ขายของออนไลน์โดนหมานำจับ ทำอะไรไม่ได้แล้วแต่อยากแชร์เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่น

สมัครล็อกอินมาเพื่อระบายเลยครับ อาจจะยาวหน่อยก็ขออภัยนะครับ

ผมตกงานมาได้สักพักหนึ่งแล้ว ก่อนออกจากงานมาก็ได้เงินทุนมาก้อนหนึ่งประมาณสี่หมื่นก็เลยคิดว่าจะเอาเงินก้อนนี้มาหาของขายทางอินเตอร์เน็ต
ผมก็หาของอยู่พักหนึ่งจนไปเจอเข้ากับของเล่นกระจุ๊กกระจิ๊กจากเว็บไซต์ของจีน ดูแล้วก็เอองานมันน่ารักดีก็น่าจะขายได้ เป็นงานเก๋ๆไว้ตั้งโต๊ะน่ารักๆไม่ได้มียี่ห้ออะไรปะทั้งในเว็ปและบนกล่องก็เลยไม่ได้คิดอะไรเรื่องลิขสิทธิ์และลองสั่งมาขายดูสิบชิ้น
ลองดูก่อนเพราะมีเงินทุนอยู่ไม่มาก แต่ก็หวังว่าน่าจะขายได้บ้างเพราะกะขายไม่แพง บวกกำไรนิดหน่อยเอาไม่เยอะเพราะกลัวขายไม่ออกแล้วเงินจะจม
ระหว่างรอของมาจากจีน ผมก็เปิดเพจ พยายามหาข้อมูลอะไรไป ต้องบอกก่อนว่าตัวผมเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับการขายของทางอินเตอร์เน็ตเท่าไหร่ แต่เพราะตกงานอยู่ก็เลยอยากจะหารายได้มาจากทางนี้ไปก่อน
ตอนรอก็ก็ใจเต้นตุ่มๆต่อมๆว่าของที่สั่งไปจะเหมือนในรูปรึเปล่า เพราะเคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องของไม่ตรงสเป็กจากของจีนมาเยอะ แต่พอของมาถึง เช็คของดูแล้วก็สภาพไม่ได้ผิดไปจากในรูปเท่าไหร่นัก ตอนนั้นก็โล่งใจ คิดว่าตัวเองโชคดีแล้วที่ไม่โดนหลอก และถ้าขายดีก็กะว่าจะสั่งกับเว็ปนี้อีก
พอทุกอย่างลงตัว ผมก็เอาลงขายในเพจทันที
เอาลงไม่นานครับก็มีลูกค้าสนใจแทบจะทันที
ตอนนั้นผมดีใจมาก เพราะของเพิ่งลงขายไม่นานก็ขายได้เลย
ลูกค้าคนนี้ตอนแรกก็ถามว่าผมมีของกี่ชิ้น เขาเหมาหมดเลยเพราะเขาอยากได้มาก ได้ยินอย่างนี้ก็ยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ แต่ติดที่เขาจะขอนัดรับของเพราะต้องใช้ของเลยในบ่ายวันรุ่งขึ้น(ข้ออ้างประหลาดๆ แต่ไม่ได้เอะใจ)  แต่เผอิญผมต้องออกไปธุระเลยไม่สามารถไปส่งของให้เขาได้ ตอนนั้นเสียดายก็เสียดาย พยายามหาวิธีที่จะแก้ปัญหาแต่ก็ไม่รู้จะแก้ยังไง สุดท้ายก็เลยบอกเขาไปว่าผมไม่สามารถไปส่งให้ได้ คงต้องให้เขาไปหาเจ้าอื่นแทน แต่เขาก็ยังยืนยันและเปลี่ยนเป็นว่าถ้างั้นเป็นพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงได้ไหม ซึ่งผมก็ยังไม่สะดวกอยู่ดีเพราะมีนัดรับของ ก็เลยจะต้องขอเป็นส่งพัสดุให้แทน แต่ทีนี้มันติดปัญหาอยู่ที่ถ้าส่งพัสดุแบบให้ถึงก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้เนี่ย ไปรษณีย์คงไม่ทัน และต้องใช้บริการไปรณีย์เอกชนแทน ซึ่งไปรษณีย์เอกชนที่ว่านี่ก็ไม่สามารถส่งพัสดุกล่องใหญ่ขนาดนั้นได้ (ของที่ผมขายชิ้นไม่ใหญ่ครับ แต่ถ้าจะเอาหมดเท่าที่มีนี่ก็จะต้องแพ็คเป็นกล่องใหญ่อยู่) หลังจากปรึกษากับไปรษณีย์เอกชนแล้ว ผมก็กลับไปบอกกับลูกค้าว่าก็คงส่งให้ไม่ได้อยู่ดีเพราะมันใหญ่เกินไป ทางนั้นก็ใจดีบอกว่างั้นเขาขอซื้อก่อนสี่กล่องก็แล้วกัน
ผมก็เออ จากสิบกว่ากล่องเหลือสี่กล่องก็ยังดีวะ ก็ยังขายได้ รีบตกลงเลย พอทางโน้นโอนเงินมา เช็คแล้วเงินเข้าอะไรเรียบร้อยแล้วปุ๊บ ผมก็แพ็คของเรียกคนเข้ามารับทันที
พอของส่งไปแล้วผมก็นั่งยิ้มดีใจที่ขายของได้ทั้งที่เพิ่งเอาลงไม่นาน ไม่ได้คิดอะไรเลย ฝันหวานไปใหญ่โต จนวันรุ่งขึ้น
ตื่นมาก็รีบไปเช็คกับขนส่งว่าของถึงมือลูกค้ารึยัง กลัวลูกค้าไม่ได้ของ เขาก็บอกว่าส่งวันนี้ก่อนเที่ยงแน่ๆ ไม่ต้องห่วง ถึงมือทันแน่ๆ ผมก็สบายใจแล้ว ก็นั่งลงรูปขายของของผมไป จนเที่ยงก็มีโทรศัพท์มา บอกว่าสินค้าของผมละเมิดลิขสิทธิ์และเขาก็แจ้งความไปแล้วอยู่ที่สน. ให้ผมจะไปเจรจา และก็ให้ผมรีบไปเพราะคนที่ไปส่งของ(ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย)โดนจับไว้ในฐานะที่เป็นนผู้ร่วมกระทำผิด
ผมตกใจมาก ตกใจเรื่องของผิดลิขสิทธิ์ไม่พอ ยังตกใจที่ผมไปทำให้คนอื่นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวโดนจับไปด้วยอีกต่างหาก
ความล่กเลยทำให้ผมลืมทุกอย่าง ลืมไปว่าก่อนนี้ก็เคยอ่านเรื่องพวกหมานำจับ พวกล่อซื้อ จากอินเตอร์เน็ทมาแต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันคือเรื่องเดียวกัน
ตอนนั้นพอรู้แล้วว่าของเราผิดลิขสิทธิ์จริงๆก็มึนตึบเลย แถมยังห่วงไอ้น้องที่ไปส่งของให้ด้วย  ก็เลยรีบไปที่สน.ให้เร็วที่สุด
แต่พอไปถึงสน.ก็ไม่เจอใครเลย จนเดินเข้าไปถามตำรวจในห้องสืบสวนว่าผมมาเรื่องโดนจับลิขสิทธิ์ครับ ตำรวจถึงชี้ไปที่โรงอาหารของสน.ให้ ผมก็เลยรีบเดินไปตามนั้น
ถึงตรงนี้ผมก็ยังไม่ได้เอะใจจริงๆ ว่าอ้าวแล้วทำไมถึงไปคุยกันในที่แบบนี้ ไม่ใช่ในโรงพักเหรอ และพอไปถึงแล้วที่ตรงนั้นก็มีน้องที่มาส่งของให้นั่งอยู่ตรงนั้น ผมก็เลยรีบไปหามันและทีมงาน (มันคือผู้ชายตัวอ้วนใหญ่ หัวหยิกตัดสั้น กับผู้หญิงผิวคล้ำผมทอง หน้าแบบชาวอีสาน แล้วก็ผู้ชายผิวคล้ำหน้าแบบชาวอีสานอีกคน)
(พอคิดย้อนกลับไปแล้วก็แค้น เพราะมันเป็นฉากแบบที่ผมเคยเห็นผ่านตามาจากในอินเตอร์เน็ททั้งนั้น มีเครื่องคอม เครื่องปรินเตอร์ ต่อเสียบเป็นเรื่องเป็นราว ดูเป็นสำนักงานย่อมๆ อยู่บนโต๊ะโรงอาหารไม้ๆ แบบที่เคยเห็นเปี๊ยบบบ)
พอไปถึงมันก็บอกให้ผมนั่ง บอกว่ามันเป็นกรรมการบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ผมขายของละเมิดลิขสิทธิ์
ตอนนั้นผมก็ซื่อไปซะทุกอย่าง มันว่าอะไรก็เชื่อ เชื่อโดยที่ไม่รู้จักชื่อ ไม่ได้ถามชื่อ ไม่ได้เห็นนามบัตร ไม่อะไรเลยสักอย่างมันว่าอะไรมาก็เชื่อไปหมด แถมพอมันชมว่าผมนี่แมนนะ ไม่หนี กล้ามาเผชิญหน้า ก็ยังพาซื่อไปขอบคุณมันอีก อย่างเดียวที่มันให้ดูก็คือโบรชัวร์ของบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์เท่านั้นเอง ให้เห็นว่ามีของที่ผมขายรวมอยู่ด้วยเท่านั้นเอง (โบชัวร์ แบบที่เอาไว้แจกลูกค้านะแหล่ะครับ) แต่ก็นั่นแหล่ะ ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรอื่นเลยนอกจาก เราทำผิด เราพลาดเอาของผิดลิขสิทธิ์มาขายจริงๆ คิดแต่ว่าเราผิดอยู่อย่างเดียว
มันเองก็คงเห็นท่าทางของผมและจับจุดออกก็เลยบอกให้ฟังว่า นี่เป็นคดีละเมิดลิขสิทธิ์นะ ปรับห้าหมื่นถึงสี่แสน จำคุกไม่เกินสี่ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ผมเห็นว่าคุณกล้ามา แมนๆ อย่างนี้ก็เห็นใจไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ถ้าตกลงกันได้ก็อยากจะช่วย (ผมก็ยังขอบคุณมันรัวๆ อยู่ และยังขอให้น้องที่มาส่งของให้กลับไปก่อนได้ไหม เขาไม่เกี่ยว ซึ่งมันก็บอกว่าไม่ได้เพราะน้องถือเป็นผู้ร่วมกระทำผิด ต้องนั่งอยู่จนกว่าจะตกลงกันได้)
แล้วมันก็บอกว่าเรื่องรายละเอียดว่าจะตกลงกันที่เท่าไหร่(ก็หมายถึงว่าผมจะต้องจ่ายเงินเท่าไหร่มันถึงจะไม่เอาเรื่องนั่นแหล่ะ)นั้น ให้ผมไปคุยกับทีมงานฝ่ายกฏหมายของมัน (ซึ่งก็คือผู้หญิงผมทอง)
ทีนี้ผู้หญิงคนนั้นก็เชิญผมไปอีกฟากหนึ่งของโรงอาหาร ลากเก้าอี้ไปนั่งคุยกันสองคน
มันก็เปิดก่อนเลยว่าเคสแบบนี้ ปกติทางเราสามารถเบิกบริษัทได้เลยทันทีนะแปดหมื่นบาท (ใช้ภาษางงๆ แต่อารมณ์ประมาณว่า พวกมันจะได้รางวัลจากการนำจับนี้แปดหมื่น)
น้องจะตกลงยังไง
ผมก็บอกไปว่าผมไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก ของก็เพิ่งขาย ออร์เดอร์แรกก็โดนอย่างงี้แล้ว ทุนก็จมอยู่กับของไม่มีลิขสิทธิ์ที่ผมก็เอาออกไปขายไม่ได้อีก ทั้งเนื้อทั้งตัวก็มีอยู่ไม่กี่พัน
มันก็บอกว่าน้อง มันคงไม่ได้หรอกนะ แปดหมื่นเหลือไม่กี่พัน น้องต้องเข้าใจพี่ด้วยนะ
เออ ตอนนั้นผมก็ทะลึ่งไปเข้าใจมันด้วยนะ แปดหมื่นแหน่ะ เอาวะทั้งเนื้อทั้งตัว รวมเงินก็เหลืออยู่ไม่ถึงหมื่นกะไว้ใช้กินอยู่ระหว่างนี้ แต่ก็นะ นี่มันปัญหาเฉพาะหน้าก็ต้องแก้กันก่อน ที่เหลือค่อยไปว่าเอาทีหลัง จะกินจะอยู่ยังไงก็ค่อยหาทางดิ้นรนกันอีกที
ก็เลยบอกมันไปว่า หนึ่งหมื่นได้ไหมพี่
มันก็ส่ายหัวบอกน้องเข้าใจพี่หน่อยสิ น้องไหวที่เท่าไหร่จากแปดหมื่นน่ะ
ผมก็บอกไปว่าผมมีเท่านี้จริงๆ ครับ ถ้าจะเอามากกว่านี้ผมก็ไม่มีแล้ว พี่ช่วยผมหน่อยได้ไหม
มันก็เลยส่ายหัวอีก อ่ะ งั้นพี่ให้ที่ขั้นต่ำของยอดปรับก็แล้วกัน ห้าหมื่นนะ
โห... ผมไม่ไหวหรอก มันก็ทำหน้าไม่พอใจเหมือนจะเอาเรื่องแบบ งั้นพี่ก็ต้องดำเนินคดีนะ
ผมก็ตกใจเลย งั้นสี่หมื่นได้ไหมพี่ ในใจก็ไม่รู้หรอกว่าจะหาอีกสามหมื่นมาจากไหนแต่ก็เอาวะ เวลาแบบนี้ต้องหาให้ได้มันก็ต้องได้
มันก็เลยถามว่าถ้าสี่หมื่นแล้วจบไหม จะต่ออีกไหม
ผมก็รีบบอกว่าไม่ต่ออีกแล้ว มันก็เลยบอกว่าพี่ต้องถามทางบริษัทก่อนว่าเขาจะโอเคไหม แล้วมันก็ทำเป็นเดินไปปรึกษากับไอ้คนอ้วนๆ ทำเป็นคุยโทรศัพท์อยู่พักนึงแล้วก็บอกว่า สี่หมื่นก็ได้ แต่ต้องจบแล้วนะ ไม่ใช่จะมาต่ออีกนี่พี่เสียนะ ผมก็รับรองแล้วก็รีบโทรไปหาคนโน้นคนนี้ยืมเงิน จนสุดท้ายก็หามาได้จนครบก็ออกไปกดเงินให้มัน
ตอนหยิบแบงค์พันมาสี่สิบใบมือผมนี่สั่นเลยจะร้องไห้ก็ไม่ออก เดินถือไปให้มัน
(ตอนที่ผมกลับไปก็เหลือแต่พวกมันนั่งอยู่ ส่วนน้องคนส่งของก็ไม่อยู่แล้ว มันบอกว่าเห็นว่านานเลยอนุญาตให้ไปกินข้าวกันก่อน)
มันรับเงินไปเสร็จก็บอกว่า เรื่องจบแล้วเดี๋ยวจะให้ไอ้ผู้หญิงพาผมขึ้นไปทำเรื่องถอนแจ้งความ
(ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าไปในตัวสถานีตำรวจจริงๆ ตั้งแต่มาถึง)
และครั้งนี้ผมกับมันก็ไปนั่งรอร้อยเวรเขียนใบบันทึก(ผมก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรอ่ะครับแต่หัวกระดาษเขียนไว้ว่ารายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐาน)
พอผมเซ็นเสร็จก็ถามมันว่าจบเรื่องแล้วใช่ไหม มันก็บอกว่าใช่ ผมก็เลยเดินกลับไปหาน้องคนส่งของแล้วก็ขอโทษที่ทำให้เขาเสียเวลา ก่อนจะกลับบ้านมาแบบตัวโหวงๆ
พอถึงบ้านนั่งเศร้า จิตตกอยู่พักใหญ่ๆ แต่พอไม่มีอะไรกดดันแล้วก็ถึงค่อยมีสติว่า
จนถึงตอนนี้ กระทั่งชื่อพวกมันผมก็ยังไม่ได้รู้เลย ไม่ได้เห็นเอกสารหลักฐานอะไรสักอย่างจากทางพวกมันเลยสักอย่าง กระทั่งชื่อจากไอ้คนที่มันอ้างว่าเป็นกรรมการบริษัทฝ่ายกฏหมายอะไรนั่นก็เหอะผมยังไม่รู้เลย จ่ายเงินไปสามหมื่น เอกสาร ใบเสร็จ หรืออะไรก็ไม่ได้กลับมาสักอย่าง เฮ้ย ชักแปลกไปแล้ว
ก็เลยมาลองเสิร์จในกูเกิลเรื่องจับลิขสิทธิ์ดูทีนี้ไอ้เรื่องที่เคยๆอ่านมาก่อนหน้านี้ก็ไหลเข้ามาเต็มไปหมดเลย
เท่านั้นไม่พอลองเอาชื่อไอ้ผู้หญิงที่อยู่ในใบสำเนาที่ได้มาจากตำรวจมาเสิร์จดู ก็ปรากฏว่าเจอ!! (พิมพ์ชื่อมันยังไม่ทันจบกูเกิลก็ขึ้นนามสกุลให้มันเองแล้วอ่ะ)
ชัดเลย ผมโดนหมานำจับไปสี่หมื่น
หมดตัว เป็นหนี้  และก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้วเพราะในใบนั้นมันเขียนไว้ว่า ทั้งสองฝ่ายได้สัญญาว่าจะไม่ดำเนินคดีกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งทางแพ่งและอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป
ผมเอาเรื่องอะไรกับพวกมันไม่ได้แล้ว (แถมรูปโปรไฟล์ของเบอร์มัน ก็เปลียนเป็นรูปไอ้อ้วนนั่นกำลังโชว์แบงก์พันสบายใจด้วย)
ตอนนี้ผมมืดแปดด้านมากครับ หมดอาลัยตายอยาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป เงินก้อนสุดท้ายก็หมดไปแล้ว เงินใช้หนี้ก็ไม่รู้จะไปหาจากไหน ทำอะไรไม่ได้จริงๆ จะปลงยังปลงไม่ได้เลยครับ ทั้งโกรธตัวเองที่โง่ ขนาดเคยอ่านกระทู้เตือนภัยพวกนี้แล้วก็ยังโดนอีก ทั้งแค้นพวกมัน แค้นที่ปล่อยให้มันหลอก แค้นที่ไปเกรงใจมัน ผ่านมาหลายวันแล้วก็ยังทำใจไม่ได้สักที
แต่ไหนๆ ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็ขอแค่แชร์เรื่องของผมไว้เผื่อจะช่วยเตือนให้ใครไม่ต้องตกเป็นเหยื่อพวกมันอีกก็ยังดีครับ

1- ผมไม่ได้สนับสนุนสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์นะครับ ถ้าผมรู้ว่าของที่ผมสั่งมาขายมันมีลิขสิทธิ์อยู่นี่ผมไม่เอาเข้ามาขายแน่นอน ถึงตรงนี้ก็อยากให้คนที่จะขายของลองเช็คสินค้าดีๆ นะครับ โดยเฉพาะของจากจีน เพราะที่นั่นมันงานแบบนี้มันมีเยอะมากๆ ไม่ลงยี่ห้อ ไม่ระบุอะไรเลย
2- เวลาเกิดเรื่องขายของละเมิดลิขสิทธิ์อย่างนี้เกิดขึ้น ไม่ต้องล่กนะครับ มันไม่มีสิทธิ์เรียกเราไป เพราะมันไม่ใช่ตำรวจ (และมันก็ไม่มีสิทธิไปกักตัวน้องที่ไปส่งของด้วย)
3- ถ้าไปเจอมันแล้วขอดูเอกสาร บัตรประชาชน ใบมอบอำนาจอะไรให้ครบนะครับ ถ้าเป็นไปได้ก็ถ่ายรูปถ่ายคลิปไว้เลย
4- ถ้ามันบอกว่าเราต้องเจอปรับเท่านั้นเท่านี้ จำคุกเท่านั้นเท่านี้ ไม่ต้องหลงกลมันนะครับ มันไม่มีสิทธิมาตัดสินว่าเราจะโดนลงโทษอะไรเท่าไหร่
5- มีสตินะครับ มีเยอะๆๆๆๆ เลยครับ ผมมันความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดจริงๆอย่าเป็นแบบผม กูเกิลได้กูเกิล มีคนรู้จักที่รู้กฏหมายให้โทรไปถามเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 28
จำไว้เลยว่า เรื่อง ละเมิดลิขสิทธิ์  ต้องจ่ายตังค์ที่ศาลเท่านั้น ศาลเท่านั้นเป็นคนตัดสิน ว่าจ่ายเท่าไหร่ ต้องที่ศาลเท่านั้น จะขู่อะไรก้อขู่ไป บอกว่า ขอจ่ายที่ศาลเท่านั้น จบ.   พวกนี้มันจะหายหัวไปเอง
ความคิดเห็นที่ 58
อย่าไปยอมมัน สู้เลยครับขึ้นศาลไปเลย ว่ากันไปตรงๆ ส่วนใหญ่ยกฟ้อง ถึงแพ้คดีก็ไม่กี่บาท ถ้าผิดจริงจ่ายให้ศาลดีกว่าพวกหมา
เท่าที่ผมเห็น ส่วนใหญ่สารภาพในชั้นศาลเห็นปรับไม่กี่พัน คนก่อนหน้าผมยอมความจ่ายให้ศาล5พัน
ยิ่งถ้าไม่มีเจตนาจะละเมิดจริงๆ และขายปลีกเป็นครั้งแรก โทษเบาครับ ไม่ได้ปรับหลายหมื่นหรือเป็นแสนหรอก
ส่วนผมตัดสินใจสู้จนถึงที่สุด เรียกตำรวจ เรียกหมา มานั่งดูหน้าดูตากันอีกทีบนศาล

ยืนยันครับ อย่าไปจ่าย ยังไงก็ไม่ยอม หว่านล้อมข่มขู่เอาน้ำพักน้ำแรงคนทำมาหากินสุจริตไปจ่ายให้มัน
ครั้งหน้าบาทเดียวก็ไม่ให้ อยากได้ไปเอาบนศาล และจะแถมฟ้องกลับทั้งหมาทั้งจนท.เลยอย่าพลาดละกัน
ไอ้พวกนี้แม่ม...เกิดมาในชีวิตทำมาหากินสุจริตมาตลอด ไม่เคยคิดว่าจะโดนใส่กุญแจมือ หืย.........
กลายเป็นว่าพวกคนสีเทาๆ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ส่วนพวกทำมาหากินดีๆต้องเดือดร้อน

ปล.ของผมศาลท่านเมตตา"ยกฟ้อง"ครับ


ความคิดเห็นที่ 63
นี่เป็นงานเก่าๆครับ

http://talk.ict.in.th/16109
https://www.youtube.com/watch?v=1JVZ3kZG8Zg

ส่วนอันนี้เป็นของอีกคนครับ
http://talk.ict.in.th/21865.40

พอลองหาๆดูแล้วปรากฏว่าเป็นมืออาชีพทางด้านจับลิขสิทธิ์อย่างนี้เลยครับ หากินมาเป็นสิบปีแล้ว โดยจะเปลี่ยนประเภทของที่ละเมิดลิขสิทธิไปเรื่อย
ลักษณะจะเป็นแบบนี้ครับ
http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=lexsamkok&topic=117&page=2
บริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือสินค้าหรือหนังหรือเพลง จะมอบอำนาจช่วงให้กับบริษัท...(ชื่ออะไรก็ว่ากันไป)... แล้วบริษัทนั้นก็จะมามอบอำนาจช่วงต่อให้กับคนพวกนี้ครับ(ที่บางเว็บจะเรียกคนพวกนี้ว่า นักบิน)
แล้วหลังจากนั้นคนพวกนี้ก็ออกตระเวนล่าพวกละเมิดลิขสิทธิ
ละเมิดจริงบ้าง เนียนบ้าง มั่วนิ่มกับคนไม่รู้บ้าง
ซึ่งได้ผลอย่างไรก็น่าจะเป็นในแบบรูปที่ทาง คห. 60 ช่วยสอบถามไปให้น่ะครับ
สำหรับทางเจ้าของผลิตภัณฑ์ก็ต้องถือว่าดีครับ เพราะของปลอมของเขาหายไปจากตลาด
(ผมอาจจะคิดไปเองนะ แต่ลักษณะเหมือนพวกที่มาช่วยดูเราเวลาจอดรถตามร้านอาหารอ่ะครับ คือบางคนก็ไม่ใช่เด็กของร้าน แต่มีร้านอาหารเปิด แล้วก็เข้ามาขอดูแลเรื่องที่จอดรถให้ไม่เอาค่าจ้างก็ได้ ร้านก็ไม่ได้เสียอะไร แถมมีคนมาช่วยดูรถลูกค้าให้ด้วย)
แต่สำหรับคนที่เอามาขาย(พูดในกรณีเคสผมนะครับ) คือของมันไม่ได้ผลิตที่ไทย แต่มันผลิตในจีน ดังนั้นเมื่อจีนยังผลิตอยู่และขายอยู่ ก็จะมีคนไทยที่พลาดไปสั่งมาเรื่อยๆน่ะครับเพราะมันดูจากหน้าเว็บไม่ออกว่าเป็นของมีลิขสิทธิ
เพราะงั้นก็น่าจะเป็นช่องทางให้คนพวกนี้ออกจับได้อีกเรื่อยๆน่ะครับ

คือขอย้ำอีกทีนะครับว่า ผมไม่ได้สนับสนุนการขายของละเมิดลิขสิทธินะครับ
ไอ้ที่พลาดไปแล้วก็ยอมรับจริงๆถ้าต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเสียค่าปรับก็น้อมรับครับและคงทำใจได้มากกว่านี้
แต่พอรู้ว่าตัวเองโดนหลอกเสียเงินไปแบบนี้เลยรู้สึกเหมือนไม่ได้ไปชดใช้อะไรให้ใครเลย เงินก็เสีย แต่คนออกแบบก็ไม่ได้รับค่าเสียหายจากผม กฏหมายที่ผมทำผิดก็ไม่ได้ค่าปรับไปเข้าหลวง พออย่างนี้แล้วมันก็ยิ่งแค้นใจน่ะครับ
แต่ถึงผมจะเสียรู้ไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้แล้วแต่อย่างน้อยถ้าได้เตือนภัยคนอื่นไว้ไม่ให้ใครต้องมาโดนแบบนี้อีก
ให้ผมเป็นเคสสุดท้ายที่คนพวกนี้จะเอามาเป็นช่องทางทำมาหากินได้ก็ยังดีครับ


ปล. บางคนอาจหาว่าผมไปเรียกคนพวกนี้ว่าหมา อันนี้ต้องขออภัยด้วยนะครับ เพียงแต่ผมเคยเห็นว่าลักษณะการจับกุมลิขสิทธิ์แนวๆนี้เขาเรียกกันว่า หมานำจับ ผมเลยเอามาเรียกบ้างเฉยๆเวลาคนกูเกิลหาจากคำนี้จะได้มีเคสของผมติดอยู่ไปด้วยเพื่อเตือนคนอื่น ไม่ตั้งใจจะไปด่าใคร
       และสำหรับที่ไปบอกว่าสมาชิกแก๊งค์นี้สองคน หน้าตาแบบชาวอีสาน อันนี้ก็ต้องขออภัยอีกเช่นกันครับ ไม่ได้จะดูถูกใครหรือภูมิภาคไหนทั้งสิ้น ผมแค่อยากอธิบายรูปพรรณสัณฐานของคนในแก๊งนี้ให้คนอื่นเข้าใจได้เร็วๆน่ะครับ เผื่อมีใครพลาดโดนเรื่องลิขสิทธิ์แบบนี้แล้วได้เจอคนหน้าตาแนวนี้ มีคนอ้วนๆ มีผู้หญิงผู้ชายหน้าตาแบบนี้รวมกลุ่มกันจะได้รู้เร็วๆว่าเป็นกำลังโดนแบบผม จะได้ไหวตัวทัน ไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกใครจริงๆ ครับ ขอโทษด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่