คือเห็นชลบุรีเล่นแล้วก็อดห่วงไม่ได้ บอลไม่เป็นทรงเลย
เอาจริงๆเลย ยุค เซอเด็จยัดูดีกว่านี้ มีระบบกว่านี้
แต่พอมองดูดีๆ น้าเทิดแกยังเอาชื่อตัวเองใส่ไปเป็นเฮดโค๊ชไม่ได้เลย
จำได้เคยมีเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้ครั้งนึง จำไม่ได้ ว่าราชบุรี หรือ สุพรรณ
ที่เอาชื่อของคนที่มี ไลเซ่น ของการเป็นผู้ฝึกสอน มาบังหน้า เมื่อตอน AFC มาตรวจ หลายปีแล้ว
แล้วนี่ก็คงเป็นเหตผลที่ทำให้น้าเทิด ไม่ได้ เอาชื่อตัวเอง ใส่เป็นเฮดโค๊ช และแพ้ไป 9 ลูก
เพราะนักฟุตบอลที่เก่ง ถ้าการถ่ายทอดองค์ความรู้ไม่ดี ก็ไม่สามารถเอาสิ่งที่คิดในหัวมาให้คนอื่นเข้าใจได้
คือในขณะที่กำลังเปลี่ยนขั้วการเมือง สมาคมฟุตบอลใหม่
ผมเชื่อว่าผู้บริหารสมัยใหม่นั้นมีวิศัยทัศน์
อีกทั้ง แนวทางของซิโก้ หรือโค๊ชเฮง ยังต้องการศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ ตามแบบญี่ปุ่นหรือเยรมัน
ที่เขาเรียกกันว่า เทรนนิ่ง เซนเตอร์ ซึ่งกระจายไปตามภิภาคต่างๆ ของประเทศ
เพื่อฝึกไห้เด็กตั้งแต่เป็นเยาวชน ได้มีเวทีสแดงออกซึ่งฝีเท้า เเละเพื่อที่จะให้ เด็กๆเหล่านั้น ได้เล่นฟุตบอลไปในแนวทางเดียวกัน
โดยหน่วยงานนี้เป็นรัฐวิสาหกิจ หาเงินโดย ขายโค๊ช และนักเตะเยาวชน
ซึ่งการจะทำยังงั้น จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ด้านฟุตบอลเป็นจำนวนมาก
ผมก็เลยคิดว่า เราควรหาบุคลากรเหล่านี้ จากภายในประเทศดีมั๊ย
ช่วงนี้มีข่าว หมอนอก หนีทุนเอยะ เลยนึกๆ อะไรแบบนี้ออกพอดี
ประมาณว่า ผู้เล่นทีมชาติ ที่ติดทีมชาติชุดใหญ่อย่างเป็นทางการเกิน 40 นัด
จะสามารถ ขอทุนไปเรียน ยูฟ่า หรือ ฟีฟ่าไลเซ่นได้ เท่าที่ตัวเองจะเรียนไหว
โดยการสนับสนุน ของสมาคมฟุตบอล กกท. และกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา
เรียนจบแล้ว ต้องกลับมาทำงานให้ เทรนนิ่งเซนเตอร์ เป็นเวลา 3 เท่าที่ใช้ศึกษา เป็นอย่างน้อย
ถ้าจะไปทำงานสโมสร จะต้องซื้อสัญญากันด้วยเงิน 3 เท่า เท่าที่ได้จากการสนับสนุนไป
คิดว่า ถ้าเราตอบแทนนักเตะ ด้วยการเป็นครูโรงเรียนฟุตบอล ด้วยงานประจำผลตอบแทนสูงจะดีมั๊ย
คือเข้าใจว่า โรงเรียนกีฬามันมีทั่วประเทศอยู่แล้ว
สถาบันที่พัฒนาทางด้านฟุตบอลโดยเฉพาะ และเป็นไปในทิศทางเดียวกันจะดีกว่าล่ะนะ
คิดยังไงกันบ้าง ถ้าเราจะตอบแทนความดีความชอบนักกีฬาฟุตบอล ด้วยอย่างอื่นที่ไม่ไช่ให้ยศทหาร ตำรวจ
เอาจริงๆเลย ยุค เซอเด็จยัดูดีกว่านี้ มีระบบกว่านี้
แต่พอมองดูดีๆ น้าเทิดแกยังเอาชื่อตัวเองใส่ไปเป็นเฮดโค๊ชไม่ได้เลย
จำได้เคยมีเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้ครั้งนึง จำไม่ได้ ว่าราชบุรี หรือ สุพรรณ
ที่เอาชื่อของคนที่มี ไลเซ่น ของการเป็นผู้ฝึกสอน มาบังหน้า เมื่อตอน AFC มาตรวจ หลายปีแล้ว
แล้วนี่ก็คงเป็นเหตผลที่ทำให้น้าเทิด ไม่ได้ เอาชื่อตัวเอง ใส่เป็นเฮดโค๊ช และแพ้ไป 9 ลูก
เพราะนักฟุตบอลที่เก่ง ถ้าการถ่ายทอดองค์ความรู้ไม่ดี ก็ไม่สามารถเอาสิ่งที่คิดในหัวมาให้คนอื่นเข้าใจได้
คือในขณะที่กำลังเปลี่ยนขั้วการเมือง สมาคมฟุตบอลใหม่
ผมเชื่อว่าผู้บริหารสมัยใหม่นั้นมีวิศัยทัศน์
อีกทั้ง แนวทางของซิโก้ หรือโค๊ชเฮง ยังต้องการศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ ตามแบบญี่ปุ่นหรือเยรมัน
ที่เขาเรียกกันว่า เทรนนิ่ง เซนเตอร์ ซึ่งกระจายไปตามภิภาคต่างๆ ของประเทศ
เพื่อฝึกไห้เด็กตั้งแต่เป็นเยาวชน ได้มีเวทีสแดงออกซึ่งฝีเท้า เเละเพื่อที่จะให้ เด็กๆเหล่านั้น ได้เล่นฟุตบอลไปในแนวทางเดียวกัน
โดยหน่วยงานนี้เป็นรัฐวิสาหกิจ หาเงินโดย ขายโค๊ช และนักเตะเยาวชน
ซึ่งการจะทำยังงั้น จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ด้านฟุตบอลเป็นจำนวนมาก
ผมก็เลยคิดว่า เราควรหาบุคลากรเหล่านี้ จากภายในประเทศดีมั๊ย
ช่วงนี้มีข่าว หมอนอก หนีทุนเอยะ เลยนึกๆ อะไรแบบนี้ออกพอดี
ประมาณว่า ผู้เล่นทีมชาติ ที่ติดทีมชาติชุดใหญ่อย่างเป็นทางการเกิน 40 นัด
จะสามารถ ขอทุนไปเรียน ยูฟ่า หรือ ฟีฟ่าไลเซ่นได้ เท่าที่ตัวเองจะเรียนไหว
โดยการสนับสนุน ของสมาคมฟุตบอล กกท. และกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา
เรียนจบแล้ว ต้องกลับมาทำงานให้ เทรนนิ่งเซนเตอร์ เป็นเวลา 3 เท่าที่ใช้ศึกษา เป็นอย่างน้อย
ถ้าจะไปทำงานสโมสร จะต้องซื้อสัญญากันด้วยเงิน 3 เท่า เท่าที่ได้จากการสนับสนุนไป
คิดว่า ถ้าเราตอบแทนนักเตะ ด้วยการเป็นครูโรงเรียนฟุตบอล ด้วยงานประจำผลตอบแทนสูงจะดีมั๊ย
คือเข้าใจว่า โรงเรียนกีฬามันมีทั่วประเทศอยู่แล้ว
สถาบันที่พัฒนาทางด้านฟุตบอลโดยเฉพาะ และเป็นไปในทิศทางเดียวกันจะดีกว่าล่ะนะ