สวัสดีค่ะ
กระทู้นี้กลายเป็นกระทู้ข้ามปีจนได้ หลังจากที่ดองได้ที่แล้ว คราวนี้จะเขียนให้จบให้ได้ สัญญา!!
จากตอนเดิม เผื่อว่าจะมีคนอยากอ่าน แหะๆๆ
ขับรถกินลมชมวิว EP. # 2 Fukuoka - Hakata - Karatsu - Saga Part #2
http://ppantip.com/topic/34321947
ขับรถกินลมชมวิว EP. # 2 Fukuoka - Hakata - Karatsu - Saga Part #1
http://ppantip.com/topic/34313786
จากตอนเดิมที่ว่าจะพาไปเที่ยวตลาดนัดแบบบ้านๆ ของญี่ปุ่น เดี๋ยวมาดูกันค่ะว่าจะต่างจากตลาดนัดบ้านเราหรือเปล่า
ก่อนออกเดินทางมาดูบรรยายกาศตอนเช้า ตรงที่พักของเราเมื่อคืนกัน
เช้าๆ นี่อากาศดีมาก อยากมีบ้านริมน้ำ ริมทะเลแบบนี้บ้างจัง
จากที่พักขับรถออกไปไม่ไกล ก็จะเจอตลาดนี้ค่ะ
จริงๆแล้วถ้าขยันเดินหน่อย จะเดินออกกำลังไปในตัวมาก็ได้ค่ะ อยู่ไม่ไกลนัก แค่ข้ามฟากไปอีกฝั่งหนึ่งเท่านั้นเอง
จุดหมายเห็นอยู่ไม่ไกล ตรงตึกที่เห็นเป็นรูปปลาหมึกนั่น เป็นท่าเรือสำหรับเรือนำเที่ยวเมื่อวานนี้ที่เราเห็นที่ Nanatsukama ค่ะ
ตลาดก็อยู่ใกล้ๆ ท่าเรือนั่นแหละค่ะ
ป้ายทางเข้าตลาดค่ะ Yobuko Morning Market (呼子の朝市)
เค้าว่ากันว่าเป็นตลาดเช้าที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น เดี๋ยวมาดูกันค่ะว่านี่เรียกว่าใหญ่แล้วเหรอคะ
ทางเดินเล็กๆ สะอาดไม่เฉอะแฉะ
มีร้านค้าประปราย ส่วนใหญ่ขายของทะเลสดๆ และของทะเลแห้งค่ะ ส่วนใหญ่เป็นของที่หามาได้เองแล้วเอามาวางขายเล็กๆ น้อยๆก็มี
มีร้านขายผักผลไม้อยู่บ้าง องุ่นสดน่ากินมาก เลยจัดการซื้อมา 2 พวง กินเอง 1 เก็บใส่กล่องมาฝากลูกชายอีก 1
กรุบกรอบ รสชาติหวานฉ่ำ แล้วก็มีกลิ่นหอมมาก หอมขึ้นจมูกเลยละ แถมด้วยแอปเปิ้ลอีก 2 ลูก
บางอย่างเทียบราคาจากซุปเปอร์ฯแล้วราคาถูกกว่ามากค่ะ แล้วก็เป็นของที่เอามาสดๆ ใหม่ๆ หรือไม่ก็เป็นของที่ปลูกเองที่บ้าน
พอออกดอกออกผลบ้างก็เอามาขายค่ะ เป็นแผงขายเล็กๆ น้อยๆ
บางร้านก็บริการปิ้งย่างให้กินตรงนั้นเลยค่ะ กลิ่มหอมยั่วน้ำลายมาก
หอยเม่นสดๆ ตัวเดียวก็ขาย ผ่าให้กินกันสดๆ ตรงนั้นเลยค่ะ
ของทะเลสดมีวางขายเป็นระยะๆ อยู่หลายร้าน สังเกตุดูว่าจะมีปริมาณไม่มาก จะเป็นของที่ออกเรือไปหามาได้เอง แล้วเอามาขายค่ะ
บรรยากาศในตลาดก็ดูเรียบง่ายดีค่ะ พ่อค้า แม่ค้ามีตะโกนเรียกลูกค้าบ้าง เป็นระยะๆ ไม่ถึงกับอึกทึกหนวกหูอะไร
สรุปว่าชอบอ่ะ บบรยากาศแบบนี้
อิ่มท้องอิ่มใจแล้ว ก็ไปต่อกันค่ะ ก่อนที่เราจะลาจากเมืองนี้ไป ยังมีอีกจุดหมายหนึ่งที่เมืองวานนี้ไปดูไม่ทัน
คือ ศาลเจ้า Tashima (田島神社)ซึ่งต้องขับรถย้อนกลับเข้าไปที่เกาะ Kabeshima กันอีกครั้ง
สิ่งที่พิเศษไปจากศาลเจ้าอื่นๆ คือ ทางขึ้นลงนั้น ทอดยาวไปสู่ทะเลค่ะ
แอบคิดเองว่าเป็นเทพที่ขึ้นมาจากทะเลรึเปล่านะ?จริงๆแล้วเป็นศาลเจ้าที่ชาวประมงเค้าขอพรให้ช่วยป้องกันอันตรายในทะเลค่ะ
ถ้าจะมาถ่ายรูปแนะนำให้มาช่วงบ่าย-เย็นค่ะ ถ้ามาเช้าแบบเราผลที่ได้คืออย่างที่เห็นค่ะ มันจะย้อนแสง หน้ามืดกันไปเลย
ถ้าจะถ่ายรูปจากบันไดขึ้นมาโดยเห็นทะเลด้วย ต้องอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง จะเป็นท่าเรือยื่นออกมาตรงกับช่องบันไดทางขึ้น
ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ รีบมาดูซะตั้งแต่ตอนบ่ายเมื่อวานนี้ละ
ถึงจะถ่ายรูปไม่ได้ แต่ก็ขอเก็บภาพไว้ด้วยสายตาและความทรงจำก็แล้วกัน
เอาล่ะ ไปต่อกันเลยค่ะ ถัดไปที่เราจะพาไปก็คือ ปราสาท Nagoya (名護屋城跡)อันนี้ไม่ใช่คนละแห่งกับที่เมือง Nagoya นะคะ
ออกเสียงเหมือนกันแต่ตัวคันจิเขียนต่างกันค่ะ
ซึ่งตัวปราสาทตอนนี้ไม่มีเหลือแล้วนะคะ เหลือแต่ฐานเท่านั้น
จำได้จากที่ไไกด์ส่วนตัวเล่าให้ฟังว่า หลังจากจบสงครามอะไรซักอย่าง ปราสาทนี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป
ก็เลยมีการรื้อถอนออกไป เอาไม้ไปใช้สร้างที่อื่นแทนค่ะ
บริเวณทางเข้าจะมีพิพิธภัณฑ์แสดงเกี่ยวกับปราสาทอยู่ค่ะ สามารถเข้าชมได้เสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย
มีบริการไกด์แบบพกพาด้วยค่ะ เป็นtablet ให้เช่า บรรจุเนื้อหาบรรยายเกี่ยวกับปราสาท และจุดเยี่ยมชมต่างๆ แต่ว่ายังไม่มีบทบรรยายไทยนะคะ
เมื่อก่อนจะปราสาทจะมีรูปร่างประมาณนี้ค่ะ
ตอนนี้ก็อย่างที่เห็น เหลือแต่ฐานหินที่ไม่ได้ขุดออกไปค่ะ
มองจากข้างบนนี้วิวสวยจริงๆ คนสมัยก่อนก็เข้าใจเลือกทำเลกันเนอะ
ถ้าอยู่บนปราสาทก็ได้เห็นวิวสวยๆนี่ทุกวันเลย
มองเห็นเกาะ Kabeshima ด้วยค่ะ
ดูวิวไปด้วยกันพลางๆ ก่อนนะคะ
ที่ต่อไปที่เราจะไปคือแหลมฮาโดะ Hadomisaki (波戸岬)
ตรงบริเวณแหลมจะมีที่สำหรับ camping ด้วยค่ะ ด้านหนึ่งจะมีชายหาดสั้นๆ พอเล่นได้อยู่
แต่อีกด้านหนึ่งจะเป็นแนวหินโสโครก คลื่นแรงมากทีเดียว
ซึ่งตรงด้านนี้ จะเห็นอาคารขาวๆ คล้ายจะเป็นประภาคาร แต่ว่าไม่ใช่ค่ะ
ข้างในจะเป็นทางลงไปใต้น้ำ เพื่อให้เราไปดูโลกใต้น้ำ แต่ครั้งนี้เราไม่ได้เข้าไปดูค่ะ แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน
นอกจากนี้ตรงบริเวณแหลมยังมีแลนด์มาร์กอยู่อย่างหนึ่ง คือหัวใจอันนี้ค่ะ ที่ใครมาถึงที่นี่แล้วต้องมาถ่ายรูปค่ะ
แถวนี้วิวดีจริงๆ ค่ะ
ใครชมวิวจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว แต่ยังไม่อิ่มท้อง ให้เดินออกมาที่ลานจอดรถเลยค่ะ
จะเป็นร้านขายอาหารทะเลย่างเรียงรายอยู่
อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ คือ หอยย่าง ค่ะ โดยเฉพาะหอยซาซะเอะ (サザエ)มีชื่อเรียกว่า Sazae no Tsubo Yaki (サザエのつぼ焼き)
มันก็คือการย่างหอยทั้งเปลือกนั่นเอง
นี่ถ้ามีน้ำจิ้มซีฟู๊ดด้วยจะสุดยอดมาก อิอิ
นอกจากหอยซาซะเอะ แล้วก็ยังมีหอยอาวาบิด้วย แต่ดูราคาแล้วก็กินซาซะเอะต่อไปเถอะนะ
พวกปลาหมึกย่างก็มีนะคะ
หลังจากเขมือบหอยไปกองนึงแล้ว ก็มีแรงไปต่อกันละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กินหอยแรงดี อิอิ
หลังจากนี้ก็มุ่งหน้ากลับไปยัง Karatsu กันเลยค่ะ
ระหว่างทางขับผ่านจุดชมวิวแห่งหนึ่งโดยบังเอิญ คือ Hamanoura Rice Terrace (浜野浦の棚田展望台: Hamanoura no Tanada Tenboudai)
คล้ายๆนาขั้นบันได บ้านเราค่ะ แต่มีการเสริมผนังด้วยหินค่ะ
ถ้าอยากได้รูปที่เขียวๆ สวยๆ แบบในเน็ทนี่ต้องมาตอนหน้าทำนานะคะ ช่วงที่มีการปล่อยน้ำเข้านา ถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกน้ำ เห็นทะเลและท้องนาเป็นสีส้มแบบนี้ ก็ต้องมาช่วงเดือน 4-5 ค่ะ แต่ถ้ามาเดือน 10 แบบเราก็จะเห็นสภาพแบบนี้ค่ะ
และแล้วก็มาถึง Katsura จนได้ ภารกิจสำคัญของทริปนี้กำลังจะเริ่มขึ้นค่ะ
นั่นคือการเดินทางไปที่เกาะ Takashima (高島)เกาะนี้มีอะไร มา Katsura ทั้งทีทำไมต้องไป ใครพลาดแล้วจะเสียใจ หึๆๆ
เพราะว่า .........
!!!!!! เราจะไปขอพรให้ถูกหวยกันค่าาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!
ศาลเจ้า Houtou(宝当神社)บนเกาะ Takashima มีชื่อเสียงมากในญี่ปุ่น เรื่องการขอพรให้ถูกรางวัลล๊อตเตอรี่ค่ะ
มีสถิติอัตราการถูกเป็นแสนๆ ล้านๆ เยนกันเลยทีเดียว สำหรับคนที่มาขอพรที่นี่
รู้อย่างนี้แล้วจะพลาดกันได้ไงล่ะ จริงมั้ยต้องไปพิสูจน์ค่ะ
ท่าเรือสำหรับเดินทางไปเกาะจะอยู่ตรงข้ามกับปราสาท Katsura
ด้านข้างลานจอดรถหน้าปราสาทจะมีสะพานข้ามไปไปท่าเรือค่ะ
ต้องเช็กเวลาเรือออกกันให้ดีด้วยนะคะ คนก็เต็มแทบทุกเที่ยวเลยค่ะ
มาเข้าแถวรอเวลาจ่ายเงินขึ้นเรือก่อนเวลาเรือออกเกือบครึ่งชั่วโมง แถวก็ยาวเหยียดแบบนี้แล้วค่ะ
มาถึงหน้าเกาะแล้ว ตรงอาคารอิฐสีน้ำตาลนั่นเป็นท่าเรือค่ะ ขากลับต้องออกมารอขึ้นเรือที่จุดนี้ค่ะ
ศาลเจ้าจะอยู่ที่ด้านหลังอาคาร มีทางเดินอ้อมไปค่ะ ไม่ต้องกลัวหลง เพราะแทบทุกคนที่นั่งเรือมาที่นี่ ต่างมีจุดหมายเดียวกันค่ะ
ให้เข้าไปขอพรที่ศาลเจ้าก่อนนะคะ แล้วค่อยออกมา ซื้อถุงนำโชคต่างๆ
ว่ากันว่า ให้เอาล๊อตเตอรี่ที่ซื้อมาใส่ถุงนำโชคไว้ แล้วคุณอาจจะเป็นผู้โชคดีค่ะ
เสร็จภารกิจแล้วก้รีบกลับออกมารอขึ้นเรือเลยค่ะ ถ้าชักช้าอาจจะตกเรือได้นะคะ เพราะคนก็จะเยอะเหมือนเดิมค่ะ
ถ้าใครไม่รีบจะเดินเที่ยวบนเกาะสักรอบก่อนค่อยกลับก็ได้
แต่สำหรับวันนี้กว่าจะมาถึงก็บ่ายแก่ๆ แล้ว ถ้าไม่รีบกลับมีหวังต้องนอนบนเกาะแน่ๆ
กลับมาปิดท้ายกันที่ปราสาท Karatsu กันนิดนึง หลายๆท่านคงรีวิวกันไว้เยอะแล้วก็ดูผ่านๆ ไปละกัน
ไปที่ไหนๆ ก็เจอแต่บันไดสูงๆ อิชั้นเหนื่อยนะเนี่ย ยิ่งเป็นรายการสุดท้ายของวัน นี่แทบไม่อยากจะเดินขึ้นแล้วอ่ะ
ถึงแล้วก็พักเหนื่อยสูดอากาศชมวิวให้ชื่นใจสักนิด
ระหว่างทางไปโรงแรม ขอแวะเอาเท้าจุ่มน้ำทะเลหน่อย ชั้นมาถึงละนะ แต่อยู่นานๆไม่ไหว ลมแรงเกิน หนาวๆๆๆ น้ำมูกจะไหล
ที่พักคืนนี้ค่ะ โรงแรม Karatsu Daiichi Hotel Riviere ค่ะ จากหน้าต่างโรงแรมมองเห็นวิวทะเล และปราสาทด้วยค่ะ
นี่ก็คืนสุดท้ายสำหรับทริปนี้ค่ะ
เอาไว้พบกันใหม่ในทริปหน้านะคะ มารอดูกันว่าเราจะพาไปขับรถกันลมชมวิวกันที่ไหนดี
ขับรถกินลมชมวิว EP. # 2 Fukuoka - Hakata - Karatsu - Saga Part #3
จากตอนเดิม เผื่อว่าจะมีคนอยากอ่าน แหะๆๆ
ขับรถกินลมชมวิว EP. # 2 Fukuoka - Hakata - Karatsu - Saga Part #2
http://ppantip.com/topic/34321947
ขับรถกินลมชมวิว EP. # 2 Fukuoka - Hakata - Karatsu - Saga Part #1
http://ppantip.com/topic/34313786
จากตอนเดิมที่ว่าจะพาไปเที่ยวตลาดนัดแบบบ้านๆ ของญี่ปุ่น เดี๋ยวมาดูกันค่ะว่าจะต่างจากตลาดนัดบ้านเราหรือเปล่า
ก่อนออกเดินทางมาดูบรรยายกาศตอนเช้า ตรงที่พักของเราเมื่อคืนกัน
เช้าๆ นี่อากาศดีมาก อยากมีบ้านริมน้ำ ริมทะเลแบบนี้บ้างจัง
จากที่พักขับรถออกไปไม่ไกล ก็จะเจอตลาดนี้ค่ะ
จริงๆแล้วถ้าขยันเดินหน่อย จะเดินออกกำลังไปในตัวมาก็ได้ค่ะ อยู่ไม่ไกลนัก แค่ข้ามฟากไปอีกฝั่งหนึ่งเท่านั้นเอง
จุดหมายเห็นอยู่ไม่ไกล ตรงตึกที่เห็นเป็นรูปปลาหมึกนั่น เป็นท่าเรือสำหรับเรือนำเที่ยวเมื่อวานนี้ที่เราเห็นที่ Nanatsukama ค่ะ
ตลาดก็อยู่ใกล้ๆ ท่าเรือนั่นแหละค่ะ
ป้ายทางเข้าตลาดค่ะ Yobuko Morning Market (呼子の朝市)
เค้าว่ากันว่าเป็นตลาดเช้าที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น เดี๋ยวมาดูกันค่ะว่านี่เรียกว่าใหญ่แล้วเหรอคะ
ทางเดินเล็กๆ สะอาดไม่เฉอะแฉะ
มีร้านค้าประปราย ส่วนใหญ่ขายของทะเลสดๆ และของทะเลแห้งค่ะ ส่วนใหญ่เป็นของที่หามาได้เองแล้วเอามาวางขายเล็กๆ น้อยๆก็มี
มีร้านขายผักผลไม้อยู่บ้าง องุ่นสดน่ากินมาก เลยจัดการซื้อมา 2 พวง กินเอง 1 เก็บใส่กล่องมาฝากลูกชายอีก 1
กรุบกรอบ รสชาติหวานฉ่ำ แล้วก็มีกลิ่นหอมมาก หอมขึ้นจมูกเลยละ แถมด้วยแอปเปิ้ลอีก 2 ลูก
บางอย่างเทียบราคาจากซุปเปอร์ฯแล้วราคาถูกกว่ามากค่ะ แล้วก็เป็นของที่เอามาสดๆ ใหม่ๆ หรือไม่ก็เป็นของที่ปลูกเองที่บ้าน
พอออกดอกออกผลบ้างก็เอามาขายค่ะ เป็นแผงขายเล็กๆ น้อยๆ
บางร้านก็บริการปิ้งย่างให้กินตรงนั้นเลยค่ะ กลิ่มหอมยั่วน้ำลายมาก
หอยเม่นสดๆ ตัวเดียวก็ขาย ผ่าให้กินกันสดๆ ตรงนั้นเลยค่ะ
ของทะเลสดมีวางขายเป็นระยะๆ อยู่หลายร้าน สังเกตุดูว่าจะมีปริมาณไม่มาก จะเป็นของที่ออกเรือไปหามาได้เอง แล้วเอามาขายค่ะ
บรรยากาศในตลาดก็ดูเรียบง่ายดีค่ะ พ่อค้า แม่ค้ามีตะโกนเรียกลูกค้าบ้าง เป็นระยะๆ ไม่ถึงกับอึกทึกหนวกหูอะไร
สรุปว่าชอบอ่ะ บบรยากาศแบบนี้
อิ่มท้องอิ่มใจแล้ว ก็ไปต่อกันค่ะ ก่อนที่เราจะลาจากเมืองนี้ไป ยังมีอีกจุดหมายหนึ่งที่เมืองวานนี้ไปดูไม่ทัน
คือ ศาลเจ้า Tashima (田島神社)ซึ่งต้องขับรถย้อนกลับเข้าไปที่เกาะ Kabeshima กันอีกครั้ง
สิ่งที่พิเศษไปจากศาลเจ้าอื่นๆ คือ ทางขึ้นลงนั้น ทอดยาวไปสู่ทะเลค่ะ
แอบคิดเองว่าเป็นเทพที่ขึ้นมาจากทะเลรึเปล่านะ?จริงๆแล้วเป็นศาลเจ้าที่ชาวประมงเค้าขอพรให้ช่วยป้องกันอันตรายในทะเลค่ะ
ถ้าจะมาถ่ายรูปแนะนำให้มาช่วงบ่าย-เย็นค่ะ ถ้ามาเช้าแบบเราผลที่ได้คืออย่างที่เห็นค่ะ มันจะย้อนแสง หน้ามืดกันไปเลย
ถ้าจะถ่ายรูปจากบันไดขึ้นมาโดยเห็นทะเลด้วย ต้องอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง จะเป็นท่าเรือยื่นออกมาตรงกับช่องบันไดทางขึ้น
ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ รีบมาดูซะตั้งแต่ตอนบ่ายเมื่อวานนี้ละ
ถึงจะถ่ายรูปไม่ได้ แต่ก็ขอเก็บภาพไว้ด้วยสายตาและความทรงจำก็แล้วกัน
เอาล่ะ ไปต่อกันเลยค่ะ ถัดไปที่เราจะพาไปก็คือ ปราสาท Nagoya (名護屋城跡)อันนี้ไม่ใช่คนละแห่งกับที่เมือง Nagoya นะคะ
ออกเสียงเหมือนกันแต่ตัวคันจิเขียนต่างกันค่ะ
ซึ่งตัวปราสาทตอนนี้ไม่มีเหลือแล้วนะคะ เหลือแต่ฐานเท่านั้น
จำได้จากที่ไไกด์ส่วนตัวเล่าให้ฟังว่า หลังจากจบสงครามอะไรซักอย่าง ปราสาทนี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป
ก็เลยมีการรื้อถอนออกไป เอาไม้ไปใช้สร้างที่อื่นแทนค่ะ
บริเวณทางเข้าจะมีพิพิธภัณฑ์แสดงเกี่ยวกับปราสาทอยู่ค่ะ สามารถเข้าชมได้เสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย
มีบริการไกด์แบบพกพาด้วยค่ะ เป็นtablet ให้เช่า บรรจุเนื้อหาบรรยายเกี่ยวกับปราสาท และจุดเยี่ยมชมต่างๆ แต่ว่ายังไม่มีบทบรรยายไทยนะคะ
เมื่อก่อนจะปราสาทจะมีรูปร่างประมาณนี้ค่ะ
ตอนนี้ก็อย่างที่เห็น เหลือแต่ฐานหินที่ไม่ได้ขุดออกไปค่ะ
มองจากข้างบนนี้วิวสวยจริงๆ คนสมัยก่อนก็เข้าใจเลือกทำเลกันเนอะ
ถ้าอยู่บนปราสาทก็ได้เห็นวิวสวยๆนี่ทุกวันเลย
มองเห็นเกาะ Kabeshima ด้วยค่ะ
ดูวิวไปด้วยกันพลางๆ ก่อนนะคะ
ที่ต่อไปที่เราจะไปคือแหลมฮาโดะ Hadomisaki (波戸岬)
ตรงบริเวณแหลมจะมีที่สำหรับ camping ด้วยค่ะ ด้านหนึ่งจะมีชายหาดสั้นๆ พอเล่นได้อยู่
แต่อีกด้านหนึ่งจะเป็นแนวหินโสโครก คลื่นแรงมากทีเดียว
ซึ่งตรงด้านนี้ จะเห็นอาคารขาวๆ คล้ายจะเป็นประภาคาร แต่ว่าไม่ใช่ค่ะ
ข้างในจะเป็นทางลงไปใต้น้ำ เพื่อให้เราไปดูโลกใต้น้ำ แต่ครั้งนี้เราไม่ได้เข้าไปดูค่ะ แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน
นอกจากนี้ตรงบริเวณแหลมยังมีแลนด์มาร์กอยู่อย่างหนึ่ง คือหัวใจอันนี้ค่ะ ที่ใครมาถึงที่นี่แล้วต้องมาถ่ายรูปค่ะ
แถวนี้วิวดีจริงๆ ค่ะ
ใครชมวิวจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว แต่ยังไม่อิ่มท้อง ให้เดินออกมาที่ลานจอดรถเลยค่ะ
จะเป็นร้านขายอาหารทะเลย่างเรียงรายอยู่
อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ คือ หอยย่าง ค่ะ โดยเฉพาะหอยซาซะเอะ (サザエ)มีชื่อเรียกว่า Sazae no Tsubo Yaki (サザエのつぼ焼き)
มันก็คือการย่างหอยทั้งเปลือกนั่นเอง
นี่ถ้ามีน้ำจิ้มซีฟู๊ดด้วยจะสุดยอดมาก อิอิ
นอกจากหอยซาซะเอะ แล้วก็ยังมีหอยอาวาบิด้วย แต่ดูราคาแล้วก็กินซาซะเอะต่อไปเถอะนะ
พวกปลาหมึกย่างก็มีนะคะ
หลังจากเขมือบหอยไปกองนึงแล้ว ก็มีแรงไปต่อกันละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนี้ก็มุ่งหน้ากลับไปยัง Karatsu กันเลยค่ะ
ระหว่างทางขับผ่านจุดชมวิวแห่งหนึ่งโดยบังเอิญ คือ Hamanoura Rice Terrace (浜野浦の棚田展望台: Hamanoura no Tanada Tenboudai)
คล้ายๆนาขั้นบันได บ้านเราค่ะ แต่มีการเสริมผนังด้วยหินค่ะ
ถ้าอยากได้รูปที่เขียวๆ สวยๆ แบบในเน็ทนี่ต้องมาตอนหน้าทำนานะคะ ช่วงที่มีการปล่อยน้ำเข้านา ถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกน้ำ เห็นทะเลและท้องนาเป็นสีส้มแบบนี้ ก็ต้องมาช่วงเดือน 4-5 ค่ะ แต่ถ้ามาเดือน 10 แบบเราก็จะเห็นสภาพแบบนี้ค่ะ
และแล้วก็มาถึง Katsura จนได้ ภารกิจสำคัญของทริปนี้กำลังจะเริ่มขึ้นค่ะ
นั่นคือการเดินทางไปที่เกาะ Takashima (高島)เกาะนี้มีอะไร มา Katsura ทั้งทีทำไมต้องไป ใครพลาดแล้วจะเสียใจ หึๆๆ
เพราะว่า .........
!!!!!! เราจะไปขอพรให้ถูกหวยกันค่าาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!
ศาลเจ้า Houtou(宝当神社)บนเกาะ Takashima มีชื่อเสียงมากในญี่ปุ่น เรื่องการขอพรให้ถูกรางวัลล๊อตเตอรี่ค่ะ
มีสถิติอัตราการถูกเป็นแสนๆ ล้านๆ เยนกันเลยทีเดียว สำหรับคนที่มาขอพรที่นี่
รู้อย่างนี้แล้วจะพลาดกันได้ไงล่ะ จริงมั้ยต้องไปพิสูจน์ค่ะ
ท่าเรือสำหรับเดินทางไปเกาะจะอยู่ตรงข้ามกับปราสาท Katsura
ด้านข้างลานจอดรถหน้าปราสาทจะมีสะพานข้ามไปไปท่าเรือค่ะ
ต้องเช็กเวลาเรือออกกันให้ดีด้วยนะคะ คนก็เต็มแทบทุกเที่ยวเลยค่ะ
มาเข้าแถวรอเวลาจ่ายเงินขึ้นเรือก่อนเวลาเรือออกเกือบครึ่งชั่วโมง แถวก็ยาวเหยียดแบบนี้แล้วค่ะ
มาถึงหน้าเกาะแล้ว ตรงอาคารอิฐสีน้ำตาลนั่นเป็นท่าเรือค่ะ ขากลับต้องออกมารอขึ้นเรือที่จุดนี้ค่ะ
ศาลเจ้าจะอยู่ที่ด้านหลังอาคาร มีทางเดินอ้อมไปค่ะ ไม่ต้องกลัวหลง เพราะแทบทุกคนที่นั่งเรือมาที่นี่ ต่างมีจุดหมายเดียวกันค่ะ
ให้เข้าไปขอพรที่ศาลเจ้าก่อนนะคะ แล้วค่อยออกมา ซื้อถุงนำโชคต่างๆ
ว่ากันว่า ให้เอาล๊อตเตอรี่ที่ซื้อมาใส่ถุงนำโชคไว้ แล้วคุณอาจจะเป็นผู้โชคดีค่ะ
เสร็จภารกิจแล้วก้รีบกลับออกมารอขึ้นเรือเลยค่ะ ถ้าชักช้าอาจจะตกเรือได้นะคะ เพราะคนก็จะเยอะเหมือนเดิมค่ะ
ถ้าใครไม่รีบจะเดินเที่ยวบนเกาะสักรอบก่อนค่อยกลับก็ได้
แต่สำหรับวันนี้กว่าจะมาถึงก็บ่ายแก่ๆ แล้ว ถ้าไม่รีบกลับมีหวังต้องนอนบนเกาะแน่ๆ
กลับมาปิดท้ายกันที่ปราสาท Karatsu กันนิดนึง หลายๆท่านคงรีวิวกันไว้เยอะแล้วก็ดูผ่านๆ ไปละกัน
ไปที่ไหนๆ ก็เจอแต่บันไดสูงๆ อิชั้นเหนื่อยนะเนี่ย ยิ่งเป็นรายการสุดท้ายของวัน นี่แทบไม่อยากจะเดินขึ้นแล้วอ่ะ
ถึงแล้วก็พักเหนื่อยสูดอากาศชมวิวให้ชื่นใจสักนิด
ระหว่างทางไปโรงแรม ขอแวะเอาเท้าจุ่มน้ำทะเลหน่อย ชั้นมาถึงละนะ แต่อยู่นานๆไม่ไหว ลมแรงเกิน หนาวๆๆๆ น้ำมูกจะไหล
ที่พักคืนนี้ค่ะ โรงแรม Karatsu Daiichi Hotel Riviere ค่ะ จากหน้าต่างโรงแรมมองเห็นวิวทะเล และปราสาทด้วยค่ะ
นี่ก็คืนสุดท้ายสำหรับทริปนี้ค่ะ
เอาไว้พบกันใหม่ในทริปหน้านะคะ มารอดูกันว่าเราจะพาไปขับรถกันลมชมวิวกันที่ไหนดี