ธงชาติไทย มีสาม สี
สีแดง หมายถึงชาติ ขัดแย้งกันเพราะแย่งกันรักชาติ
สีขาว หมายถึง ศาสนา ขัดแย้งกันเพราะแย่งกันรักศาสนา
สีน้ำเงิน หมายถึง พระมหากษัตริย์ ขัดแย้งกันเพราะแย่งกันรัก....................
ที่นี่ประเทศไทย..................................
วันนี้ขอพูดถึงความขัดแย้ง ในเรื่องศาสนา ทางพุทธศาสนา ยึดถือเอาทางสายกลางเป็นที่ตั้ง ทางกฏหมายยึดถือเอาเจตนาเป็นที่ตั้ง
เรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ ที่นำมาขัดแย้งกัน ผมคิดว่าไม่มีใครเคยได้ยินจากปากของสมเด็จช่วง ว่าอยากได้ตำแหน่งสังฆราช และผมคิดว่าคงไม่มีใครมีโอกาสได้ยิน ผมนับถือศาสนาพุทธ ผมนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผมเคยบวชเรียนมา 1 พรรษา ระยะเวลา 9 เดือนเศษ หลวงพ่อเทศสอนเสมอว่า สมัยหนุ่มๆ พรรษาน้อยๆ เรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ ก็ยังไม่สามารถตัดกิเลสได้ พอเริ่มพรรษามากๆ ชราภาพลง ความอยากเหล่านั้นก็ค่อยๆ ลดถดถอยหายไปในที่สุด อะไรๆที่เคยอยากได้ ก็ไม่อยากได้ ท่านบอกมารยาทของสงฆ์ ไม่สามารถ ตอบรับ ตอบปฎิเสธ ในทุกๆ สิ่งที่ญาติโยมถวาย ให้
เมื่อนำคำสอนของหลวงพ่อมาไตร่ตรองกับวิกฤต ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันในเรื่องที่ดินของหลวงพ่อธัมมชโย ในกรณีที่เป็นชื่อของท่าน แล้วถูกโจมตีอยู่ในเวลานี้ ผมไม่เห็นเป็นประเด็นที่ต้องอาบัติปราชิกแต่อย่างใด ทั้งนี้ ญาติ โยม ทุกท่านก็ยึดติดในคำสอนที่ว่า ทำบุญกับพระอรหันต์เพียง 1 ครั้ง ก็มีโอกาสขึ้นสวรรค์ ซึ่งก็ไม่ผิดเพราะมีปรากฎอยู่ในพระไตรปิฏกจริงๆ อย่างไรก็แล้วแต่ ถึงแม้นว่า ชื่อในที่ดินจะปรากฎเป็นของผู้ใดก็ตาม แต่สถานที่นั้นก็ได้เป็นสถานที่ตั้งของวัดพระธรรมกาย ซึ่งก็ถือว่าเป็นศาสนสถาน ในอนาคตอีกพันปี หมื่นปี ก็ยังคงเป็นศาสนาสถานอยู่นั้นเอง คงไม่สามารถตกทอดไปเป็นของผู้ใดได้ ต่อไปก็ต้องตกเป็นทรัพย์ของแผ่นดินในที่สุด และที่ทุกท่านที่ไม่เคยเข้าไปสัมผัสในวัดพระธรรมกาย ก็จะมีแนวคิดต่างๆ นานา ส่วนตัวผมเคยไปวัดพระ
ธรรมกาย ตอนบวช จำนวน 1 ครั้ง และหลังจากนั้นสึกแล้วผมมีโอกาสเข้าไปในวัดอีกเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ผมมีโอกาสได้เสวนาธรรมกับหลวงพี่สมนึก ซึ่งทางเคยเป็นวิศวกร จบจากม.จุฬา ทางว่า ที่ท่านมาบวช ไม่สึก และเข้ามามีส่วนดูแลงานก่อสร้างภายในวัด เพราะท่านเห็นว่า ศาสนาอิสลาม ทุกคนที่นับถือ จะต้องขอให้มีโอกาสได้ไปที่นครเมกกะ สักครั้งในชีวิต แต่ว่าศาสนาพุทธของเรายังไม่มีสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมทั้งๆที่ ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ จึงอยากสร้างปฎิมากรรมทางพุทธศาสนาให้ชนรุ่นหลังได้ระลึกว่า ครั้งหนึ่งในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระพุทธศาสนาได้เจริญงอกงามเพียงใด ในรัชสมัยของท่าน ซึ่งผมคิดว่า ถ้าเราดูจากเจตนา แล้ว น่าเลื่อมใสกับแนวคิดแบบนี้ แต่ผมไม่สามารถห้ามให้คนอื่นคิดต่างได้ และยังมองไม่เห็นทางใดที่ที่ทางหลวงพ่อธัมมชโย จะสามารถเข้าไปจัดการในที่ดินที่มีคนมาถวายในชื่อของไทยได้อย่างไร เนื่องจากท่านอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถปฎิเสธได้
เหมือนกับรถยนต์หรูที่มีข่าวอยู่ในปัจจุบันนี้ เมื่อมีญาติโยมมาถวาย สมเด็จท่านก็อยู่ในสถานะที่ไม่สามารถปฎิเสธได้ และผมยังมองไม่เห็นเป็นอย่างอื่นไปได้เพราะรถยนต์ที่มีปัญหานั้นก็จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ให้ศาสนิกชนทั่วๆไปแลเห็นเป็นปกติมาช้านาน เจตนาของท่านก็เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้เรียนรู้เหมือนวัตถุโบราณอื่นๆ ที่จัดแสดงตามพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ดาษดื่นทั่วบ้านทั่วเมือง สุดท้ายพอท่านสิ้นก็ต้องเป็นของศาสนสถาน ก็ตกเป็นทรัพย์ของแผ่นดินในที่สุด พระภิกษุสงฆ์ ระดับสมเด็จ ท่านคงไม่อยากได้อะไรแล้วหละครับ นอกจากความสงบ มีแต่เราๆ นี่แหละที่ประเคน ลาภ ยศ สรรเสริญให้ท่าน เอาท่านลงมาเกลือกกลั่ว กับสื่งโสมม ไม่สิ้นสุด
สิ่งปลูกสร้าง ศาสนสถาน ไม่ว่าจะชื่อใคร เมื่อนำมาเป็นศาสนสถานแล้ว สุดท้ายก็ต้องตกเป็นทรัพย์ของแผ่นดินในที่สุด ดังตัวอย่างที่ได้เห็นปรากฎตั้งแต่บรรพบุรุษ ของเรา ซึ่งแต่ละสถานที่ก็บ่งบอกความเจริญรุ่งเรือง ในแต่ละยุค แต่ละสมัย ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้
ทำไมเราต้องมาแตกแยกกันในเรื่องลักษณะนี้กันด้วย ทั้งๆที่เรานั้นอยู่ห่างไกลกับความสุขสงบ อยู่คนละ สมณะ แล้วเราจะมานั่งทุกข์ร้อน ในเรื่องที่เราไม่รู้ข้อเท็จจริงอันใดเลย
เป็นการตั้งกระทู้ครั้งที่ 1 ของคนที่เฝ้าติดตามบอร์ดนี้มานาน
แต่ถึงตอนนี้เริ่มเห็นความไม่ชอบมาพากล อย่างที่เกริ่นมาข้างต้นคือ ธงชาติไทยมี 3 สี แล้วเราจะนำสีของธงชาติเรา เอามาห้ำหันกัน ทุกสีเลยเหรอ......
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
กระทู้ที่ 1 ว่าด้วยเรื่องความขัดแย้งในสังคมไทย 02/2559
สีแดง หมายถึงชาติ ขัดแย้งกันเพราะแย่งกันรักชาติ
สีขาว หมายถึง ศาสนา ขัดแย้งกันเพราะแย่งกันรักศาสนา
สีน้ำเงิน หมายถึง พระมหากษัตริย์ ขัดแย้งกันเพราะแย่งกันรัก....................
ที่นี่ประเทศไทย..................................
วันนี้ขอพูดถึงความขัดแย้ง ในเรื่องศาสนา ทางพุทธศาสนา ยึดถือเอาทางสายกลางเป็นที่ตั้ง ทางกฏหมายยึดถือเอาเจตนาเป็นที่ตั้ง
เรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ ที่นำมาขัดแย้งกัน ผมคิดว่าไม่มีใครเคยได้ยินจากปากของสมเด็จช่วง ว่าอยากได้ตำแหน่งสังฆราช และผมคิดว่าคงไม่มีใครมีโอกาสได้ยิน ผมนับถือศาสนาพุทธ ผมนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผมเคยบวชเรียนมา 1 พรรษา ระยะเวลา 9 เดือนเศษ หลวงพ่อเทศสอนเสมอว่า สมัยหนุ่มๆ พรรษาน้อยๆ เรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ ก็ยังไม่สามารถตัดกิเลสได้ พอเริ่มพรรษามากๆ ชราภาพลง ความอยากเหล่านั้นก็ค่อยๆ ลดถดถอยหายไปในที่สุด อะไรๆที่เคยอยากได้ ก็ไม่อยากได้ ท่านบอกมารยาทของสงฆ์ ไม่สามารถ ตอบรับ ตอบปฎิเสธ ในทุกๆ สิ่งที่ญาติโยมถวาย ให้
เมื่อนำคำสอนของหลวงพ่อมาไตร่ตรองกับวิกฤต ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันในเรื่องที่ดินของหลวงพ่อธัมมชโย ในกรณีที่เป็นชื่อของท่าน แล้วถูกโจมตีอยู่ในเวลานี้ ผมไม่เห็นเป็นประเด็นที่ต้องอาบัติปราชิกแต่อย่างใด ทั้งนี้ ญาติ โยม ทุกท่านก็ยึดติดในคำสอนที่ว่า ทำบุญกับพระอรหันต์เพียง 1 ครั้ง ก็มีโอกาสขึ้นสวรรค์ ซึ่งก็ไม่ผิดเพราะมีปรากฎอยู่ในพระไตรปิฏกจริงๆ อย่างไรก็แล้วแต่ ถึงแม้นว่า ชื่อในที่ดินจะปรากฎเป็นของผู้ใดก็ตาม แต่สถานที่นั้นก็ได้เป็นสถานที่ตั้งของวัดพระธรรมกาย ซึ่งก็ถือว่าเป็นศาสนสถาน ในอนาคตอีกพันปี หมื่นปี ก็ยังคงเป็นศาสนาสถานอยู่นั้นเอง คงไม่สามารถตกทอดไปเป็นของผู้ใดได้ ต่อไปก็ต้องตกเป็นทรัพย์ของแผ่นดินในที่สุด และที่ทุกท่านที่ไม่เคยเข้าไปสัมผัสในวัดพระธรรมกาย ก็จะมีแนวคิดต่างๆ นานา ส่วนตัวผมเคยไปวัดพระ
ธรรมกาย ตอนบวช จำนวน 1 ครั้ง และหลังจากนั้นสึกแล้วผมมีโอกาสเข้าไปในวัดอีกเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ผมมีโอกาสได้เสวนาธรรมกับหลวงพี่สมนึก ซึ่งทางเคยเป็นวิศวกร จบจากม.จุฬา ทางว่า ที่ท่านมาบวช ไม่สึก และเข้ามามีส่วนดูแลงานก่อสร้างภายในวัด เพราะท่านเห็นว่า ศาสนาอิสลาม ทุกคนที่นับถือ จะต้องขอให้มีโอกาสได้ไปที่นครเมกกะ สักครั้งในชีวิต แต่ว่าศาสนาพุทธของเรายังไม่มีสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมทั้งๆที่ ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ จึงอยากสร้างปฎิมากรรมทางพุทธศาสนาให้ชนรุ่นหลังได้ระลึกว่า ครั้งหนึ่งในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระพุทธศาสนาได้เจริญงอกงามเพียงใด ในรัชสมัยของท่าน ซึ่งผมคิดว่า ถ้าเราดูจากเจตนา แล้ว น่าเลื่อมใสกับแนวคิดแบบนี้ แต่ผมไม่สามารถห้ามให้คนอื่นคิดต่างได้ และยังมองไม่เห็นทางใดที่ที่ทางหลวงพ่อธัมมชโย จะสามารถเข้าไปจัดการในที่ดินที่มีคนมาถวายในชื่อของไทยได้อย่างไร เนื่องจากท่านอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถปฎิเสธได้
เหมือนกับรถยนต์หรูที่มีข่าวอยู่ในปัจจุบันนี้ เมื่อมีญาติโยมมาถวาย สมเด็จท่านก็อยู่ในสถานะที่ไม่สามารถปฎิเสธได้ และผมยังมองไม่เห็นเป็นอย่างอื่นไปได้เพราะรถยนต์ที่มีปัญหานั้นก็จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ให้ศาสนิกชนทั่วๆไปแลเห็นเป็นปกติมาช้านาน เจตนาของท่านก็เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้เรียนรู้เหมือนวัตถุโบราณอื่นๆ ที่จัดแสดงตามพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ดาษดื่นทั่วบ้านทั่วเมือง สุดท้ายพอท่านสิ้นก็ต้องเป็นของศาสนสถาน ก็ตกเป็นทรัพย์ของแผ่นดินในที่สุด พระภิกษุสงฆ์ ระดับสมเด็จ ท่านคงไม่อยากได้อะไรแล้วหละครับ นอกจากความสงบ มีแต่เราๆ นี่แหละที่ประเคน ลาภ ยศ สรรเสริญให้ท่าน เอาท่านลงมาเกลือกกลั่ว กับสื่งโสมม ไม่สิ้นสุด
สิ่งปลูกสร้าง ศาสนสถาน ไม่ว่าจะชื่อใคร เมื่อนำมาเป็นศาสนสถานแล้ว สุดท้ายก็ต้องตกเป็นทรัพย์ของแผ่นดินในที่สุด ดังตัวอย่างที่ได้เห็นปรากฎตั้งแต่บรรพบุรุษ ของเรา ซึ่งแต่ละสถานที่ก็บ่งบอกความเจริญรุ่งเรือง ในแต่ละยุค แต่ละสมัย ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้
ทำไมเราต้องมาแตกแยกกันในเรื่องลักษณะนี้กันด้วย ทั้งๆที่เรานั้นอยู่ห่างไกลกับความสุขสงบ อยู่คนละ สมณะ แล้วเราจะมานั่งทุกข์ร้อน ในเรื่องที่เราไม่รู้ข้อเท็จจริงอันใดเลย
เป็นการตั้งกระทู้ครั้งที่ 1 ของคนที่เฝ้าติดตามบอร์ดนี้มานาน
แต่ถึงตอนนี้เริ่มเห็นความไม่ชอบมาพากล อย่างที่เกริ่นมาข้างต้นคือ ธงชาติไทยมี 3 สี แล้วเราจะนำสีของธงชาติเรา เอามาห้ำหันกัน ทุกสีเลยเหรอ......
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ