งานแต่งงานเล็กหรือใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่การันตีความรักของคน 2 คน ( REVIEW )

วันนี้เราขอมาแบ่งปันความสุขจากงานแต่งงานของเรา ซึ่งอาจจะแตกต่างจากคนอื่นหรืออาจจะแปลกสำหรับใครไปซะหน่อย
แต่เราอยากแบ่งปันประสบการณ์และเหตุการณ์ที่สำคัญในชีวิตเราที่เราภูมิใจมากๆ เลยขอเอา account แฟนมา เริ่มกันดีกว่า ^^


งานแต่งงานเราเพิ่งผ่านไปไม่นาน เราแต่งงานเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2559 ก่อนวันงานประมาณ 2 เดือน มีการหาข้อมูล เตรียมรายละเอียดต่างๆว่าควรจะต้องทำอะไรบ้าง? ซึ่งเราก็ทำเหมือนคู่ทั่วๆไป ที่มีการดู package ต่างๆของร้าน wedding ดูชุดแต่งงาน ดูสถานที่ ดูรายละเอียดต่างๆ แต่แล้วสุดท้ายเราก็ตัดสินใจที่จะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง โดยไม่จ้างออแกไนซ์ใดๆทั้งสิ้น เพราะราคาค่อนข้างสูง มันเกินความจำเป็นเกินไปในความคิดเรา ( รึเรา งก? 55555 และด้วยความที่เจ้าบ่าวเราก็ขอแต่งงานมานาน เขาอยากแต่งงานมาก แล้วผู้ใหญ่ก็ถามๆมาว่ายังไงกัน อยู่ด้วยกันมาก็นาน อายุขนาดนี้กันแล้ว เราก็เข้าใจในมุมผู้ใหญ่นะว่าควรทำให้ถูกต้องตามประเพณี เราก็เลยตกลงแต่งงานกันอย่างเป็นทางการ )

โดยส่วนตัว เราเองเป็นคนชอบทำอะไรเอง คือ ถ้ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรง เราจะทำเอง ทางเจ้าบ่าวก็เช่นกัน โชคดีมาก ที่ผู้ใหญ่ของเราทั้ง 2 ฝ่าย เป็นคนง่ายๆ ทางแม่กับพ่อเราเองก็ไม่ได้ต้องการงานใหญ่โตเว่อร์วี่วัง เลยง่ายที่จะเตรียมงาน พิธีการช่วงเช้าคือไม่มีขันหมากใดๆ จัดที่บ้านเจ้าสาว พอถึงเวลา ฝั่งเจ้าบ่าวถือพานแหวน พานสิดสอดเข้ามา ไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองเสร็จ จบละ... แล้วก็พาผู้ใหญ่ทานข้าว พิธีเช้าเสร็จสิ้นละคะ







มาถึงงานเย็นกันบ้าง รายละเอียดการจัดงานคร่าวๆคือ สถานที่+อาหาร : 100,000 บาท
( เราโชคดีมากที่ทางเจ้าของร้านน่ารักเอ็นดู ดูแลพิเศษจริงๆ )





การ์ดแต่งงาน : เราจ้างเพื่อนวาด 500 บาท ล้างออกมา 200 รูป ราคา 500 บาท ซองซื้อมา 250 ซอง ราคา 400 บาท
ของชำร่วย : เราทำเป็นริชแบรนด์เข้างาน ราคาประมาณ 2,000 บาท 300 เส้น เนื่องจากว่าเจ้าบ่าวเป็นดีเจ เราเลยอยากทำให้เหมือนมางานปาร์ตี้ อีกอย่างเรารู้สึกว่า ไปงานแต่งงานได้ของชำร่วยมา เราก็ไม่ได้เอาไปใช้กัน หรือใช้ก็น้อยยยยมาก หรือบางทีได้มาก็หายกันละ
สติกเกอร์ แปะหน้าซอง : 80 บาท
presentation : เจ้าบ่าวเป็นคนทำเอง



Backdrop ถ่ายรูปหน้างาน เจ้าบ่าวเป็นคนทำเองและสั่งปริ้นออกมาพร้อมโครงเหล็ก ราคา 12,000 บาท



ตัวการ์ตูน standy : ประมาณ 1,000 บาท



ค่าชุดเจ้าสาว สั่งตัด : 25,000 บาท
ช่างแต่งหน้า จ้างเพื่อนสนิทแต่ง : 3,500 บาท
ค่าชุดเจ้าบ่าว ซื้อที่ยูเนียน : 2,000 บาท ( บอกก่อนว่าเถียงกะเจ้าบ่าวนานมาก เพราะเราไม่อยากเสียค่าชุดแพงๆ ละของแฟนแบบไก่กา แต่เจ้าบ่าวให้เหตุผลว่า อยากให้เราสวยที่สุด ไม่ต้องคิดมาก เถียงจนแบบไม่อยากทะเลาะเลยโอเค ก็ได้ )

ลูกโป่งเราหาเอาในเวบ สั่งมา 30 ลูก 1,200 บาท
อุปกรณ์ตกแต่งในงาน ซื้อที่สำเพ็ง : ประมาณ 1,000 บาท
โปรเจคเตอร์ติดต่อเช่ามา : 2,500 บาท
เค้กแต่งงาน เราสั่งจากร้านในเฟสบุค : 4,500 บาทพร้อมตกแต่ง
ดอกไม้ตกแต่งในงาน/มาลัยมงคลคล้องคอ/พานสินสอด/พานแหวน : เราไปซื้อเองที่ปากคลองตลาด ประมาณ 2,000 บาท











จองโรงแรมในคืนแต่งงาน ( Royal Orchid Sheraton ) : 5,000 บาท
ตากล้อง : ตากล้องเป็นรุ่นพี่เจ้าบ่าว ซึ่งพี่เขาก็น่ารักมาก ถ่ายให้ทั้งพรีเวดดิ้งและวันงานเลย ราคา 20,000 บาทและจ้างเพื่อนน้องสาวคนละ 1,000 บาท 3 คนมาช่วยเป็นกองเสริมเก็บภาพในงาน (ไม่ต้องถามหาราคาถ่ายพรีเวดดิ้งนะ ชุดก็เอาชุดที่มีอยู่ในตู้เสื้อผ้าเนี่ยแหละ สบายๆก็ดูดีได้ ไม่เปลืองอีกต่างหาก ) ไม่มีจ้างวงหรือเครื่องเสียงใดๆ เพราะเจ้าบ่าวเป็นดีเจ จึงให้ดีเจเปิดเพลงคลอตั้งแต่เริ่มงานจน after party อนุญาตลงรูปพรีเวดดิ้งและบรรยากาศในงานคะ

































และได้รับเกียรติจาก พี่บาส แชมป์ RedBull 3style Thailand ให้เกียรติเปิดเพลงในงาน ขอบคุณพี่บาสนะคะ ^^



ค่าใช้จ่ายในการจัดงานทั้งหมดอยู่ประมาณ 1 แสนปลายๆ ไม่เกิน 200,000 บาทคะ ถามว่าเหนื่อยมั้ย? เหนื่อยมากกกกกก --" คือจัดเตรียมงานเองจนวินาทีสุดท้าย งานเย็นเรากับแฟนยังเข้าไปเตรียมสถานที่ ตั้งโต๊ะ ยกโต๊ะ เป่าลูกโป่ง ตั้งมุมถ่ายรูป ฯลฯ คือเตรียมจน 4 โมง ถึงได้ขึ้นไปบนห้องในโรงแรมเพื่อแต่งตัว พอลงมาหน้างาน เห็นเพื่อนๆมาคือรู้สึกดีๆมาก จนจบงานทุกคนยังพูดถึงงานเรา บอกชอบงานเรา อาหารอร่อย คือเราภูมิใจสุดๆเลย ^^ เพราะทำกันเองหมดเลยทุกสิ่งอย่าง ซึ่งที่เราเลือกจัดงานแต่งเอง เพราะเรารู้สึกว่า มันเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง ในชีวิตเรา มีแค่ครั้งเดียว ซึ่งหลายๆคนจะคิดว่าเราไม่ได้มีประสบการณ์การจัดงานแต่ง เราควรในทีมงานที่รับจัดงานมาทำ จะดีกว่า แต่สำหรับเรานะ มันคืองานแต่งเรา ไม่มีใครทำออกมาได้ดีที่สุด ทำออกมาได้อย่างที่เราต้องการนอกจากเราเอง ซึ่งเราก็พยามหาข้อมูลจากอินเตอร์เนต ถามเพื่อนๆ ที่แต่งงานไปแล้ว แล้วเอาข้อมูลมาปรับใช้ในงานตัวเอง ซึ่งเราทั้ง 2 คนไม่อยากทำงานแต่งให้เหมือนๆคนอื่น ส่วนตัวเรารู้สึกว่า งานแต่งงาน มันไม่ได้มีแบบแผนว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้ เราเลยจัดออกมาให้เป็นตัวเรา 2 คนเอง เจ้าบ่าวเป็นดีเจ เราเองเป็นคนรักเสียงเพลง แล้วเราก็จอกัน จากเสียงเพลง เราเลยดึงตรงนี้มาเป็น concept งาน ไม่เลือกจัดโต๊ะจีน เพราะไปงานแต่งไหนๆก็เห็นก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจบ่าว-สาว มีขอถุงใส่กลับบ้านอีก ถ้ากินไม่หมด --" เราก็ไม่อยากได้แบบนั้น งานจึงออกมาเป็นแนว PARTY มากกว่า


เริ่มแรกเราเองที่เป็นคนบอกเจ้าบ่าวว่าไม่อยากจัด ไปจดทะเบียนพอละ แล้วก็ขอแค่เขารักและดูแลเราแบบทุกๆวันนี้ตลอดไปพอ แต่เขาอยากจัดให้เขาอยากให้เรามีโมเม้นเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ เราเลยโอเคจัด แต่ให้จัดอย่างที่เราอยากให้เป็นนะ ซึ่งแค่นี้เรามีความสุขแล้ว เราไม่ได้อยากงานใหญ่โต เว่อร์วี่วังอลังการ เราไม่ได้จะประกาศให้โลกรู้ เพราะต่อให้จัดงานเป็นล้าน ก็ไม่สามารถการันตีความรักว่าจะรักกันจนตาย หรือจะรักกันมากมาย กี่คู่ต่อกี่คู่ที่เราเห็น จัดงานแต่งเป็นล้าน ก็ทะเลาะเบาะแว้งเลิกลากัน เพราะฉะนั้น การจัดงานแต่งเล็กใหญ่ไม่สำคัญ ไม่ใช่สิ่งที่จะการันตีความรักของคน 2 คน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรักของคนทั้งคู่ การให้เกียรติ ซื่อสัตย์และการดูแลซึ่งกันและกันต่างหากที่จะแสดงให้เห็นว่าความรักของเรามีค่าแค่ไหน.....


"เราไม่ได้อยากมีงานแต่งงานใหญ่โตให้คนอื่นอิจฉาเราแค่คืนๆเดียว
แต่เราอยากมีความรักที่ดี มีคู่ชีวิตที่ดีให้คนอื่นอิจฉาเราตลอดชีวิตมากกว่า"

ปวีย์ธิดา.....



ยาวหน่อยนะคะ ^^'" ต้องขออภัยด้วย
แต่เราอยากแชร์ อยากแบ่งปันความสุขของเรา อาจจะเป็นแนวทางของคู่รักบางคู่ก็ได้
ยินดีแนะนำนะคะ เพราะหาข้อมูล เช็ครายละเอียดมาเยอะเหมือนกันแวะดูรูปภาพบรรยากาศงานเราได้นะคะ
ที่ Facebook เรา : Joyjaa Paveeda , Thaninthorn Jinanurak


Thx for my Support :
- Pimienta Tabas Bar and Restaurant ( พี่ป้อมและพี่นุช )
- Itchy&Ware House Pub ( พี่บีและพี่เต่า )
- พี่เอสช่างภาพและน้องๆมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
- Nina Couture Unique ( พี่แคท )
- ร้าน Wasana จิวเวอรี่ ( พี่เปี๊ยกและพี่ส้ม )
- Puvara ( แม่แดง,พี่แมค,น้องมิ้น )
- Kreatah Dj Skool
- ครอบครัวเอี่ยมวงค์และครอบครัวจินต์อนุรักษ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่