วันนี้ไปดูละครเวทีเรื่อง Dracula Blood is life มาค่ะ
เรื่องนี้เราตามข่าวมานานแล้วค่ะ เพราะชอบเรื่องราวเกี่ยวกับ dracula หลงใหลฉบับหนังปี 1992 ขั้นมากด้วย
พอมาเป็นละครเวที ก็ซื้อบัตรมาดูซะหน่อย
ด้วยความเป็นติ่งละครเวทีขาประจำอยู่แล้ว
ข้อมูลละคร
- เป็นละครพูดค่ะ ภาษาอังกฤษ มีบรรยายไทยข้างๆเวที เรานั่งหน้ามาก เลยเห็นชัด ไม่ทันได้เห็นว่าหลังๆจะมีจอเพิ่มรึเปล่า แต่เราไม่ค่อยได้หันไปดู เราว่าไม่ได้ฟังยากนะ ดูภาพการแสดงดีกว่านั่งจ้องซับค่ะเชื่อเรา
- เน้นใช้แสง สี เล่นกับฉาก
-นักแสดงมีทั้งคนไทยและต่างชาติ
- แสดงที่โรงละครเคแบงค์ สยามพิฆเนศ
- โปรยไว้ว่าเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีไม่ควรดู
เราเพิ่งดูมาเมื่อคืนที่ผ่านมาค่ะ รอบ 19:30 ค่อนข้างใจหายนะ เพราะคนดูน้อยมากกกกกกกกกกก เราดูละครเวทีมาจะ 10 ปีละ ยังไม่เคยเจอเรื่องที่คนน้อยขนาดนี้เลย
คาดว่าอาจจะด้วยข้อจำกัดหลายๆอย่าง เช่น ภาษา แนวละคร ที่ทำให้บัตรขายยาก แต่ลุยค่ะ คนน้อย ก็ลุ้นๆหน่อยว่าจะแห้งๆเปลี่ยวๆมั้ย
คำตอบ คือ เปลี่ยวพอสมควร
เพราะอย่างที่ทุกคนที่ชอบดูละครเวทีทราบกัน
ว่าละครเวทีคือการรับส่งสองทาง ทั้งนักแสดงและคนดู
รอบนี้คนดูน้อย เสียงปรบมือเบากว่าเสียงนักแสดง เสียงเวลาตกใจ เสียงเวลามีฉากขำๆนิดๆ หรือเสียงที่แสดงอารมณ์ร่วมมันแทบไม่มี เราเลยคิดว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อรรถรสในการดูละครเวทีหายไปเกือบครึ่งเลยทีเดียว
แต่นั่น ก็ไม่ได้ทำให้การแสดงละครเวทีเรื่องนี้ด้อยลงไปเลยค่ะ
อย่างแรกที่ต้องชม คือ ฉากและการจัดแสง
สวยมาก เล่นแสงได้ถูกที่ถูกทาง ถูกจังหวะ มีมิติ และหลอกตาคนดูได้พอสมควร ทำให้ฉากในเรื่องที่ "น้อย" แต่ดู "มาก" ดีกว่าละครเวทีอินจันเมื่อปีที่แล้วที่พยายามใช้เทคนิคนี้แล้วเราคิดว่ามันไม่ได้ผลเท่าไหร่ ไม่ค่อยสวยและไม่ค่อยน่าจำ
อย่างที่สองคือ บทพูดค่ะ
เราว่าบทมันสวย ไดอาล็อคเพราะดี คล้ายๆฟังบทกวีเล็กๆ ฟังเพลินใช้ได้เลยค่ะ ถึงแม้จะตัดมาจนค่อนข้างสั้นมาก แต่ก็ไม่หลุดเนื้อเรื่องตีมหลักๆเท่าไหร่ เดินเรื่องก็ค่อนข้างเร็วค่ะ (ละครไม่ยาวมาก)
สามที่ต้องชมคือเมคอัพและคอสตูม
เมคอัพจุดที่เป็นเอฟเฟคต่างๆดีค่ะ เซอร์ไพรส์เล็กๆด้วย ดูแล้วมันได้อารมณ์ดี คอสตูมสวยค่ะ
นักแสดง
- นำแสดงโดย พี่เล็ก ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์ ในบทแดร็กคิวล่า ค่ะ
พี่เล็กพูดอังกฤษคล่องอยู่แล้ว มาดให้ด้วย หล่อมาก ออกน้อย แต่ดึงดูด เราว่าพี่เล็กแสดงถึงนะ ดูน่ากลัวดี แต่เมคอัพตอนแต่งแก่ ดูไม่แก่เลย น่าจะแต่งมากกว่านี้ แต่ก็ถือว่าพอถูไถไปได้
-นักแสดงหญิงทั้งสองคนในบท Lucy กับ Mina เรากลับเฉยๆมาก รวมถึงนักแสดงที่รับบท Jonathan คืะ เราว่ายังแข็งๆแปลกๆ ดูแล้วค่อนข้างจะติดขัดใจ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์แย่ ( พยายามคิดว่าเรานั่งใกล้เกินไปรึเปล่า เลยรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ใช่ค่ะ )
- เพราะนักแสดงอีกสามคน คนที่รับบทหมอซิวเวิร์ดก็แสดงลื่นไหล และโดยเฉพาะ Jo Dixon ที่รับบท แวน เฮลซิง เล่นได้สมูทมาก ฟังไป ดูไป ไม่ติดขัดแม้แต่นิดเดียว ส่วน Paul Ewing รับบท เรนฟิลด์ ก็แสดงได้น่าประทับใจ ฮีแสดงเป็นคนบ้าได้จิตและมีพลังดีค่ะ
โดยภาพรวม
ถือว่าเราค่อนข้างชอบค่ะ อย่างที่บอกในหัวกระทู้ พอละครเล่นปุ๊ป มันรู้สึกว่า นี่ไม่ได้อยู่ไทยอ่ะ เหมือนโดนดูดไปอังกฤษ (เพราะมันละครภาษาอังกฤษด้วยอ่ะใช่) เพราะบรรยากาศ แสง สี มันรู้สึกว่าโปรดักชั่นมันสวยและดูอินเตอร์มาก คือ เวลาดูละครเวทีของต่างประเทศมาเล่นที่ไทย มันก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่ได้อยู่ไทยนะ แต่เรื่องนี้กลับคิดงั้น ไม่รู้ทำไม
อยากให้ลองไปชมกันนะคะ ละครแบบนี้ไม่ได้มีมาแสดงบ่อยๆ ได้บรรยากาศแปลกใหม่ไปอีกแบบนึง
อาจจะไม่ได้ดีเริ่ด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายเงิน คิดว่าไปดูละครพูดที่เล่นกับโปรดักชั่นสวยๆอาร์ตๆสักเรื่อง ก็โอเคแล้วค่ะ ^^
เรื่องนี้ ซื้อเอง ดูเอง ตังค์ตัวเองล้วนๆนะคะ ฉายเดี่ยวด้วย
ดังนั้นรีวิวนี้เกิดจากความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ไม่มีโฆษณาแอบแฝงแน่นอน
ภาพทั้งหมดขออนุญาติดึงมาจากเฟสบุ๊คของเพจละครเวทีเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่ะ
[CR] Dracula Blood is life. เหมือนไม่ได้ดูละครเวทีอยู่เมืองไทย
เรื่องนี้เราตามข่าวมานานแล้วค่ะ เพราะชอบเรื่องราวเกี่ยวกับ dracula หลงใหลฉบับหนังปี 1992 ขั้นมากด้วย
พอมาเป็นละครเวที ก็ซื้อบัตรมาดูซะหน่อย
ด้วยความเป็นติ่งละครเวทีขาประจำอยู่แล้ว
ข้อมูลละคร
- เป็นละครพูดค่ะ ภาษาอังกฤษ มีบรรยายไทยข้างๆเวที เรานั่งหน้ามาก เลยเห็นชัด ไม่ทันได้เห็นว่าหลังๆจะมีจอเพิ่มรึเปล่า แต่เราไม่ค่อยได้หันไปดู เราว่าไม่ได้ฟังยากนะ ดูภาพการแสดงดีกว่านั่งจ้องซับค่ะเชื่อเรา
- เน้นใช้แสง สี เล่นกับฉาก
-นักแสดงมีทั้งคนไทยและต่างชาติ
- แสดงที่โรงละครเคแบงค์ สยามพิฆเนศ
- โปรยไว้ว่าเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีไม่ควรดู
เราเพิ่งดูมาเมื่อคืนที่ผ่านมาค่ะ รอบ 19:30 ค่อนข้างใจหายนะ เพราะคนดูน้อยมากกกกกกกกกกก เราดูละครเวทีมาจะ 10 ปีละ ยังไม่เคยเจอเรื่องที่คนน้อยขนาดนี้เลย
คาดว่าอาจจะด้วยข้อจำกัดหลายๆอย่าง เช่น ภาษา แนวละคร ที่ทำให้บัตรขายยาก แต่ลุยค่ะ คนน้อย ก็ลุ้นๆหน่อยว่าจะแห้งๆเปลี่ยวๆมั้ย
คำตอบ คือ เปลี่ยวพอสมควร
เพราะอย่างที่ทุกคนที่ชอบดูละครเวทีทราบกัน
ว่าละครเวทีคือการรับส่งสองทาง ทั้งนักแสดงและคนดู
รอบนี้คนดูน้อย เสียงปรบมือเบากว่าเสียงนักแสดง เสียงเวลาตกใจ เสียงเวลามีฉากขำๆนิดๆ หรือเสียงที่แสดงอารมณ์ร่วมมันแทบไม่มี เราเลยคิดว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อรรถรสในการดูละครเวทีหายไปเกือบครึ่งเลยทีเดียว
แต่นั่น ก็ไม่ได้ทำให้การแสดงละครเวทีเรื่องนี้ด้อยลงไปเลยค่ะ
อย่างแรกที่ต้องชม คือ ฉากและการจัดแสง
สวยมาก เล่นแสงได้ถูกที่ถูกทาง ถูกจังหวะ มีมิติ และหลอกตาคนดูได้พอสมควร ทำให้ฉากในเรื่องที่ "น้อย" แต่ดู "มาก" ดีกว่าละครเวทีอินจันเมื่อปีที่แล้วที่พยายามใช้เทคนิคนี้แล้วเราคิดว่ามันไม่ได้ผลเท่าไหร่ ไม่ค่อยสวยและไม่ค่อยน่าจำ
อย่างที่สองคือ บทพูดค่ะ
เราว่าบทมันสวย ไดอาล็อคเพราะดี คล้ายๆฟังบทกวีเล็กๆ ฟังเพลินใช้ได้เลยค่ะ ถึงแม้จะตัดมาจนค่อนข้างสั้นมาก แต่ก็ไม่หลุดเนื้อเรื่องตีมหลักๆเท่าไหร่ เดินเรื่องก็ค่อนข้างเร็วค่ะ (ละครไม่ยาวมาก)
สามที่ต้องชมคือเมคอัพและคอสตูม
เมคอัพจุดที่เป็นเอฟเฟคต่างๆดีค่ะ เซอร์ไพรส์เล็กๆด้วย ดูแล้วมันได้อารมณ์ดี คอสตูมสวยค่ะ
นักแสดง
- นำแสดงโดย พี่เล็ก ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์ ในบทแดร็กคิวล่า ค่ะ
พี่เล็กพูดอังกฤษคล่องอยู่แล้ว มาดให้ด้วย หล่อมาก ออกน้อย แต่ดึงดูด เราว่าพี่เล็กแสดงถึงนะ ดูน่ากลัวดี แต่เมคอัพตอนแต่งแก่ ดูไม่แก่เลย น่าจะแต่งมากกว่านี้ แต่ก็ถือว่าพอถูไถไปได้
-นักแสดงหญิงทั้งสองคนในบท Lucy กับ Mina เรากลับเฉยๆมาก รวมถึงนักแสดงที่รับบท Jonathan คืะ เราว่ายังแข็งๆแปลกๆ ดูแล้วค่อนข้างจะติดขัดใจ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์แย่ ( พยายามคิดว่าเรานั่งใกล้เกินไปรึเปล่า เลยรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ใช่ค่ะ )
- เพราะนักแสดงอีกสามคน คนที่รับบทหมอซิวเวิร์ดก็แสดงลื่นไหล และโดยเฉพาะ Jo Dixon ที่รับบท แวน เฮลซิง เล่นได้สมูทมาก ฟังไป ดูไป ไม่ติดขัดแม้แต่นิดเดียว ส่วน Paul Ewing รับบท เรนฟิลด์ ก็แสดงได้น่าประทับใจ ฮีแสดงเป็นคนบ้าได้จิตและมีพลังดีค่ะ
โดยภาพรวม
ถือว่าเราค่อนข้างชอบค่ะ อย่างที่บอกในหัวกระทู้ พอละครเล่นปุ๊ป มันรู้สึกว่า นี่ไม่ได้อยู่ไทยอ่ะ เหมือนโดนดูดไปอังกฤษ (เพราะมันละครภาษาอังกฤษด้วยอ่ะใช่) เพราะบรรยากาศ แสง สี มันรู้สึกว่าโปรดักชั่นมันสวยและดูอินเตอร์มาก คือ เวลาดูละครเวทีของต่างประเทศมาเล่นที่ไทย มันก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่ได้อยู่ไทยนะ แต่เรื่องนี้กลับคิดงั้น ไม่รู้ทำไม
อยากให้ลองไปชมกันนะคะ ละครแบบนี้ไม่ได้มีมาแสดงบ่อยๆ ได้บรรยากาศแปลกใหม่ไปอีกแบบนึง
อาจจะไม่ได้ดีเริ่ด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายเงิน คิดว่าไปดูละครพูดที่เล่นกับโปรดักชั่นสวยๆอาร์ตๆสักเรื่อง ก็โอเคแล้วค่ะ ^^
เรื่องนี้ ซื้อเอง ดูเอง ตังค์ตัวเองล้วนๆนะคะ ฉายเดี่ยวด้วย
ดังนั้นรีวิวนี้เกิดจากความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ไม่มีโฆษณาแอบแฝงแน่นอน
ภาพทั้งหมดขออนุญาติดึงมาจากเฟสบุ๊คของเพจละครเวทีเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่ะ