ห่างหายไปพอสมควรกับการรีวิวบุฟเฟต์ไวน์และอาหารอิตาเลี่ยน วันนี้มาทำความรู้จักกับห้องอาหารอิตาเลี่ยนในโรงแรม อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ ในย่านประดูน้ำกัน ชื่อห้องอาหารว่า กราปปิโน่(Grappino) เพราะว่าทางห้องอาหารได้จัดบุฟเฟต์ธีม Italian Night ขึ้นทุกคืนวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น.
ห้องอาหาร Grappino เป็นห้องอาหารอยู่บนชั้น 5 ของโรงแรม อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ เป็นห้องอาหารอิตาเลี่ยน ที่วันธรรมดาจะไม่เปิดให้บริการแต่จะเปิดให้บริการแบบ Buffet ในมื้อค่ำวันเสาร์-อาทิตย์ เท่านั้น ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล โดยมีให้เลือก 2 ราคาคือ
          • ราคา 630 บาท++ต่อท่าน (เฉพาะค่าอาหาร)
          • ราคา 799 บาท++ ต่อท่าน อาหารพร้อมไวน์ และเบียร์แบบเสิร์ฟไม่อั้น
เมนูอาหารก็จะเป็นแบบไลน์บุฟเฟต์ให้เราเดินไปตักเอง และมี Live Station ที่จะมีเชฟคอยปรุงอาหารประเภทพาสต้าให้เราอยู่อีก 1 station ครับ โซนอาหารที่มีอยู่แบ่งได้ง่าย ๆ ดังนี้ : ชีส, Cold cut, Salad, Appetizer, Pasta, Pizza, Deep Fry, Ice cream, Dessert
เรื่องของอาหารผมว่ามีการผสมผสานระหว่างอาหารแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่ เพราะหน้าตาบางเมนูก็เหมือนจะดั้งเดิม บางเมนูก็ดูสมัยใหม่ รสชาติโดยรวม ๆ ถือว่ามาตรฐานครับ ผมว่าเหมาะกับมานั่งคุยเพลิน ๆ ไม่คิดอะไรมาก โดยเฉพาะคนที่ชอบกินชีสและ Cold cut พร้อมกับการจิบไวน์ หรือเบียร์อะไรประมาณนั้น มาลองดูอาหารในห้อง Grappino กันเลยดีกว่าครับ


มีชีสให้เลือกพอสมควร ให้เลือกเคียงคู่ กับถั่วต่าง ๆ ขนมปัง และ แคร็กเกอร์หลากชนิด หรือใครที่ชอบกินชีสกับไวน์ก็น่าจะชอบครับ ใครชอบแบบไหนก็เลือกกินเอาตามใจชอบครับ



มุมนี้ถือว่าทางห้องอาหารจัดเตรียมไว้ได้ดีไม่แพ้กับมุมชีสเลย มี Cold cut ที่ค่อนข้างหลากหลาย ทั้ง ซาลามี่, ไส้กรอกนาโปเลียน, แฮมโคปป้า และปาร์มาแฮม ที่กินกับเมลอนก็มี ความหลากหลายและคุณภาพถือว่าใช้ได้เลยครับ
โดยรวมผมชอบนะ เพราะนอกจาก Cold cut ที่วาง ๆ ไว้แล้ว ก็มีผักดองต่าง ๆ ไว้กินแกล้มกันด้วย ถ้าเอามุมนี้รวมกับพวกชีสในมุมแรก และก็ได้ไวน์ที่ทางห้องอาหารมีไว้บริการแบบไม่อั้นนะ ผมว่าก็เป็นอีกสถานที่ที่คุ้มค่าและน่ามานั่งจิบไวน์คุยกันเลยล่ะ




มีอ่างไม้ใหญ่ ๆ ให้เราได้คลุกเคล้าผักสลัดและน้ำสลัดเอง แต่น่าจะทำให้หลากหลายและอลังการกว่านี้หน่อย เพราะส่วนผสมและน้ำสลัดที่วางไว้ให้เราปรุงเองนั้นมีให้เลือกไม่เยอะเลย มีอยู่ไม่กี่อย่าง อย่างคนที่อยากกินซีซ่าส์ ก็ไม่มีซอสซีซ่า แองโชวี่หรือชีสต่าง ๆ แม้กระทั่งเบค่อน หรือขนมปังกรอบ(คูตองส์) ก็ยังไม่มี มุมนี้ผมว่าควรเพิ่มส่วนผสมและวัตถุดิบนะครับ
มุม Appetizer นี้ก็มีอาหารนิด ๆ หน่อย ๆ ที่เชฟปรุงและคลุกเคล้ามาเป็นเมนูกินเล่นให้เราได้เลือกตักกัน รสชาติกลาง ๆ อาศัยกินคู่กับพวกซาลามี่ที่เค็ม ๆ ก็ใช้ได้ครับ แต่ยังไม่โดดเด่นเท่าไหร่




มุมนี้จะมีทั้งที่ทางเชฟเตรียมไว้ให้ และทั้งแบบตามสั่งที่ปรุงใหม่เสิร์ฟร้อน ๆ อันนี้ค่อนข้างเข้าท่ามากเพราะว่าเราสามารถบอกเชฟได้ว่าเราต้องการแบบไหน มันมาก มันน้อย เผ็ด ไม่เผ็ด อะไรก็แจ้งเชฟได้เลย ตัวเส้นถือว่ากำลังดี ในความเข้มข้นอาจยังไม่เข้มข้นเท่าไหร่ แต่ถ้าถือว่าเป็นอิตาเลี่ยนดั้งเดิม รสชาติประมาณนี้ก็ถือว่าโอเคครับ




ในมุมนี้มีพิซซ่าให้เลือกตักกัน ประมาณ 4-5 หน้า ก็เป็นหน้าที่คุ้น ๆ เคย ตัวแป้งเป็นแบบบางนุ่ม ถ้ากินร้อน ๆ ก็อร่อยดี จริง ๆ แอบคิดว่าถ้าพิซซ่าเป็นแบบสั่งที่โต๊ะแล้วพนักงานก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ หรือพนักงานเดินถือถาดพิซซ่ามาสอบถามที่โต๊ะจะดีมาก เพราะว่าลูกค้าก็จะได้กินพิซซ่าร้อน ๆ นุ่ม ๆ เลย




วันนี้เป็นปลาหมึกและกุ้งทอด น่ากินมาก ๆ แต่กินแล้วก็เฉย ๆ อาจเป็นเพราะเป็นการนำมาวางไว้ในชามใหญ่ ๆ ความกรอบที่ผิวก็เลยลดลง จริง ๆ ถ้าทอดให้กรอบกว่านี้สักนิด แล้วใส่ถาดน่าจะคงความกรอบได้ดีกว่านี้ ซึ่งถ้าเนื้อสัมผัสกรอบกว่านี้เวลากินก็แค่บีบเลม่อนใส่ลงไปและอาจมีทาทาร์จิ้มอีกนิดก็ใช้ได้เลยครับ













สรุป ห้องอาหาร Grappino ของโรงแรม อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ ย่านประดูน้ำก็น่าจะเป็นสถานที่นัดหมายไว้สำหรับการคุยธุรกิจหรือจะนัดพบเจอกันชิลล์ก็ได้ในวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะมีบริการอาหารแบบ Buffet พร้อมไวน์ในราคาที่ค่อนข้างคุ้มค่า ในราคา 799 บาท++ ต่อท่าน อาหารก็จะเป็นอาหารอิตาเลี่ยนที่สามารถเข้าถึงได้ อาจจะไม่ได้มีเมนูหลากหลายมากนัก แต่ในส่วนที่เป็นชีส, ของกินเล่น, พาสต้า และลาซานญ่า ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีครับ รสชาติอาหารโดยรวมก็ใช้ได้ แถมยังมีไวน์และเบียร์รวมอยู่ในราคาบุฟเฟต์ให้ดื่มอีกด้วย แต่ก็มีสิ่งที่ผมอยากแนะนำเล็กน้อยคือเรื่องการเสิร์ฟพิซซ่าถ้าทำมาร้อน ๆ แล้วเสิร์ฟให้ที่โต๊ะลูกค้าเลยน่าจะดีกว่าการวางไว้ในไลน์อาหาร หรือสลัดบาร์ถ้ามีผัก มีวัตถุดิบ มีน้ำสลัดให้เลือกมากกว่านี้ก็จะเพิ่มความหลากหลายได้ และถ้าเพิ่มเมนูอีกนิด ๆ หน่อย ๆ เช่น พวกรีซอตโต้ หรือ พวกเมนูเนื้อสัตว์ ก็จะดีมากเลย อย่างไรถ้าใครที่อยากกินอาหารอิตาเลี่ยน จิบไวน์ ชิลล์ ๆ ในมื้อค่ำวันเสาร์-อาทิตย์ กับราคาไม่ถึงพัน ก็ลองมาพิจารณาห้องอาหาร Grappino นี้ดูครับ