อัพเดทนะคะ เราได้คำตอบสำหรับตัวเราเองแล้วค่ะ
เราอยากจะบอกว่า
เพื่อนเราเป็นเพื่อนที่ดีมาก ถึงได้คบกันมานานขนาดนี้ ที่สำคัญคือเป็นคนที่รักและกตัญญูต่อพ่อแม่มาก ซึ่งเป็นเรื่องดี
แต่ข้อเสียคือเป็นเด็กหัวอ่อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว พ่อแม่สั่งให้ทำอะไรก็ทำ ถึงไม่อยากทำแต่สุดท้ายก็ต้องโดนบังคับจนได้
ซึ่งเรากลัวในจุดนี้ เพราะผ่านหลายๆ เหตุการณ์มาด้วยกัน เราเข้าใจและเห็นใจเค้าจริงๆ อย่าหาว่าเราไม่รักเพื่อนเลย
เพราะที่เราไม่เชื่อใจ ไม่ใช่ตัวเพื่อนเรานะคะ แต่เป็นครอบครัวของเขา แต่เราพูดไปตรงๆ ไม่ได้ เพราะมันเหมือนไปว่าพ่อแม่เพื่อน
ถ้าใครโตมาแบบที่ถูกพ่อแม่บังคับมาตลอด คงจะเข้าใจสถาณการ์นะคะ ว่าเราหมายถึงอะไร
สุดท้าย คนที่ว่าเราว่าแค่คบเพื่อนไว้ กิน เที่ยว เม้ามอยสนุกไปวันๆ
ถ้าเพื่อนเราคิดแบบคุณ เราคงจะเสียความรู้สึกมากจริงๆ เพราะเราช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาหลายเรื่องแล้ว
ซึ่งถ้าอ่านดีๆ คุณจะเห็นตอนที่เราเล่าข้อดีของเพื่อนเราว่า เวลาเค้ายืมเงิน แล้วเขาก็คืนตรงตามกำหนดทุกครั้ง
คือถ้าเพื่อนเรามีปัญหา เราพร้อมช่วย และช่วยมาตลอด ช่วยเท่าที่เราช่วยได้
จากเหตการณ์ในครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่าเราโชคดีมาก ที่มีเพื่อนเป็นคนที่รับฟังเหตุผล และมีวุฒิภาวะมากพอ
ไม่ใช่ไม่ได้อย่างใจ ก็หาว่าไม่ใช่เพื่อน เอะอะก็เลิกคบ โดยลืมทุกเรื่องดีๆ ที่เคยทำมาร่วมกัน
สุดท้ายนี้ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีๆ ที่นำปรับใช้กับชีวิตได้นะคะ
ขอบคุณค่ะ
_____________________________________________________________________________________
เพื่อนสนิทเรากำลังจะได้ทำงานที่อยากทำมานานมากกกกก หลังจากพยายามมานาน ในที่สุดก็ได้งานในตำแหน่งและองค์กรที่ใฝ่ฝัน แต่ติดที่ว่าต้องมีคนค้ำประกันก่อนเข้าทำงานเพราะเป็นงานเกี่ยวกับการเงิน ซึ่งในส่วนนี้เราไม่ทราบรายละเอียดมากนักนะคะ คร่าวๆ คือเซ็นเป็นหลักประกันว่าเพื่อนเราจะไม่ไปทุจริต ฉ้อโกง ยักยอก หรือเอื้อประโยชน์ให้ใครก็ตามเพื่อประโยชน์ส่วนตน ซึ่งหากเพื่อนเราทำผิด หรือสร้างความเสียหายใดๆ จนต้องมีการชดใช้ ก็จะเป็นเรานี่แหละที่ต้องไปรับผิดชอบแทนในกรณีที่เจ้าตัวไม่สามารถรับผิดชอบเองได้ หรืออย่างร้ายที่สุดคือหนีหายไปเลย
บอกตามตรงเราพูดได้ไม่เต็มปากว่าเพื่อนเราดี 100% มั้ย แต่เค้าก็เป็นเพื่อนที่ดี พึ่งพาอาศัยได้ เวลายืมเงินเราก็คืนตรงตามที่พูดตลอด
เราเป็นเพื่อนคนเดียวของเค้าที่มีคุณสมบัติพอที่จะค้ำประกันให้ได้ ยิ่งทำให้เราหนักใจที่จะบอกปฎิเสธเพื่อนไป เพราะเพื่อนสนิทอีกคนนี่ไม่ได้แน่นอน ญาติๆ เค้านี่อย่าหวังเลย ถ้าเช็คเครดิตบูโรก็แดงเถือกกันจะทั้งตระกูลแล้ว ลูกพี่ลูกน้องเค้าก็เบี้ยวไม่จ่ายกยศ. นี่เป็นส่วนนึงที่ทำให้เราไม่มั่นใจในตัวเพื่อนเลย แต่ก็เอามาเป็นข้ออ้างไม่ได้ มันเหมือนไปว่าครอบครัวเขา เพราะคนที่เราระแวงว่าจะทำเสียจริงๆ ก็คือคนในครอบครัวเพื่อนมากกว่าตัวเพื่อนเองซะอีก (หมายถึง กดดันให้เพื่อนเราทำผิด เพื่อเอาเงินไปใช้ ไปหมุน ไปช่วยคนในครอบครัวหรืออะไรก็ตาม จนมันเป็นเรื่องในที่สุด เราเข้าใจว่าอาจจะคิดเป็นตุเป็นตะไปเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดมาก่อนนะคะ)
คิดไม่ตกเลยค่ะ นอนก่ายหน้าผากคิดมาหลายวันแล้ว เราต้องให้คำตอบเพื่อนภายในวันนี้ เพราะเค้าจะต้องเริ่มงานต้นเดือนหน้านี้แล้วค่ะ
ถ้าจะปฏิเสธก็ต้องเผื่อเวลาให้เพื่อนไปหาคนอื่นมาค้ำแทน ซึ่งไม่รู้จะหาได้มั้ย เพราะขนาดเพื่อนที่สนิทกันมาเป็นสิบปีอย่างเรายังไม่ค้ำให้เลย
ใจนึงก็อยากช่วยเพื่อน ปฎิเสธไม่ลงเพราะเค้าเป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด แต่อีกใจก็ไม่สบายใจ เหมือนมีภาระก้อนเบ้อเร่อห้อยอยู่บนเส้นด้านเหนือหัว ที่ไม่รู้ด้ายจะขาดลงมาทับหัวเราเมื่อไหร่
คำถามคือ
1. ถ้าปฎิเสธไม่ช่วยค้ำประกันให้ จะให้เหตุผลยังไงดีคะ ที่ไม่ให้เค้าเสียความรู้สึกจนเราอาจจะเสียเพื่อนคนนี้ไป ถ้าบอกแค่ว่าไม่สะดวก ที่บ้านไม่ให้ พื้นๆ แบบนี้จะเป็นเราที่โดนต้อนจนมุมซะเอง เพราะงานนี้สำคัญกับเพื่อนมาก เค้าต้องถามเซ้าซี้แน่ๆ แต่เราก็เข้าใจและเห็นใจในจุดนี้
2. ถ้าช่วยค้ำประกันให้ มีวิธีเขียนกำกับยังไงบ้างมั้ยคะ ให้เรารับผิดชอบน้อยที่สุด ในกรณีที่เกิดปัญหาจนเราต้องชดใช้แทนจริงๆ
ใจจริงๆ อยากค้ำประกันให้เพื่อนนะคะ แต่ไม่อยากรับผิดชอบ ซึ่งข้อนี้ไม่มีในตัวเลือก
ขอบคุณทุกคำแนะนำล่วงหน้านะคะ
เพื่อนสนิทขอให้ค้ำประกันรับรองการทำงานให้ อยากช่วยเพื่อน แต่ก็กังวล ต้องให้คำตอบเย็นนี้แล้ว
เราอยากจะบอกว่า
เพื่อนเราเป็นเพื่อนที่ดีมาก ถึงได้คบกันมานานขนาดนี้ ที่สำคัญคือเป็นคนที่รักและกตัญญูต่อพ่อแม่มาก ซึ่งเป็นเรื่องดี
แต่ข้อเสียคือเป็นเด็กหัวอ่อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว พ่อแม่สั่งให้ทำอะไรก็ทำ ถึงไม่อยากทำแต่สุดท้ายก็ต้องโดนบังคับจนได้
ซึ่งเรากลัวในจุดนี้ เพราะผ่านหลายๆ เหตุการณ์มาด้วยกัน เราเข้าใจและเห็นใจเค้าจริงๆ อย่าหาว่าเราไม่รักเพื่อนเลย
เพราะที่เราไม่เชื่อใจ ไม่ใช่ตัวเพื่อนเรานะคะ แต่เป็นครอบครัวของเขา แต่เราพูดไปตรงๆ ไม่ได้ เพราะมันเหมือนไปว่าพ่อแม่เพื่อน
ถ้าใครโตมาแบบที่ถูกพ่อแม่บังคับมาตลอด คงจะเข้าใจสถาณการ์นะคะ ว่าเราหมายถึงอะไร
สุดท้าย คนที่ว่าเราว่าแค่คบเพื่อนไว้ กิน เที่ยว เม้ามอยสนุกไปวันๆ
ถ้าเพื่อนเราคิดแบบคุณ เราคงจะเสียความรู้สึกมากจริงๆ เพราะเราช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาหลายเรื่องแล้ว
ซึ่งถ้าอ่านดีๆ คุณจะเห็นตอนที่เราเล่าข้อดีของเพื่อนเราว่า เวลาเค้ายืมเงิน แล้วเขาก็คืนตรงตามกำหนดทุกครั้ง
คือถ้าเพื่อนเรามีปัญหา เราพร้อมช่วย และช่วยมาตลอด ช่วยเท่าที่เราช่วยได้
จากเหตการณ์ในครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่าเราโชคดีมาก ที่มีเพื่อนเป็นคนที่รับฟังเหตุผล และมีวุฒิภาวะมากพอ
ไม่ใช่ไม่ได้อย่างใจ ก็หาว่าไม่ใช่เพื่อน เอะอะก็เลิกคบ โดยลืมทุกเรื่องดีๆ ที่เคยทำมาร่วมกัน
สุดท้ายนี้ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีๆ ที่นำปรับใช้กับชีวิตได้นะคะ
ขอบคุณค่ะ
_____________________________________________________________________________________
เพื่อนสนิทเรากำลังจะได้ทำงานที่อยากทำมานานมากกกกก หลังจากพยายามมานาน ในที่สุดก็ได้งานในตำแหน่งและองค์กรที่ใฝ่ฝัน แต่ติดที่ว่าต้องมีคนค้ำประกันก่อนเข้าทำงานเพราะเป็นงานเกี่ยวกับการเงิน ซึ่งในส่วนนี้เราไม่ทราบรายละเอียดมากนักนะคะ คร่าวๆ คือเซ็นเป็นหลักประกันว่าเพื่อนเราจะไม่ไปทุจริต ฉ้อโกง ยักยอก หรือเอื้อประโยชน์ให้ใครก็ตามเพื่อประโยชน์ส่วนตน ซึ่งหากเพื่อนเราทำผิด หรือสร้างความเสียหายใดๆ จนต้องมีการชดใช้ ก็จะเป็นเรานี่แหละที่ต้องไปรับผิดชอบแทนในกรณีที่เจ้าตัวไม่สามารถรับผิดชอบเองได้ หรืออย่างร้ายที่สุดคือหนีหายไปเลย
บอกตามตรงเราพูดได้ไม่เต็มปากว่าเพื่อนเราดี 100% มั้ย แต่เค้าก็เป็นเพื่อนที่ดี พึ่งพาอาศัยได้ เวลายืมเงินเราก็คืนตรงตามที่พูดตลอด
เราเป็นเพื่อนคนเดียวของเค้าที่มีคุณสมบัติพอที่จะค้ำประกันให้ได้ ยิ่งทำให้เราหนักใจที่จะบอกปฎิเสธเพื่อนไป เพราะเพื่อนสนิทอีกคนนี่ไม่ได้แน่นอน ญาติๆ เค้านี่อย่าหวังเลย ถ้าเช็คเครดิตบูโรก็แดงเถือกกันจะทั้งตระกูลแล้ว ลูกพี่ลูกน้องเค้าก็เบี้ยวไม่จ่ายกยศ. นี่เป็นส่วนนึงที่ทำให้เราไม่มั่นใจในตัวเพื่อนเลย แต่ก็เอามาเป็นข้ออ้างไม่ได้ มันเหมือนไปว่าครอบครัวเขา เพราะคนที่เราระแวงว่าจะทำเสียจริงๆ ก็คือคนในครอบครัวเพื่อนมากกว่าตัวเพื่อนเองซะอีก (หมายถึง กดดันให้เพื่อนเราทำผิด เพื่อเอาเงินไปใช้ ไปหมุน ไปช่วยคนในครอบครัวหรืออะไรก็ตาม จนมันเป็นเรื่องในที่สุด เราเข้าใจว่าอาจจะคิดเป็นตุเป็นตะไปเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดมาก่อนนะคะ)
คิดไม่ตกเลยค่ะ นอนก่ายหน้าผากคิดมาหลายวันแล้ว เราต้องให้คำตอบเพื่อนภายในวันนี้ เพราะเค้าจะต้องเริ่มงานต้นเดือนหน้านี้แล้วค่ะ
ถ้าจะปฏิเสธก็ต้องเผื่อเวลาให้เพื่อนไปหาคนอื่นมาค้ำแทน ซึ่งไม่รู้จะหาได้มั้ย เพราะขนาดเพื่อนที่สนิทกันมาเป็นสิบปีอย่างเรายังไม่ค้ำให้เลย
ใจนึงก็อยากช่วยเพื่อน ปฎิเสธไม่ลงเพราะเค้าเป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด แต่อีกใจก็ไม่สบายใจ เหมือนมีภาระก้อนเบ้อเร่อห้อยอยู่บนเส้นด้านเหนือหัว ที่ไม่รู้ด้ายจะขาดลงมาทับหัวเราเมื่อไหร่
คำถามคือ
1. ถ้าปฎิเสธไม่ช่วยค้ำประกันให้ จะให้เหตุผลยังไงดีคะ ที่ไม่ให้เค้าเสียความรู้สึกจนเราอาจจะเสียเพื่อนคนนี้ไป ถ้าบอกแค่ว่าไม่สะดวก ที่บ้านไม่ให้ พื้นๆ แบบนี้จะเป็นเราที่โดนต้อนจนมุมซะเอง เพราะงานนี้สำคัญกับเพื่อนมาก เค้าต้องถามเซ้าซี้แน่ๆ แต่เราก็เข้าใจและเห็นใจในจุดนี้
2. ถ้าช่วยค้ำประกันให้ มีวิธีเขียนกำกับยังไงบ้างมั้ยคะ ให้เรารับผิดชอบน้อยที่สุด ในกรณีที่เกิดปัญหาจนเราต้องชดใช้แทนจริงๆ
ใจจริงๆ อยากค้ำประกันให้เพื่อนนะคะ แต่ไม่อยากรับผิดชอบ ซึ่งข้อนี้ไม่มีในตัวเลือก
ขอบคุณทุกคำแนะนำล่วงหน้านะคะ