4 December 2015
บอกก่อนว่ากระทู้นี้เน้นรูป อาจหาสาระไม่ได้มาก อิอิ
ความเดิมตอนที่แล้ว >>
http://ppantip.com/topic/34805502
วันนี้เราเดินทางไปยังเมือง Cologne กันค่ะ
ที่จริงเมื่อคืนเราเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนเนื่องจากโรคกระเพาะกำเริบ
แต่ก็ไม่วายตักอาหารมาเพียบเลย 5555
อาหารเช้าที่นี่ดีมากค่ะ มีไส้กรอกหลายชนิด ซึ่งผิดกับที่ USA ลิบลับ
ไส้กรอกแผ่นมีเป็นสิบแบบ แซลมอนรมควัน ไข่ต้ม อาหารเอเชีย ผลไม้ ชากาแฟ และอื่นๆ
ซูมใกล้ๆ
ริมซ้ายเป็นไส้กรอกพริก อร่อยดีค่ะ มีกลิ่นพริก แต่ไม่เผ็ด
ชีสต่างๆ
แซลมอนรมควัน
ส่วนนี้เป็นโซนพวกแยมต่างๆ และก็มีชอคโกแลตนิวเทลล่าให้กด
กดกันฟินเลยค่ะ ><
โยเกิร์ตรสบลูเบอรี่อร่อยมาก
หลังจากทานอาหารเช้ากันจนอิ่มแล้ว
เราก็เดินข้ามถนนมายังสถานีรถไฟค่ะ
เราเดินทางด้วยรถไฟ โดยใช้ตั๋วที่ซื้อมาแบบใช้ได้ 5 วัน ภายใน 10 วันค่ะ
จากสถานี Frankfurt Hbf > Cologne Central Station
ระหว่างอยู่บนรถไฟ ก็ต้องจัด hot chocolate ซัก 1 แก้ว
เราสังเกตว่า ตามเนินเขาเตี้ยๆ ที่นี่ส่วนมากมักจะมีปราสาทอยู่เกือบทุกเนินเลยค่ะ
ซึ่งอย่างแอดมินเคยไปสหรัฐอเมริกา ก็จะไม่เคยเห็น
ถึงเป็นเมืองฝรั่งเหมือนกัน แต่สิ่งก่อสร้างต่างๆก็ค่อนข้างจะแตกต่างกันพอสมควร
วิวข้างทาง
เราใช้เวลาเดินทางราวๆ 1 ชม.ครึ่งก็ถึงที่หมาย
เดินออกจากสถานีก็จะเจอ Kölner Dom-Cologne Cathedral
ใกล้ๆ
Kolner-Dom เป็นที่รู้จักกันในภาษาไทยว่า มหาวิหารแห่งโคโลญ
ซึ่งเป็นโบสถ์ที่เป็นสัญลักษณ์และแหล่งท่องเที่ยวหลักๆของเมืองเลยค่ะ
โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1248
สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสถานที่ประพิธีกรรมของ 3 มหากษัตริย์แห่งจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
และยังเป็นสถานที่เก็บหีบ 3 กษัตริย์ด้วยค่ะ
ซึ่งปัจจุบันก็ได้ถูกจัดอันดับให้อยู่อันดับ 4 วิหารที่สูงที่สุดในโลก
มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบ Gothic ค่ะ
เราข้ามไปเดินชมสะพาน Hohenzollern Bridge กันก่อน
เป็นสะพานที่จะมีผู้คน หรือคู่รักมากมายเอากุญแจมาคล้องกันไว้
เชื่อกันว่าจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
แม่เราบอกว่าน่าไขเอาไปใช้งาน 5555
มองย้อนกลับไปก็สวย
ใกล้ๆบ้าง
เราเดินลงจากสะพานไปเดินวนในตลาดคริสต์มาสเพื่อหาของกินกันค่ะ
วิวระหว่างทางเดิน
ซานต้าตัวจิ๋วน่ารัก
ถึงแล้วค่า ตลาดคริสมาส
บรรยากาศดีมาก ในตลาดคริสต์มาสก็จะมีพวกอาหาร และของตกแต่งเกี่ยวกับเทศกาลขายค่ะ
และที่สังเกตเห็นเยอะ ก็คือเค้าจะดื่มเบียร์กันค่ะ
ของที่ขายก็จะมีหลากหลายอย่าง น่าซื้อ แต่งราคาก็แพงค่ะ
คนเดินพลุกพล่าน
มื้อนี้เรากินไส้กรอก และพิซซ่ากันค่ะ (ลืมถ่ายรูป)
อันที่จริงตอนแรกพิซซ่าเราแค่ไปชะเง้อดู
ปรากฏว่าฝรั่งที่เค้าเพิ่งซื้อ เค้ายื่นมาให้ชิม ก็เลยซื้อ 55555
วิวดีงามมาก
ร้านเครป
ด้านบนร้านค้าต่างๆ ก็จะมีตัวตุ๊กตาทั้งขยับได้ และไม่ได้
บางตัวก็จะเป่าฟองสบู่ออกมา น่ารักดีค่ะ
วิวตึกใกล้ๆตลาด
หลังจากที่เดินเล่นกันซักพัก นั่งกินบรรยากาศภายในตลาดจนอิ่ม
เราก็เดินวนกลับไปที่โบสถ์เช่นเดิมค่ะ
เดินผ่านโบสถ์อะไรไม่รู้ เปิดเพลงเพราะดีค่ะ
คนเยอะแยะเลย ไม่รู้มีงานอะไรกัน
ร้านข้างทางก็ประดับตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาส
ร้านนี้น่ารักดีค่ะ
ใกล้กับโบสถ์ มีตลาดคริสมาสอีกที่นึง
ตลาดนี้ก็คึกคักไม่แพ้กัน
ร้านขายของเล่น
ขายของตกแต่ง
เหนือตลาดขึ้นไปก็อยู่ติดกับโบสถ์เลยค่ะ
ช่วงที่เรามา โบสถ์ทำการซ่อมแซมบางจุด
(พ่อเราบอกซ่อมตลอด มาคราวที่แล้วก็ซ่อม 5555)
ก็นะ โบสถ์เก่า ต้องคอยบูรณะซ่อมแซม
สูงใหญ่มาก
มาเข้าไปดูด้านในโบสถ์กันค่ะ
ภายในโบสถ์ค่อนข้างมืดมาก
การตกแต่งก็สวยงาม สูงใหญ่ และก็เงียบสงบค่ะ
ชอบตรงนี้มากค่ะ ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไร
กระจกแต่ละบานก็น่าจะเป็นเรื่องราวต่างๆค่ะ
พระเยซู
พื้นตรงนี้ก็มีเรื่องราวค่ะ เห็นเค้ามุงๆ พูดๆกันอยู่
แต่ต้องไปหาข้อมูลกันค่ะ เราก็จำไม่ได้ แห่ะๆ
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว มาเที่ยวหน้าหนาวก็แบบนี้
วันนี้ลากลับก่อน สวัสดีค่า
ปล.สำหรับใครที่สนใจน้ำหอม 4711 สามารถหาซื้อได้ทั่วไปนะคะ
ซึ่งน้ำหอม 4711 มีต้นกำเนิดที่เมืองนี้นั่นเองค่ะ
ประวัติคร่าวๆ
ย้อนกลับไปในปี คศ. 1792 ในงานแต่งงานของบุตร ชายนายธนาคาร ชื่อ Wihelm ณ.สำนักงานใหญ่ของธนาคาร MÜLHENS BANK ในเมือง Cologne ประเทศเยอรมันนี มีพระสงฆ์ที่มาร่วมงานผู้หนึ่ง ได้มอบเอกสารเขียนด้วยลายมือ ซึ่งเป็นสูตร ลับในการผลิตสารที่มีกลิ่นหอม และมีคุณสมบัติทางยาให้เป็นของขวัญแก่คู่บ่าวสาว ชื่อ “Aqua mirabilis” ต่อมาเจ้าบ่าวหนุ่มน้อยได้ใช้สูตรนี้ในการผลิตและจำหน่ายน้ำหอมนี้ภายใต้ชื่อสินค้า “4711 The true eau de cologne” (4711 คือ เลขที่บ้านที่เขาอยู่ซึ่งกำหนดโดยกองทัพของ จักรพรรดิ์ Napoleon) eau de cologne 4711 ของเขายังคงจำหน่ายมาจนถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลากว่า สองร้อยปี โดยผู้สืบทอดทางสายโลหิตของเขา Ferdinand Mülhens และยังคงใช้สูตรดั่งเดิมเหมือน เมื่อปี ค.ศ. 1792
Ref:
http://xn----6xfb4ac0ddme7bf3yg3ch.blogspot.com/2009/07/3.html
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านจนจบค่า
Chrismas Trip ตอน 2 - ออกเดินทางสู่มหาวิหารแห่ง Cologne
บอกก่อนว่ากระทู้นี้เน้นรูป อาจหาสาระไม่ได้มาก อิอิ
ความเดิมตอนที่แล้ว >> http://ppantip.com/topic/34805502
วันนี้เราเดินทางไปยังเมือง Cologne กันค่ะ
ที่จริงเมื่อคืนเราเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนเนื่องจากโรคกระเพาะกำเริบ
แต่ก็ไม่วายตักอาหารมาเพียบเลย 5555
อาหารเช้าที่นี่ดีมากค่ะ มีไส้กรอกหลายชนิด ซึ่งผิดกับที่ USA ลิบลับ
ไส้กรอกแผ่นมีเป็นสิบแบบ แซลมอนรมควัน ไข่ต้ม อาหารเอเชีย ผลไม้ ชากาแฟ และอื่นๆ
ซูมใกล้ๆ
ริมซ้ายเป็นไส้กรอกพริก อร่อยดีค่ะ มีกลิ่นพริก แต่ไม่เผ็ด
ชีสต่างๆ
แซลมอนรมควัน
ส่วนนี้เป็นโซนพวกแยมต่างๆ และก็มีชอคโกแลตนิวเทลล่าให้กด
กดกันฟินเลยค่ะ ><
โยเกิร์ตรสบลูเบอรี่อร่อยมาก
หลังจากทานอาหารเช้ากันจนอิ่มแล้ว
เราก็เดินข้ามถนนมายังสถานีรถไฟค่ะ
เราเดินทางด้วยรถไฟ โดยใช้ตั๋วที่ซื้อมาแบบใช้ได้ 5 วัน ภายใน 10 วันค่ะ
จากสถานี Frankfurt Hbf > Cologne Central Station
ระหว่างอยู่บนรถไฟ ก็ต้องจัด hot chocolate ซัก 1 แก้ว
เราสังเกตว่า ตามเนินเขาเตี้ยๆ ที่นี่ส่วนมากมักจะมีปราสาทอยู่เกือบทุกเนินเลยค่ะ
ซึ่งอย่างแอดมินเคยไปสหรัฐอเมริกา ก็จะไม่เคยเห็น
ถึงเป็นเมืองฝรั่งเหมือนกัน แต่สิ่งก่อสร้างต่างๆก็ค่อนข้างจะแตกต่างกันพอสมควร
วิวข้างทาง
เราใช้เวลาเดินทางราวๆ 1 ชม.ครึ่งก็ถึงที่หมาย
เดินออกจากสถานีก็จะเจอ Kölner Dom-Cologne Cathedral
ใกล้ๆ
Kolner-Dom เป็นที่รู้จักกันในภาษาไทยว่า มหาวิหารแห่งโคโลญ
ซึ่งเป็นโบสถ์ที่เป็นสัญลักษณ์และแหล่งท่องเที่ยวหลักๆของเมืองเลยค่ะ
โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1248
สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสถานที่ประพิธีกรรมของ 3 มหากษัตริย์แห่งจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
และยังเป็นสถานที่เก็บหีบ 3 กษัตริย์ด้วยค่ะ
ซึ่งปัจจุบันก็ได้ถูกจัดอันดับให้อยู่อันดับ 4 วิหารที่สูงที่สุดในโลก
มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบ Gothic ค่ะ
เราข้ามไปเดินชมสะพาน Hohenzollern Bridge กันก่อน
เป็นสะพานที่จะมีผู้คน หรือคู่รักมากมายเอากุญแจมาคล้องกันไว้
เชื่อกันว่าจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
แม่เราบอกว่าน่าไขเอาไปใช้งาน 5555
มองย้อนกลับไปก็สวย
ใกล้ๆบ้าง
เราเดินลงจากสะพานไปเดินวนในตลาดคริสต์มาสเพื่อหาของกินกันค่ะ
วิวระหว่างทางเดิน
ซานต้าตัวจิ๋วน่ารัก
ถึงแล้วค่า ตลาดคริสมาส
บรรยากาศดีมาก ในตลาดคริสต์มาสก็จะมีพวกอาหาร และของตกแต่งเกี่ยวกับเทศกาลขายค่ะ
และที่สังเกตเห็นเยอะ ก็คือเค้าจะดื่มเบียร์กันค่ะ
ของที่ขายก็จะมีหลากหลายอย่าง น่าซื้อ แต่งราคาก็แพงค่ะ
คนเดินพลุกพล่าน
มื้อนี้เรากินไส้กรอก และพิซซ่ากันค่ะ (ลืมถ่ายรูป)
อันที่จริงตอนแรกพิซซ่าเราแค่ไปชะเง้อดู
ปรากฏว่าฝรั่งที่เค้าเพิ่งซื้อ เค้ายื่นมาให้ชิม ก็เลยซื้อ 55555
วิวดีงามมาก
ร้านเครป
ด้านบนร้านค้าต่างๆ ก็จะมีตัวตุ๊กตาทั้งขยับได้ และไม่ได้
บางตัวก็จะเป่าฟองสบู่ออกมา น่ารักดีค่ะ
วิวตึกใกล้ๆตลาด
หลังจากที่เดินเล่นกันซักพัก นั่งกินบรรยากาศภายในตลาดจนอิ่ม
เราก็เดินวนกลับไปที่โบสถ์เช่นเดิมค่ะ
เดินผ่านโบสถ์อะไรไม่รู้ เปิดเพลงเพราะดีค่ะ
คนเยอะแยะเลย ไม่รู้มีงานอะไรกัน
ร้านข้างทางก็ประดับตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาส
ร้านนี้น่ารักดีค่ะ
ใกล้กับโบสถ์ มีตลาดคริสมาสอีกที่นึง
ตลาดนี้ก็คึกคักไม่แพ้กัน
ร้านขายของเล่น
ขายของตกแต่ง
เหนือตลาดขึ้นไปก็อยู่ติดกับโบสถ์เลยค่ะ
ช่วงที่เรามา โบสถ์ทำการซ่อมแซมบางจุด
(พ่อเราบอกซ่อมตลอด มาคราวที่แล้วก็ซ่อม 5555)
ก็นะ โบสถ์เก่า ต้องคอยบูรณะซ่อมแซม
สูงใหญ่มาก
มาเข้าไปดูด้านในโบสถ์กันค่ะ
ภายในโบสถ์ค่อนข้างมืดมาก
การตกแต่งก็สวยงาม สูงใหญ่ และก็เงียบสงบค่ะ
ชอบตรงนี้มากค่ะ ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไร
กระจกแต่ละบานก็น่าจะเป็นเรื่องราวต่างๆค่ะ
พระเยซู
พื้นตรงนี้ก็มีเรื่องราวค่ะ เห็นเค้ามุงๆ พูดๆกันอยู่
แต่ต้องไปหาข้อมูลกันค่ะ เราก็จำไม่ได้ แห่ะๆ
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว มาเที่ยวหน้าหนาวก็แบบนี้
วันนี้ลากลับก่อน สวัสดีค่า
ปล.สำหรับใครที่สนใจน้ำหอม 4711 สามารถหาซื้อได้ทั่วไปนะคะ
ซึ่งน้ำหอม 4711 มีต้นกำเนิดที่เมืองนี้นั่นเองค่ะ
ประวัติคร่าวๆ
ย้อนกลับไปในปี คศ. 1792 ในงานแต่งงานของบุตร ชายนายธนาคาร ชื่อ Wihelm ณ.สำนักงานใหญ่ของธนาคาร MÜLHENS BANK ในเมือง Cologne ประเทศเยอรมันนี มีพระสงฆ์ที่มาร่วมงานผู้หนึ่ง ได้มอบเอกสารเขียนด้วยลายมือ ซึ่งเป็นสูตร ลับในการผลิตสารที่มีกลิ่นหอม และมีคุณสมบัติทางยาให้เป็นของขวัญแก่คู่บ่าวสาว ชื่อ “Aqua mirabilis” ต่อมาเจ้าบ่าวหนุ่มน้อยได้ใช้สูตรนี้ในการผลิตและจำหน่ายน้ำหอมนี้ภายใต้ชื่อสินค้า “4711 The true eau de cologne” (4711 คือ เลขที่บ้านที่เขาอยู่ซึ่งกำหนดโดยกองทัพของ จักรพรรดิ์ Napoleon) eau de cologne 4711 ของเขายังคงจำหน่ายมาจนถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลากว่า สองร้อยปี โดยผู้สืบทอดทางสายโลหิตของเขา Ferdinand Mülhens และยังคงใช้สูตรดั่งเดิมเหมือน เมื่อปี ค.ศ. 1792
Ref: http://xn----6xfb4ac0ddme7bf3yg3ch.blogspot.com/2009/07/3.html
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านจนจบค่า