หลังจากที่หลายท่านได้มีโอกาสอ่านกระทู้
EP.1 เปิดใจไปพม่า เพื่อเตรียมความพร้อมและปรับทัศนคติก่อนเดินทางไปยัง
"พุกาม-มัณฑะเลย์" เมืองที่เรียกได้ว่ามีความงามที่ซ่อนเร้นไว้รอคอยผู้ค้นหาและผู้ศรัทธา อีกทั้งยังมีสัจธรรมให้ผู้มาเยือนซึมซับผ่านสายธารประวัติศาสตร์ของดินแดนแห่งนี้... โดยมีผู้ร่วมชะตากรรม 3 ชีวิตที่ต้องการเอาจิตไปให้ธรรมชาติบำบัด หลังพวกเขาล้วนมีอาการข้างเคียงจากการโหมงาน จนส่งผลกระทบทั้งกายและใจ
มาเริ่มต้นทริปบำบัดจิตกันนับตั้งแต่บรรทัดนี้เลยดีกว่า เมื่อวันเดินทางมาถึง เราเชื่อเหลือเกินว่า ทุกท่านมีความพร้อมแล้ว
พาสปอร์ตพร้อม , ตั๋วเครื่องบินพร้อม , เงินพร้อม , กล้องถ่ายรูปพร้อม , ใบลาพักร้อนพร้อม , กายพร้อม , ใจพร้อม , และภาษาอังกฤษพร้อม (ท่ดๆ ลืมไปว่าเป็นประเด็นละเอียดอ่อนของการศึกษาไทย)
__________________________________________________________________________________________
ตอน 1 : ลองเอาใจไปพัก [ พุกาม - มัณฑะเลย์ ] ความงามที่ซ่อนเร้นแห่งดินแดนพม่า EP.1 เสน่ห์พุกาม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/34813432
ตอน 3 : ลองเอาใจไปพักที่ [ พุกาม - มัณฑะเลย์ ] ความงามที่ซ่อนเร้นแห่งดินแดนพม่า EP.3 ที่นี่มัณฑะเลย์ (ตอนจบ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/34833096
ลาพักร้อน...พกกล้อง [GOPRO] ตะลอนเที่ยวพม่า : พุกาม-มัณฑะเลย์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/34853058
_______________________________________________________________________________________________
5 กุมภาพันธ์ 2559
จากสนามบินดอนเมืองสู่สนามบินมัณฑะเลย์
เที่ยวบินของเราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองเวลาประมาณ 11.00 น. ผู้ร่วมชะตากรรมทุกคนตกลงกันว่าจะเอาสัมภาระที่จำเป็นไปเท่านั้น โดยโหลดกระเป๋าแค่ 1 ใบ เอาของเหลวและของหนักยัดใส่รวมกัน หลังจากนั้นก็แบกเป้คนละ 1 ใบกับใจเก่าๆขึ้นเครื่อง ถึงสนามบินมัณฑะเลย์โดยสวัสดิภาพเวลาประมาณ 12.20 น. (เวลาพม่าเดินช้ากว่าไทย 30 นาที) แม้สนามบินมัณฑะเลย์จะเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของพม่า แต่ไม่ต้องกลัวหลงแต่อย่างใด หลังจากผ่านด่านตม.แล้ว ทีมงานทั้ง 3 ชีวิตของเราแบ่งหน้าที่กัน
ไปรับสัมภาระที่สายพาน , แลกเงินจ๊าดในสนามบิน , และหาแท็กซี่เข้าตัวเมืองมัณฑะเลย์
แลกเงินจ๊าด : แนะนำว่าให้พกกระเป๋าหรือถุงใบเล็กๆไปใส่เงินจ๊าดก็ดีนะ เพราะเงินดอลลาร์เมื่อแลกเป็นเงินจ๊าดแล้ว ได้มาเป็นฟ่อนหนาๆ หลายกอง ตอนนั้นเราอึ้งกับปริมาณกองธนบัตรจ๊าดพม่าตรงหน้ามาก ก่อนจะหยิบถุงพลาสติกเซเว่นในเป้ขึ้นมาและกวาดเงินลงในถุงนั้น
แลกเงินเท่าไหร่ดี ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อันนี้แล้วแต่พฤติกรรมการใช้จ่ายและระยะเวลาที่อยู่ในพม่า ทีมงานเราไปกัน 3 คน ถือเงินคนละ 300 ดอลลาร์ (ประมาณ 10,000 บาท) แต่ตอนแลกเงิน แลกคนละ 200 ดอลลาร์ เพื่อแบ่งเงินเป็น 2 ส่วน ส่วนละ 100 ดอลลาร์ คือ 1.เงินกองกลาง (สำคัญมาก เพื่อความสะดวกในการจ่ายค่าแท็กซี่ ค่าเข้าชมสถานที่ ค่าข้าว) 2.เงินใช้จ่ายส่วนตัว
_______________________________________________________________________________________________
มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองมัณฑะเลย์
ก่อนหน้านี้เราได้จองและชำระเงินรถบัสมัณฑะเลย์-พุกาม รอบ 14.00 น. ไว้แล้ว
(ดูวิธีจองรถไปพุกามใน EP.1 เปิดใจไปพม่า) เพราะทีมงานเลือกที่จะไปเที่ยวพุกามก่อนในช่วงสองวันแรก และเพื่อป้องกันการตกรถในต่างแดน จึงเลือกใช้บริการแท็กซี่จากสนามบินให้ไปส่งยังสถานีรถบัส โดยเอาตั๋วให้พี่แท็กซี่ดูเพื่อลดความเสี่ยงการออกเสียงชื่อสถานีรถบัสผิด อย่าลืมว่าเมื่ออยู่ต่างถิ่น แล้วต้องออกเสียงชื่อเฉพาะนั้น แค่ออกเสียงผิด ชีวิตก็เปลี่ยน
สนามบินมัณฑะเลย์อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร แท็กซี่เรียกค่ารถ 12,000 จ๊าด (วิธีคิดเป็นเงินไทยโดยประมาณคือ นำจำนวนเงินจ๊าด x 0.0276 = ไทยบาท) พี่แท็กซี่โชว์สกิลมัณฑะเลย์ ดริฟท์ ทำให้พวกเราค่อยๆเอื้อมมือไปคว้าสายรัดเข็มขัดนิรภัยมาคาดทีละคน และยืนยันว่าตลอดครึ่งชั่วโมงบนรถคันนั้น ไม่มีนาทีไหนที่สายรัดนิรภัยไม่ตึงเลย ในที่สุดทีมงานก็มาถึงสถานีรถบัสที่มีชื่อว่า Pyi Taw Aye ก่อนเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง #ต้องรอดที่มัณฑะเลย์ ผ่านด่านแรกแล้ว
ที่นั่งรอภายในคิวรถบัสมัณฑะเลย์-พุกาม มีความเรียลมาก
_______________________________________________________________________________________________
เปิดประสบการณ์นั่งรถบัสมัณฑะเลย์-พุกาม
รถบัสมาตรงเวลามาก เป็นรถบัส 19 ที่นั่ง (และมีเบาะเสริม) ค่อนข้างใหม่ มีแอร์ มีทีวี แถมแจกน้ำดื่มบนรถด้วย พวกเราทำได้แค่เพียงเป็นนางจิบ จิบน้ำเบาๆ เพราะแน่นอนว่าไม่มีห้องน้ำบนรถ กว่าที่รถบัสจะแล่นออกจากตัวเมืองมัณฑะเลย์ได้นั้น แวะจอดหลายป้ายมาก พอรถจอดแต่ละทีก็จะมีคนขายขนมรวมไปถึงขอทานมายืนหน้าประตูรถ ระหว่างทางนั้นรถบัสก็จะแวะเติมน้ำมัน 1 ครั้ง แวะจอดร้านอาหารเล็กๆให้กินข้าวและเข้าห้องน้ำอีก 2 ครั้ง หลังจากนั้นวิ่งยาว ถนนที่เชื่อมไปยังพุกามนั้นค่อนข้างขรุขระหน่อย หลุมเยอะ แต่ก็ให้อารมณ์แอดเวนเจอร์ ยิ่งมืดยิ่งไม่มีไฟฟ้าให้แสงสว่างตลอดสองข้างทาง ความมืดเข้าปกคลุม แต่ไฟแห่งวัยหนุ่มสาวในใจของพวกเรายังคงลุกโชติช่วง พวกเราเลยหลับเอาแรงบนรถบัสที่วิ่งระหว่างมัณฑะเลย์-พุกาม แม้จะมีระยะห่างเพียง 200 กิโลเมตร แต่ก็ใช้เวลาเดินทางถึง 5 ชั่วโมงกว่า ฟังเพลงเทย์เลอร์ สวิฟต์ อัลบัม 1989 จบไปห้ารอบก็ยังไม่ถึงพุกามสักที
ปล.1 แนะนำให้ซื้อขนมติดกระเป๋าไว้ เผื่อหิวระหว่างนั่งบนรถบัส 5-6 ชั่วโมง
ปล.2 การนั่งฟังเพลงนิ่งๆโดยไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตหรือเสียงเรียกเข้าใดๆ ก็เป็นช่วงเวลาที่ปล่อยให้มือถือได้ทำหน้าที่ฟังก์ชั่นอื่นๆบ้าง ก็ดีเหมือนกันนะ
_______________________________________________________________________________________________
พุกาม...ยินดีที่ได้รู้จัก
เด็กรถเรียกให้พวกเราลงจากรถเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. แต่เมื่อลงมาข้างล่าง ที่นี่ไม่ใช่โรงแรม Aung Mingalar ที่พักในพุกามที่จองไว้นี่หว่า แล้วก็มีคุณลุงขับรถม้าคนหนึ่งมาช่วยเราขนสัมภาระขึ้นรถม้าของแก พร้อมบอกว่ารถบัสไม่ผ่านหน้าโรงแรม ต้องนั่งรถม้าไป พวกเราก็ขึ้นรถม้าแบบงงๆ คุณลุงบอกว่ากว่าจะถึงโรงแรมต้องใช้เวลาประมาณ 20 นาที พร้อมถามตารางเที่ยวในพุกามของพวกเรา นาทีนั้นรู้สึกเหมือนโดนมัดมือชกเลย แต่ทำไงได้ ทีมงานเราก็ขึ้นรถม้าแกแล้วนี่หว่า 555 แต่ท่าทางใจดีและตลกของคุณลุงทำให้พวกเราคลายความกังวลลง แกถามว่า สนใจจะเหมารถม้าแกเที่ยววันพรุ่งนี้หรือเปล่า ค่อยตอบก็ได้ เดี๋ยวจะพาไปส่งเช็คอินที่โรงแรมก่อน แล้วจะรับพาไปกินข้าวที่ร้านอาหารในพุกาม พร้อมบริการพากลับมาส่งที่โรงแรมฟรีๆเพื่อเรียกความเชื่อมั่น สร้างความประทับใจ และคืนความสุขให้นักท่องเที่ยวตามคำสัญญา หลังจากเห็นพวกเราเดินทางเหนื่อยมาหลายชั่วโมง
ปล. อันที่จริงแผนเดิมของพวกเราคือ อาจจะเหมาแท็กซี่เที่ยวพุกาม แต่พอได้นั่งรถม้าก็รู้สึกอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อีกอย่างคุณลุงและม้าของแกก็จะได้มีรายได้ด้วย ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดจริงๆ
_______________________________________________________________________________________________
อาหารพม่ามื้อแรกของวันที่พุกาม
หลังจากเช็คอินเรียบร้อย แล้วเห็นสภาพห้องในโรงแรม บอกเลยว่าราคาถูกและสภาพดี มีอุปกรณ์ทุกอย่างที่โรงแรมควรจะมี แถมยังมีท่อนไม้ทานาคาในห้องน้ำ ให้แขกที่มาพักฝนเล่น เพื่อเอาทานาคาทาหน้าก่อนนอนด้วย ล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ออกมาเจอคุณลุงพร้อมม้าคู่ใจยืนยิ้มแฉ่ง (ลุงหรือม้าที่ยืนยิ้มแฉ่ง?) รอพาพวกเราไปกินข้าว... ข้าวมื้อแรกของวัน ระหว่างทางไปร้านอาหารนั้น มีน้องหมาสองสามตัววิ่งไล่กวดรถม้าของเรา คุณลุงเลยลงจากรถม้าแล้วเดินไปหยิบขนมปังโยนให้น้องหมากินด้วยรอยยิ้ม ฉากนั้นประทับใจพวกเราจนตกลงกันว่า พรุ่งนี้จะเหมารถม้าแกเที่ยวพุกามซิตี้ เพราะเห็นว่าแกรักสัตว์ /จบ.
คุณลุงพาพวกเรามากินอาหารบุฟเฟ่ต์พม่า ซึ่งร้านอยู่ไม่ไกลจากที่พัก จัดเต็มอย่างยิ่งใหญ่ เหมือนเจ้าของร้านรู้ว่าพวกเราหิวโซ มีข้าวและกับข้าวนับสิบอย่าง ตบท้ายด้วยขนมและผลไม้ อิ่มจังบุฟเฟ่ต์มื้อนี้แค่ 100 บาท แม้อาหารหลายอย่างจะดูมันๆ แต่ก็มีพริกและผักให้แกล้ม หยินและหยางกันไป หลังจากนั้นคุณลุงรถม้ามาส่งพวกเราที่โรงแรม พร้อมนัดแนะเวลาในวันพรุ่งนี้ สำหรับภารกิจไฮไลท์เด็ด คือการตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลเจดีย์ ปิดจ๊อบวันแรก #ต้องรอดที่มัณฑะเลย์
_______________________________________________________________________________________________
เมียนมาสไตล์รู้ไว้ก็ดี
- ถนนพม่าฝุ่นเยอะ เยอะคือเยอะจริงๆ แบบพี่ไม่ได้มาเล่นๆ คนแพ้ฝุ่นพกหน้ากากอนามัยไปก็ดี แต่สำหรับพวกเราใจสู้ พร้อมสูดเต็มที่ จนคอแห้งเป็นผงไปตามๆกัน (ความจริงคือ ลืมพกมา)
- รถแท็กซี่มักไม่ค่อยเปิดแอร์ แต่บอกให้คุณพี่เขาเปิดแอร์ได้ เก๋ไหมล่ะ มีอยู่ครั้งหนึ่งนั่งแท็กซี่ในมัณฑะเลย์ ปิดกระจกแถมไม่เปิดแอร์ จนสมาชิกคนหนึ่งของเราต้องบอกว่า "I can't breathe" (ข้าพเจ้าหายใจไม่ออกแล้วครับ) เขาจึงยอมลดกระจกให้ 5555 #ต้องรอดที่มัณฑะเลย์
- บริการนำเที่ยวในพุกาม มีทั้งรถม้า แท็กซี่ จักรยานและรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
_______________________________________________________________________________________________
6 กุมภาพันธ์ 2559
ทะเลเจดีย์เสน่ห์แห่งพุกาม
รถม้าของคุณลุงมารับพวกเราที่หน้าโรงแรมเวลา 5.00 พวกเราไม่อาบน้ำเพราะอากาศหนาว 18 องศาเซลเซียส ล้างหน้าล้างตาแล้วกระโดดขึ้นรถม้าคุณลุงมุ่งหน้าสู่เจดีย์บูเลตี (Bulethi Pagoda) ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ตามคำแนะนำของคุณลุงรถม้า ที่สำคัญอยู่ห่างจากที่พักเพียง 20 นาที เริ่มได้คุยกับคุณลุงมากขึ้น คุณลุงชื่อ "เค-มอ-อู" เป็นชาวพุทธฮินดู ส่วนม้าของแกชื่อ "เนตู" สองข้างทางมืดมาก แต่ไฟแห่งวัยหนุ่มสาวในใจของพวกเรายังคงโชติช่วงเช่นเดิม เลยถือโอกาสงีบหลับบ้าง ไม่นานก็ถึงเจดีย์บูเลตี โดยนักท่องเที่ยวจะต้องถอดรองเท้าปีนขึ้นเจดีย์ที่สูงและชัน
[CR] ลองเอาใจไปพัก [ พุกาม - มัณฑะเลย์ ] ความงามที่ซ่อนเร้นแห่งดินแดนพม่า EP.2 เสน่ห์พุกาม
หลังจากที่หลายท่านได้มีโอกาสอ่านกระทู้ EP.1 เปิดใจไปพม่า เพื่อเตรียมความพร้อมและปรับทัศนคติก่อนเดินทางไปยัง "พุกาม-มัณฑะเลย์" เมืองที่เรียกได้ว่ามีความงามที่ซ่อนเร้นไว้รอคอยผู้ค้นหาและผู้ศรัทธา อีกทั้งยังมีสัจธรรมให้ผู้มาเยือนซึมซับผ่านสายธารประวัติศาสตร์ของดินแดนแห่งนี้... โดยมีผู้ร่วมชะตากรรม 3 ชีวิตที่ต้องการเอาจิตไปให้ธรรมชาติบำบัด หลังพวกเขาล้วนมีอาการข้างเคียงจากการโหมงาน จนส่งผลกระทบทั้งกายและใจ
มาเริ่มต้นทริปบำบัดจิตกันนับตั้งแต่บรรทัดนี้เลยดีกว่า เมื่อวันเดินทางมาถึง เราเชื่อเหลือเกินว่า ทุกท่านมีความพร้อมแล้ว พาสปอร์ตพร้อม , ตั๋วเครื่องบินพร้อม , เงินพร้อม , กล้องถ่ายรูปพร้อม , ใบลาพักร้อนพร้อม , กายพร้อม , ใจพร้อม , และภาษาอังกฤษพร้อม (ท่ดๆ ลืมไปว่าเป็นประเด็นละเอียดอ่อนของการศึกษาไทย)
http://lptraveller.meithailand.com/post/j9mkgUQ/1
__________________________________________________________________________________________
ตอน 1 : ลองเอาใจไปพัก [ พุกาม - มัณฑะเลย์ ] ความงามที่ซ่อนเร้นแห่งดินแดนพม่า EP.1 เสน่ห์พุกาม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอน 3 : ลองเอาใจไปพักที่ [ พุกาม - มัณฑะเลย์ ] ความงามที่ซ่อนเร้นแห่งดินแดนพม่า EP.3 ที่นี่มัณฑะเลย์ (ตอนจบ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ลาพักร้อน...พกกล้อง [GOPRO] ตะลอนเที่ยวพม่า : พุกาม-มัณฑะเลย์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
_______________________________________________________________________________________________
จากสนามบินดอนเมืองสู่สนามบินมัณฑะเลย์
เที่ยวบินของเราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองเวลาประมาณ 11.00 น. ผู้ร่วมชะตากรรมทุกคนตกลงกันว่าจะเอาสัมภาระที่จำเป็นไปเท่านั้น โดยโหลดกระเป๋าแค่ 1 ใบ เอาของเหลวและของหนักยัดใส่รวมกัน หลังจากนั้นก็แบกเป้คนละ 1 ใบกับใจเก่าๆขึ้นเครื่อง ถึงสนามบินมัณฑะเลย์โดยสวัสดิภาพเวลาประมาณ 12.20 น. (เวลาพม่าเดินช้ากว่าไทย 30 นาที) แม้สนามบินมัณฑะเลย์จะเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของพม่า แต่ไม่ต้องกลัวหลงแต่อย่างใด หลังจากผ่านด่านตม.แล้ว ทีมงานทั้ง 3 ชีวิตของเราแบ่งหน้าที่กัน ไปรับสัมภาระที่สายพาน , แลกเงินจ๊าดในสนามบิน , และหาแท็กซี่เข้าตัวเมืองมัณฑะเลย์
แลกเงินจ๊าด : แนะนำว่าให้พกกระเป๋าหรือถุงใบเล็กๆไปใส่เงินจ๊าดก็ดีนะ เพราะเงินดอลลาร์เมื่อแลกเป็นเงินจ๊าดแล้ว ได้มาเป็นฟ่อนหนาๆ หลายกอง ตอนนั้นเราอึ้งกับปริมาณกองธนบัตรจ๊าดพม่าตรงหน้ามาก ก่อนจะหยิบถุงพลาสติกเซเว่นในเป้ขึ้นมาและกวาดเงินลงในถุงนั้น
แลกเงินเท่าไหร่ดี ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
_______________________________________________________________________________________________
มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองมัณฑะเลย์
ก่อนหน้านี้เราได้จองและชำระเงินรถบัสมัณฑะเลย์-พุกาม รอบ 14.00 น. ไว้แล้ว (ดูวิธีจองรถไปพุกามใน EP.1 เปิดใจไปพม่า) เพราะทีมงานเลือกที่จะไปเที่ยวพุกามก่อนในช่วงสองวันแรก และเพื่อป้องกันการตกรถในต่างแดน จึงเลือกใช้บริการแท็กซี่จากสนามบินให้ไปส่งยังสถานีรถบัส โดยเอาตั๋วให้พี่แท็กซี่ดูเพื่อลดความเสี่ยงการออกเสียงชื่อสถานีรถบัสผิด อย่าลืมว่าเมื่ออยู่ต่างถิ่น แล้วต้องออกเสียงชื่อเฉพาะนั้น แค่ออกเสียงผิด ชีวิตก็เปลี่ยน
สนามบินมัณฑะเลย์อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร แท็กซี่เรียกค่ารถ 12,000 จ๊าด (วิธีคิดเป็นเงินไทยโดยประมาณคือ นำจำนวนเงินจ๊าด x 0.0276 = ไทยบาท) พี่แท็กซี่โชว์สกิลมัณฑะเลย์ ดริฟท์ ทำให้พวกเราค่อยๆเอื้อมมือไปคว้าสายรัดเข็มขัดนิรภัยมาคาดทีละคน และยืนยันว่าตลอดครึ่งชั่วโมงบนรถคันนั้น ไม่มีนาทีไหนที่สายรัดนิรภัยไม่ตึงเลย ในที่สุดทีมงานก็มาถึงสถานีรถบัสที่มีชื่อว่า Pyi Taw Aye ก่อนเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง #ต้องรอดที่มัณฑะเลย์ ผ่านด่านแรกแล้ว
_______________________________________________________________________________________________
เปิดประสบการณ์นั่งรถบัสมัณฑะเลย์-พุกาม
รถบัสมาตรงเวลามาก เป็นรถบัส 19 ที่นั่ง (และมีเบาะเสริม) ค่อนข้างใหม่ มีแอร์ มีทีวี แถมแจกน้ำดื่มบนรถด้วย พวกเราทำได้แค่เพียงเป็นนางจิบ จิบน้ำเบาๆ เพราะแน่นอนว่าไม่มีห้องน้ำบนรถ กว่าที่รถบัสจะแล่นออกจากตัวเมืองมัณฑะเลย์ได้นั้น แวะจอดหลายป้ายมาก พอรถจอดแต่ละทีก็จะมีคนขายขนมรวมไปถึงขอทานมายืนหน้าประตูรถ ระหว่างทางนั้นรถบัสก็จะแวะเติมน้ำมัน 1 ครั้ง แวะจอดร้านอาหารเล็กๆให้กินข้าวและเข้าห้องน้ำอีก 2 ครั้ง หลังจากนั้นวิ่งยาว ถนนที่เชื่อมไปยังพุกามนั้นค่อนข้างขรุขระหน่อย หลุมเยอะ แต่ก็ให้อารมณ์แอดเวนเจอร์ ยิ่งมืดยิ่งไม่มีไฟฟ้าให้แสงสว่างตลอดสองข้างทาง ความมืดเข้าปกคลุม แต่ไฟแห่งวัยหนุ่มสาวในใจของพวกเรายังคงลุกโชติช่วง พวกเราเลยหลับเอาแรงบนรถบัสที่วิ่งระหว่างมัณฑะเลย์-พุกาม แม้จะมีระยะห่างเพียง 200 กิโลเมตร แต่ก็ใช้เวลาเดินทางถึง 5 ชั่วโมงกว่า ฟังเพลงเทย์เลอร์ สวิฟต์ อัลบัม 1989 จบไปห้ารอบก็ยังไม่ถึงพุกามสักที
ปล.1 แนะนำให้ซื้อขนมติดกระเป๋าไว้ เผื่อหิวระหว่างนั่งบนรถบัส 5-6 ชั่วโมง
ปล.2 การนั่งฟังเพลงนิ่งๆโดยไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตหรือเสียงเรียกเข้าใดๆ ก็เป็นช่วงเวลาที่ปล่อยให้มือถือได้ทำหน้าที่ฟังก์ชั่นอื่นๆบ้าง ก็ดีเหมือนกันนะ
_______________________________________________________________________________________________
พุกาม...ยินดีที่ได้รู้จัก
ปล. อันที่จริงแผนเดิมของพวกเราคือ อาจจะเหมาแท็กซี่เที่ยวพุกาม แต่พอได้นั่งรถม้าก็รู้สึกอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อีกอย่างคุณลุงและม้าของแกก็จะได้มีรายได้ด้วย ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดจริงๆ
_______________________________________________________________________________________________
คุณลุงพาพวกเรามากินอาหารบุฟเฟ่ต์พม่า ซึ่งร้านอยู่ไม่ไกลจากที่พัก จัดเต็มอย่างยิ่งใหญ่ เหมือนเจ้าของร้านรู้ว่าพวกเราหิวโซ มีข้าวและกับข้าวนับสิบอย่าง ตบท้ายด้วยขนมและผลไม้ อิ่มจังบุฟเฟ่ต์มื้อนี้แค่ 100 บาท แม้อาหารหลายอย่างจะดูมันๆ แต่ก็มีพริกและผักให้แกล้ม หยินและหยางกันไป หลังจากนั้นคุณลุงรถม้ามาส่งพวกเราที่โรงแรม พร้อมนัดแนะเวลาในวันพรุ่งนี้ สำหรับภารกิจไฮไลท์เด็ด คือการตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลเจดีย์ ปิดจ๊อบวันแรก #ต้องรอดที่มัณฑะเลย์
_______________________________________________________________________________________________
- รถแท็กซี่มักไม่ค่อยเปิดแอร์ แต่บอกให้คุณพี่เขาเปิดแอร์ได้ เก๋ไหมล่ะ มีอยู่ครั้งหนึ่งนั่งแท็กซี่ในมัณฑะเลย์ ปิดกระจกแถมไม่เปิดแอร์ จนสมาชิกคนหนึ่งของเราต้องบอกว่า "I can't breathe" (ข้าพเจ้าหายใจไม่ออกแล้วครับ) เขาจึงยอมลดกระจกให้ 5555 #ต้องรอดที่มัณฑะเลย์
- บริการนำเที่ยวในพุกาม มีทั้งรถม้า แท็กซี่ จักรยานและรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
_______________________________________________________________________________________________