้น รักษามาตรฐานตัวเองเอาไว้ครับ แล้วค่อย ๆ สอนชี้แนะคนรอบข้าง คุณจะกลายเป็นคนมีเสน่ห์เอามาก ๆ เลยครับ
6. คุณโลกส่วนตัวสูงมาก หรือคุณไม่มีกิจกรรมข้างนอกทำ
การเก็บตัวอยู่ในห้อง เล่นเนต เล่นเกมส์ ไม่ออกไปเจอผู้คน ผมมองว่านอกจากจะเป็นการปิดกั้นโอกาสตัวเองแล้ว ยังทำให้คุณไม่รู้จักวิธีการเข้าสังคมด้วยครับ บางครั้งคนเราควรหากิจกรรมอย่างอื่นทำนอกเหนือจากงาน ถ้าคุณมองว่า "โอ่ย แค่ทำงานประจำก็แย่แล้ว ขอโลกส่วนตัวให้ฉันบ้างได้ไหม" คำตอบคือ ก็ได้ครับ ไม่ผิดหรอก เพียงแต่ผมอยากแนะนำว่า ถ้าคุณมีความสามารถพิเศษ มันก็น่าจะทำให้คุณดูเป็นคนมีความสามารถ ดูเป็นคนมีชิวิตชีวา
ผมคงแนะนำเป็นการเล่นกีฬา เล่นฟิตเนส เล่นโยคะ กิจกรรมวาดรูป การเล่นดนตรี การร้องเพลง กิจกรรมเพื่อสังคม หรือแม้แต่การไปเที่ยว และการเข้าวัดเข้าวาเองก็ดีไม่น้อยนะครับ จริง ๆ ฝึกทำอาหารก็ไม่เลวนะครับ (ข้อนี้ ผมว่าผู้ชายหลายคนคงชอบผู้หญิงทำอาหารเป็น และผู้หญิงหลายคนก็คงชอบผู้ชายทำอาหารเป็นเช่นกันครับ) ไม่ต้องไปลงเรียนที่ไหนหรอกครับ ในห้องก้นครัว ก็มีหลายท่าน มาแนะนำการทำอาหารอยู่บ่อย ๆ
7. คุณขาดความชัดเจนในเรื่องอนาคตของคุณ
ต้องยอมรับเลยครับผมค่อนข้างจะไม่มั่นใจว่าจะเขียนข้อนี้ดีหรือไม่ เพราะประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ค่อนข้าง sensitive เลยทีเดียวในห้องพันทิปห้องอื่น ๆ ซึ่งมีการถกเถียงกันอยู่เรื่อย ๆ แต่ถ้าถามผมว่าสำคัญไหม ผมมองว่าก็สำคัญแต่ไม่ทั้งหมดนะครับ และข้อนี้ผมให้น้ำหนักไปทางผู้ชายมากกว่าผู้หญิงหน่อยนะครับ เท่าที่ผมอ่านจากห้องอื่น ผู้หญิงหลายคนคงต้องการความมั่นคงในชีวิต เช่นเดียวกับที่ผู้ชายคงต้องการคู่ชีวิตที่จะเป็นแม่ที่ดีของลูกได้ ถ้าหากคุณวางแผนชีวิตดี มีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิต รวมไปถึงการมีเป้าหมายในหน้าที่การงาน ผมว่าต่อให้คุณไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่คุณขยันและอดทน เสน่ห์ของผู้ชายคงไม่ใช่เรื่องแค่ฐานะอย่างเดียวครับ
อย่างที่เรียนไว้ข้างต้นครับ ที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นการตัดสินครับ ว่าใครจะมีแฟนหรือไม่มีแฟน หรือใครจะคบกับแฟนยืดไม่ยืด เพราะสุดท้ายแล้วถ้าเขาเจอคนใหม่ เขาก็ทิ้งเราไปอยู่ดี! ก็คงถูกอีกนั่นแหละครับ เพียงแต่ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ผมอยากเล่าให้ฟัง เพราะผมเองก็เคยเข้าข่ายประมาณ 4-5 ข้อ จาก 7 ข้อที่กล่าวมาเลยครับ จนมาเริ่มสำรวจตัวเองตอนอายุใกล้ ๆ 30 นี่แหละครับ
บางคนอาจจะคิดว่า "คนที่รักเราจริง ๆ จะต้องมองข้ามข้อเสียเราได้หมด" ใช่ครับ ถูกเลย แต่มันก็ไม่ได้เสียหายใช่ไหมครับ ถ้าเราจะปรับเปลี่ยนบุคลิก นิสัย และการใช้ชีวิต เพราะสุดท้ายแล้ว ผลดีก็ตกอยู่กับตัวเราเองนั่นแหละครับ
"แล้วคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์ไหม? เจ้าของกระทู้ มาเขียนแนะนำเหมือนรู้ดี"
"นั่นสิครับ ผมก็คิดอยู่ 5555555555 อาจจะไม่มีก็ได้"
ขอบคุณที่ติดตามครับ
PeePlay
มาฟัง 7 คำแนะนำ ในระหว่างรอเนื้อคู่กันเถอะ
เห็นหลายท่านชอบดูดวงและตั้งคำถามว่า เมื่อไหร่จะมีแฟน ทะเลาะกับแฟน แฟนจะกลับมาเราไหม เนื้อคู่จะมาเมื่อไหร่ วันนี้ผมอยากจะมาเล่าความเห็นส่วนตัวของผม ซึ่งส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นการเพิ่มเสน่ห์เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีแฟน และ/หรือ การลดความเสี่ยงจากการเลิกรากับแฟน สาเหตุต่าง ๆ ที่ผมยกมานั้นไม่ได้ถือเป็นการตัดสินว่าคน ๆ ใดจะมีหรือไม่มีแฟน หรือคบกับใครรอดหรือไม่รอดนะครับ
(ยาวหน่อยนะครับ กระทู้นี้)
1. บุคลิกภาพคุณดูไม่ดี
เช่นคุณอาจจะท้วมไปหน่อย ข้อนี้ใครว่าไม่สำคัญ แต่ผมว่าสำคัญครับ โดยเฉพาะคุณผู้หญิง เพราะผู้ชายหลายคนมักจะมองผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาก่อนเป็นลำดับต้น ๆ ครับ หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าหน้าตาผม/ฉันไม่ดี ชาตินี้คงหาแฟนลำบาก จริงอยู่ครับ ว่าคนที่หน้าตาดีกว่ามักจะมีภาษีดีกว่า เพราะแม้แต่การสมัครงาน ก็มีงานวิจัยออกมานะครับว่าคนหน้าตาดี มีโอกาสได้งานมากกว่า แต่ผมก็ไม่ได้จะแนะนำให้คุณไปศัลยกรรมนะครับ สิ่งที่อยากบอกก็คือ ถ้าหน้าตาเปลี่ยนกันไม่ได้ แต่ผมมองว่ารูปร่างเปลี่ยนได้นะครับ ที่อยากแนะนำก็เพราะว่า หากคุณดูแลรูปร่างตัวเองดี นั่นก็แปลว่าคุณดูแลตัวเองดีนะครับ ถ้าดูแลตัวเองดี ก็(อาจจะ)ดูแลคนอื่นได้ดีครับ (เกี่ยวไหมนี่) วิธีการก็ไม่ยากหรอกครับ กินคลีน แล้วก็ออกกำลังครับ รายละเอียดก็ไปที่ห้องสวนลุมพีนีเลยครับ มักจะมีรีวิวการลดความอ้วนมาให้ดูกันอยู่บ่อย ๆ
ขออนุญาตเล่าเรื่องตัวเองครับ เพราะผมเคยผ่านมาแล้วครับ ตอนนั้นน้ำหนักผมอยู่ที่ 90 และเคยลงไปที่ 75 น้ำหนักเบาสุด แต่พอเล่นเวทมันก็น้ำหนักขึ้นมาใหม่อีกหน่อย ๆ นะครับ แต่ไม่มาก อยู่ราว ๆ 80 แต่รูปร่างนี่ผิดไปจากเดิมเยอะเลยครับ ก่อนหน้านั้นคือไม่มีแฟนเลย แต่พอรูปร่างดี อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปครับ
หลายคนอาจจะบอกว่า "ก็ดูตัวหนักอยู่ดีนะ นี่คือผอมละเหรอ"
คำตอบก็คือผมว่าผมไม่อ้วน...มั้ง(เข้าข้างตัวเอง) เพราะผมสูง 185 ครับ
2. คุณมักจะสนใจแต่เรื่องของตัวเอง มักจะพูดแต่เรื่องของตัวเอง
ข้อนี้ผมว่ามีส่วนนะครับ คือโอเคล่ะ ถ้ามีคนมาชอบคุณ เขาอาจจะชอบฟังคุณพูดก็ได้ แต่ผมมองว่าข้อนี้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเลยครับ เพราะการที่คุณสนใจสภาวะแวดล้อม หรือสนใจคนอื่นอย่างเป็นห่วงเป็นกังวล มันจะทำให้คุณดูเป็นคนใจดี ใจกว้าง โอบอ้อมอารี และบางครั้งทัศนคติดี ๆ อาจจะออกมาให้คนอื่นเห็น และกลายเป็นเสน่ห์ของคุณโดยที่คุณอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้ ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ เพื่อทดสอบว่าคุณเป็นคนสนใจแต่เรื่องของตัวเองหรือเปล่า ให้คุณย้อนไปดู ChatLog ในไลน์ที่คุณคุยกับเพื่อน ว่ามีครั้งไหนไหม ที่คุณจะหยุดพูด หยุดบ่นเรื่องของตัวเอง แล้วใส่ใจเรื่องของเพื่อนบ้าง หรือคุณมองว่า ก็รับฟังนะ ผมอยากถามต่อว่าคุณแค่รับฟังแบบว่าพิมพ์ตอบว่า
"หรอๆ อืมๆ เรานะ......." ยังงั้นยังงี้ พร้อมกับเปลี่ยนบทสนทนาที่คุณคุยกับเพื่อนอย่างไม่ใยดีหรือไม่! ตัวอย่างที่ชัดเจนนอกจากการคุยแบบส่วนตัว แล้ว ไลน์กลุ่มก็เป็นอะไรที่สามารถใช้สำรวจตัวคุณได้อย่างดีเลยครับ
แต่ข้อนี้ผมต้องบอกอย่างหนึ่ง การรับฟังเรื่องของคนอื่น กับ การเผือก ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะครับ อย่าหลงประเด็นกันล่ะ
3. คุณอารมณ์เสียง่าย และมักจะระบายอารมณ์ออกมาอย่างรุนแรง ดุเดือดและจริงจัง
เวลาคุณเจอเรื่องอะไรต่าง ๆ ที่คุณเองอาจจะไม่ได้เป็นฝ่ายผิด แต่มันทำให้คุณปรี๊ดแตก คุณระบายออกมาด้วยทางสีหน้าแววตาและคำพูด เป็นกันไหมครับ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มันไม่ถูกใจคุณ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม คุณกลับใส่เสียเต็มที่ คุณรู้ไหมว่าการระบายอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่นั้น ถึงแม้มันจะทำให้คุณสบายใจขึ้น แต่การระบายอย่างรุนแรงอาจทำให้คนรอบข้างหวาดผวากับความดุเดือดของคุณ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้โกรธเคืองเพื่อนหรือคนรอบข้างคุณ แต่นั่นทำให้คนรอบข้างคุณไม่กล้าที่จะเข้าใกล้คุณมากนัก ผมว่าถ้าเป็นไปได้ อาจจะต้องหรี่ตัวเองตรงนี้หน่อยก็ดีครับ การระบายอารมณ์ที่ดีอีกวิธีหนึ่งคือการเดินออกไปจากสถานการณ์ตรงนั้น เมื่ออารมณ์เย็นลงแล้ว ค่อยกลับมาระบายให้เพื่อน ๆ หรือคนรอบข้างฟัง การแสดงออกอย่างพอเหมาะพอควร น่าจะทำให้คุณดูน่ารักมากขึ้น ไม่มากก็น้อยครับ
4. คุณพูดจาไม่สุภาพอยู่เป็นนิจ
ข้อนี้ผมคงต้องให้น้ำหนักไปทางผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหน่อยครับ คนที่พูดทุกวัน พูดอยู่เป็นนิจ พูดจนเป็นนิสัยส่วนตัว พูดคำสบถคำ อะไรทำนองนี้ครับ คือถ้าพูดหยาบ สบถบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามสถานการณ์ผมว่าคงมีกันบ้างเป็นเรื่องปกติ ส่วนนี้ผมมองว่าผู้หญิงอาจจะรับได้ เวลาผู้ชายพูดหยาบ เพราะมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับผู้หญิงแล้ว ผู้ชายหลายคน (แม้แต่ผู้ชายที่พูดหยาบเอง) กลับไม่ชอบ เพราะเขามองว่าส่วนนี้มันเป็นการแสดงกิริยามารยาทอย่างหนึ่ง และอาจจะเป็นเสน่ห์ของคน ๆ หนึ่งได้เลยครับ และการจะเลือกคู่ชีวิต เขาต้องมองแล้วว่าคน ๆ นี้จะสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกได้ ดังนั้นถ้าคุณพูดหยาบอยู่บ่อย ๆ เขาก็ต้องคิดแล้วว่า "แล้วลูกเราโตมาจะเป็นอย่างไรละนี่.." แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมเข้าใจนะครับ ว่าคนส่วนใหญ่น่าจะมีหลุดพูดหยาบบ้างล่ะ ไม่มากก็น้อย ลองสำรวจตัวเองหน่อยครับว่า คุณค่อนไปทางไหนมากกว่า ระหว่างพูดจาสุภาพเรียบร้อย กับพูดจาไม่สุภาพ ถ้าเข็มชี้ไปทางอย่างหลังมากกว่า ผมว่าคุณอาจจะต้องลองปรับดูครับ
5. คุณเอาตัวเองเป็นมาตรฐาน หรือ คุณเยอะเกินจนน่ารำคาญ
เป็นกันไหมครับ จุกจิกจู้จี้กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่ฉันคิด เวลาคนอื่นทำอะไรที่มันไม่ถูกใจฉัน "ทำไมเธอไม่ทำอย่างนั้น ทำไมเธอไม่คิดอย่างนั้น ทำไมเธอพูดแบบนั้น เธอต้องทำอย่างนั้นสิ เธอต้องคิดอย่างนั้นสิ เธอต้องพูดแบบนั้นสิ พูดแบบนี้ไม่ได้นะ เธอต้องทำตามฉัน ฉันจะต้องเข้าไปบอกเข้าไปแก้ สอนคนนั้นคนนี้ให้เป็นไปครรลองที่ฉันวางไว้ ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตคนอื่นให้เป็นไปตามแผนการณ์ของฉัน เพราะฉันคิดแล้วว่าฉันน่ะเก่ง ฉันผ่านมันมาแล้ว ฉะนั้นการอะลุ้มอล่วยน่ะเหรอ ลืมไปได้เลย ฉันเคยรู้มาก่อน และฉันผ่านมันมาได้ ดังนั้นถ้าเธอทำตามฉันเธอก็จะไม่มีวันพลาด หึ แต่ถ้าเธอไม่เชื่อฉันน่ะเหรอ เตรียมตัวพลาดได้เลย"
จริง ๆ แล้ว ผมมองว่าคนเหล่านี้ลึก ๆ แล้วเป็นคนจิตใจดี ปรารถนาจะให้ผู้อื่นได้ดีครับ แต่เขาอาจจะลืมความจริงที่ว่า แต่ละคนก็มีวิถีชีวิต มีความคิด มีนิสัยส่วนตัวที่ต่างกันออกไป บางครั้งการยอมรับฟังความคิดเห็น การยอมรับการกระทำของผู้อื่นบ้าง น่าจะเป็นโอกาสที่ดีให้คุณได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ ในการใช้ชีวิต หรือการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มันไม่มีหรอกครับ วิธีเดียวที่ดีที่สุดในการตอบโจทย์เรื่องแต่ละเรื่อง เพราะบางครั้งโจทย์ชีวิตอาจจะต่างด้วยบริบทและ/หรือต่างสถานการณ์กันก็ได้ครับ ฉะนั้น รักษามาตรฐานตัวเองเอาไว้ครับ แล้วค่อย ๆ สอนชี้แนะคนรอบข้าง คุณจะกลายเป็นคนมีเสน่ห์เอามาก ๆ เลยครับ
6. คุณโลกส่วนตัวสูงมาก หรือคุณไม่มีกิจกรรมข้างนอกทำ
การเก็บตัวอยู่ในห้อง เล่นเนต เล่นเกมส์ ไม่ออกไปเจอผู้คน ผมมองว่านอกจากจะเป็นการปิดกั้นโอกาสตัวเองแล้ว ยังทำให้คุณไม่รู้จักวิธีการเข้าสังคมด้วยครับ บางครั้งคนเราควรหากิจกรรมอย่างอื่นทำนอกเหนือจากงาน ถ้าคุณมองว่า "โอ่ย แค่ทำงานประจำก็แย่แล้ว ขอโลกส่วนตัวให้ฉันบ้างได้ไหม" คำตอบคือ ก็ได้ครับ ไม่ผิดหรอก เพียงแต่ผมอยากแนะนำว่า ถ้าคุณมีความสามารถพิเศษ มันก็น่าจะทำให้คุณดูเป็นคนมีความสามารถ ดูเป็นคนมีชิวิตชีวา
ผมคงแนะนำเป็นการเล่นกีฬา เล่นฟิตเนส เล่นโยคะ กิจกรรมวาดรูป การเล่นดนตรี การร้องเพลง กิจกรรมเพื่อสังคม หรือแม้แต่การไปเที่ยว และการเข้าวัดเข้าวาเองก็ดีไม่น้อยนะครับ จริง ๆ ฝึกทำอาหารก็ไม่เลวนะครับ (ข้อนี้ ผมว่าผู้ชายหลายคนคงชอบผู้หญิงทำอาหารเป็น และผู้หญิงหลายคนก็คงชอบผู้ชายทำอาหารเป็นเช่นกันครับ) ไม่ต้องไปลงเรียนที่ไหนหรอกครับ ในห้องก้นครัว ก็มีหลายท่าน มาแนะนำการทำอาหารอยู่บ่อย ๆ
7. คุณขาดความชัดเจนในเรื่องอนาคตของคุณ
ต้องยอมรับเลยครับผมค่อนข้างจะไม่มั่นใจว่าจะเขียนข้อนี้ดีหรือไม่ เพราะประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ค่อนข้าง sensitive เลยทีเดียวในห้องพันทิปห้องอื่น ๆ ซึ่งมีการถกเถียงกันอยู่เรื่อย ๆ แต่ถ้าถามผมว่าสำคัญไหม ผมมองว่าก็สำคัญแต่ไม่ทั้งหมดนะครับ และข้อนี้ผมให้น้ำหนักไปทางผู้ชายมากกว่าผู้หญิงหน่อยนะครับ เท่าที่ผมอ่านจากห้องอื่น ผู้หญิงหลายคนคงต้องการความมั่นคงในชีวิต เช่นเดียวกับที่ผู้ชายคงต้องการคู่ชีวิตที่จะเป็นแม่ที่ดีของลูกได้ ถ้าหากคุณวางแผนชีวิตดี มีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิต รวมไปถึงการมีเป้าหมายในหน้าที่การงาน ผมว่าต่อให้คุณไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่คุณขยันและอดทน เสน่ห์ของผู้ชายคงไม่ใช่เรื่องแค่ฐานะอย่างเดียวครับ
อย่างที่เรียนไว้ข้างต้นครับ ที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นการตัดสินครับ ว่าใครจะมีแฟนหรือไม่มีแฟน หรือใครจะคบกับแฟนยืดไม่ยืด เพราะสุดท้ายแล้วถ้าเขาเจอคนใหม่ เขาก็ทิ้งเราไปอยู่ดี! ก็คงถูกอีกนั่นแหละครับ เพียงแต่ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ผมอยากเล่าให้ฟัง เพราะผมเองก็เคยเข้าข่ายประมาณ 4-5 ข้อ จาก 7 ข้อที่กล่าวมาเลยครับ จนมาเริ่มสำรวจตัวเองตอนอายุใกล้ ๆ 30 นี่แหละครับ
บางคนอาจจะคิดว่า "คนที่รักเราจริง ๆ จะต้องมองข้ามข้อเสียเราได้หมด" ใช่ครับ ถูกเลย แต่มันก็ไม่ได้เสียหายใช่ไหมครับ ถ้าเราจะปรับเปลี่ยนบุคลิก นิสัย และการใช้ชีวิต เพราะสุดท้ายแล้ว ผลดีก็ตกอยู่กับตัวเราเองนั่นแหละครับ
"แล้วคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์ไหม? เจ้าของกระทู้ มาเขียนแนะนำเหมือนรู้ดี"
"นั่นสิครับ ผมก็คิดอยู่ 5555555555 อาจจะไม่มีก็ได้"
ขอบคุณที่ติดตามครับ
PeePlay